บริการสื่อความรู้ออนไลน์ Vlearn นี้ เป็นบริการของบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (“บริษัทฯ”) สำหรับผู้ใช้บริการซึ่งลงทะเบียนสำเร็จผ่านช่องทางที่บริษัทฯ กำหนด โดยมีข้อกำหนดและเงื่อนไขดังนี้ Show
1. สื่อความรู้ออนไลน์ Vlearn ที่ผู้ใช้บริการสามารถรับชมได้นั้น เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทฯ และ/หรือ ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ตัวแทนของเจ้าของ หรือบุคคลใดตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทฯ ไม่อนุญาตให้มีการทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ ไม่ว่ากรณีใดๆ 2. บริการนี้มีไว้สำหรับรับชมส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่สามารถนำไปเผยแพร่ หรือเปิดเผยต่อสาธารณะได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบริษัทฯ เป็นลายลักษณ์อักษรหรือแบ่งปัน(Share) ตามช่องทางที่บริษัทฯ อนุญาต 3. ผู้ใช้บริการสามารถรับชมสื่อการเรียนออนไลน์ Vlearn ผ่านเว็บไซต์ https://www.vlearn.world/ ซึ่งสามารถลงทะเบียนและเข้าชมได้ทันทีสำหรับสื่อความรู้ฟรี และสามารถซื้อคอร์สต่างๆ เพิ่มเติมของบริการ VCourse 4. การสมัครสมาชิก 4.1 ผู้ใช้บริการประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล จำเป็นต้องสมัครสมาชิกผ่านช่องทางที่บริษัทฯกำหนด ด้วย Email address (Username) และ รหัสผ่าน (Password) พร้อมกับยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขบริการของบริษัทฯ 4.2 ผู้ใช้บริการจะต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยืนยันความเป็นผู้ใช้บริการและสามารถสมัครสมาชิกได้เพียง 1 Email address (Username) ต่อ 1 สมาชิกเท่านั้น 4.3 บริษัทฯ มีสิทธิยกเลิกหรือจำกัดความเป็นสมาชิกได้ หากปรากฏว่าผู้ใช้บริการผิดเงื่อนไขการใช้บริการหรือนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจทำให้บริษัทฯได้รับความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใด รวมถึงการกระทำอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย 4.4 ความเป็นสมาชิกจะมีผลอยู่ตลอดไปจนกว่าจะมีการบอกเลิกการเป็นสมาชิก หรือบริษัทยกเลิกการเป็นสมาชิกอันเนื่องจากสมาชิกปฏิบัติผิดข้อกำหนดหรือเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง หรือไม่ทำการแก้ไขภายในระยะเวลาที่บริษัทได้แจ้งให้ทราบ หรือกระทำผิดกฎหมายใด ๆ รวมถึงกรณีที่บริษัทยุติการให้บริการ 4.5 ผู้ใช้บริการจะต้องรักษาบัญชีผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ไว้เป็นความลับเฉพาะตน และจะไม่ยินยอมให้บุคคลใดนำบัญชีผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ไปใช้ ไม่ว่าจะโดยความประมาทเลินเล่อ หรือโดยเจตนา หรือโอนสิทธิ หรือโดยประการใด ๆ เป็นอันขาด อย่างไรก็ดี การที่ผู้ใช้บริการยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ของผู้ใช้บริการนั้น ผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับบริษัทฯ และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องแต่เพียงผู้เดียว 5. บริษัทฯ เป็นเพียงเจ้าของลิขสิทธิ์ และ/หรือ ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ตัวแทนของเจ้าของ หรือบุคคลใดตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น มิได้เป็นผู้รับรองความถูกต้องของเนื้อหาแต่อย่างใด 6. บริษัทฯ มีสิทธิเปลี่ยนแปลงเนื้อหา ข้อกำหนดและเงื่อนไขของบริการ ตามความเหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า 7. หากบริษัทฯ ตรวจสอบพบว่ามีการนำบริการไปใช้โดยไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือนำบริการไปใช้ในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ แก่บริษัทฯ หรือ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการใช้บริการ บริษัทฯมีสิทธิระงับการใช้บริการได้ทันที 8. การให้ความยินยอมและคำรับรองของผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการรับทราบว่ายินยอมให้ผู้ให้บริการ เก็บรวบรวม ประมวลผล ใช้ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการ หรือเพื่อปรับปรุงการให้บริการ และเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือเพื่อวัตถุประสงค์การวิจัยตลาดและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือเพื่อวิเคราะห์และนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของผู้ให้บริการ และ/หรือบุคคลที่เป็นผู้จำหน่าย เป็นตัวแทน หรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการ และ/หรือของพันธมิตรทางธุรกิจของผู้ให้บริการ และ/หรือ บริษัทในกลุ่มทรู หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับใช้กับผู้ให้บริการทั้งขณะนี้และในภายภาคหน้า โดยผู้ให้บริการสามารถส่ง โอน และ/หรือเปิดเผยข้อมูลข้างต้นให้แก่บริษัทในกลุ่มของผู้ให้บริการ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ประมวลผลข้อมูล หรือหน่วยงาน/องค์กร/นิติบุคคลหรือบุคคลใดๆ ที่มีสัญญา ข้อตกลง หรือนิติสัมพันธ์ กับผู้ให้บริการหรือมีความสัมพันธ์ด้วยทั้งในประเทศและต่างประเทศ 9. ผู้ใช้บริการยินยอมให้บริษัทฯเชื่อมโยงข้อมูลที่ให้ไว้กับทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนวีเลิร์นเข้ากับบัญชีผู้ใช้ (Username) ที่ลงทะเบียนไว้ 10. ผู้ใช้บริการตกลงจะไม่กระทำการหรือร่วมกับบุคคลอื่นกระทำการใด ๆ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของบริการวีเลิร์นที่ผิดวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ หรือผิดกฎหมาย หรือขัดกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี หรือก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ กับบุคคล และ/หรือผู้ใช้บริการรายอื่น 11. การใช้บริการ Vlearn ไม่ว่าด้วยอุปกรณ์ใด หรือเวลาใด ผู้ใช้บริการรับทราบและตกลงว่าจะปฏิบัติตามข้อกําหนดและเงื่อนไขการใช้ทุกประการ รวมทั้งเงื่อนไขอื่น ๆ ที่บริษัทฯจะได้กำหนดให้มีขึ้นเพิ่มเติมภายหลังตามที่บริษัทเห็นสมควร หรือเพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย 12. บริษัทฯ มีสิทธิเปลี่ยนแปลงบริการหรือระงับบริการได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า 13. ผู้ใช้บริการตกลงใช้นามจริงหรือนามแฝง ที่เหมาะสม สุภาพ โดยห้ามใช้คำหยาบ ดูถูก เสียดสี สร้างความแตกแยก ยั่วยุ ส่อไปในทางลามกอนาจาร ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แสดงถึงการหมิ่นต่อพระบรมเดชานุภาพแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ หรือแอบอ้าง อ้างอิง พาดพิงถึงบุคคลหนึ่งคนใด สมาชิกที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไข จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นเองโดยตรงทั้งสิ้น และตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทฯ หากการฝ่าฝืนดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ 14. บริษัทฯไม่ต้องรับผิดชอบและชดใช้ค่าเสียหายใด ๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการวีเลิร์นแก่ผู้ใช้บริการหรือบุคคลอื่นใด ไม่ว่าในกรณีใด ๆ หากบริษัทฯไม่สามารถให้บริการบางส่วนหรือทั้งหมด อันเนื่องจากระบบหรืออุปกรณ์ใด ๆ ของผู้ใช้บริการชำรุดหรือขัดข้อง หรือระบบโทรศัพท์ หรือระบบสื่อสารโทรคมนาคมขัดข้องหรือเหตุใด ๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ 15. พบปัญหาการเข้าชมสื่อความรู้ออนไลน์ Vlearn หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ 02-700-8044 หรือ 064-132-2929 (จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.) Knowledge > Digital Skills วิธีเลือกใช้แผนภูมิและกราฟ PowerPoint ให้ตอบโจทย์งาน 548 views | 13/09/2022 Copy link to clipboard Apple W. Content Creator หลังจากที่เราคลุกคลีการทำสไลด์มาสักพัก เราจะสังเกตเห็นว่า PowerPoint มี Charts เยอะมาก ทั้งแผนภูมิ ตาราง และกราฟอยู่หลายแบบ แล้ว PowerPoint Chart แบบไหนล่ะที่เหมาะกับข้อมูลหรือสไตล์งานนำเสนอของเราที่สุด ? เช่น แผนภูมิแท่ง (Bar Charts), แผนภูมิเส้น (Line Charts), แผนภูมิวงกลม (Pie Charts) ฯลฯ แต่ละ Charts ควรใช้กับข้อมูลประเภทไหนถึงจะช่วยแปลงข้อมูลออกมาให้เป็นภาพ (Visualization) ให้คนดูเก็ทมากที่สุด วันนี้เราจะไปเรียนรู้เทคนิคนี้กัน6 ประเภทของแผนภูมิและกราฟ (PowerPoint Charts) และการใช้งาน1. แผนภูมิแกนต์ (Gantt Chart)แผนภูมิแกนต์นิยมใช้ทำ Project Planner โดยระบุหัวข้อกิจกรรมที่เกิดขึ้นในหนึ่งช่วงเวลาของการวางแผนงาน ซึ่งจะมีการแสดงระยะเวลาของแต่ละกิจกรรมให้อยู่ในรูปของเส้นแถบแนวนอน เหมาะสำหรับการวางแผนกิจกรรมการทำงานที่มีระยะเวลานานและซับซ้อน หรือต้องการติดตาม Process ของงานเทียบกับ Timeline ที่วางเอาไว้ ต้องการดูว่าในการดำเนินโครงการมีกิจกรรมอะไรบ้างที่จะต้องทำในช่วงเวลาเดียวกัน และต้องการจัดลำดับการทำงานให้สำเร็จตาม Timeline เป็นต้น FUN FACTS: แผนภูมิแกนต์ (Gantt Chart) ตั้งชื่อตาม Henry Laurence Gantt วิศวกรเครื่องกลชาวอเมริกัน เขาสร้างแผนภูมิแกนต์ในทศวรรษที่ 1910 เพื่อใช้ในการวางแผนระยะเวลาที่ใช้ของงานแต่ละงานว่าโครงการนี้มีงานย่อย ๆ อะไรบ้าง และแต่ละงานใช้เวลาเท่าไหร่ ควรเสร็จเมื่อไหร่ และงานไหนมาก่อนมาหลัง 2. แผนภูมิแท่ง (Bar Charts)แผนภูมิแท่งทั้งแนวตั้งและแนวนอนนิยมใช้เพื่อแสดงความผันผวนของข้อมูล เปรียบเทียบจำนวน เปอร์เซ็นต์ หรือจัดอันดับข้อมูลตั้งแต่ 2 ชุดขึ้นไป โดยกราฟแท่งแนวตั้งนิยมใช้ในการเปรียบเทียบข้อมูลชนิดเดียวกันที่เวลาแตกต่างกัน ส่วนกราฟแท่งแนวนอนมักใช้เปรียบเทียบข้อมูลต่างชนิดกันที่เวลาเดียวกัน โดยแผนภูมิแท่งมักใช้กับข้อมูลประเภทการสำรวจ (Surveys) การประเมินผล (Evaluation) และสถิติ (Statistics) ข้อควรระวังในการใช้แผนภูมิแท่งก็คือ การตกแต่งกราฟแท่งมากเกินไป เช่น ใส่รูปภาพในแผนภูมิจนลายตา ก็อาจส่งผลทำให้ประสิทธิภาพในการอ่านค่ากราฟลดลง คนดูไม่เข้าใจได้ 3. แผนภูมิวงกลม (Pie Charts)แผนภูมิวงกลมเหมาะกับการนำเสนอข้อมูลที่มีส่วนประกอบย่อยที่รวมกันเป็นส่วนใหญ่ แสดงสัดส่วนของข้อมูลต่าง ๆ ต่อข้อมูลทั้งหมดที่คิดเป็น 100% เช่น ส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share), ข้อมูลแสดงส่วนผสมต่าง ๆ เป็นต้น ข้อควรระวังในการใช้แผนภูมิวงกลมก็คือ ไม่ควรมีความแตกต่างของจำนวนตัวเลขของข้อมูลน้อยเกินไป จนไม่สามารถแบ่งแยกความแตกต่างด้วยสายตาได้ และควรมีขนาดไม่น้อยกว่า 7% ไม่อย่างนั้นจะแยกออกมาไม่ชัดเจนมากพอนั่นเอง 4. กราฟเส้น (Line Charts)กราฟเส้นมักใช้ในการนำเสนอข้อมูลที่ต้องการให้เห็นแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง มากกว่าจะแสดงเพียงจำนวนตัวเลขที่แท้จริงเท่านั้น เช่น ราคาหุ้น, ชั่วโมงการใช้มือถือในแต่ละวันของคนไทยช่วงก่อนและหลังโรคระบาด เป็นต้น เพื่อต้องการเห็นรูปแบบ แนวโน้ม และการคาดการณ์ของข้อมูล (ว่าเพิ่มหรือลดลงอย่างไร) ข้อความระวังในการใช้กราฟเส้นก็คือ ควรรวบรวมข้อมูลเพื่อเเสดงในกราฟให้มากกว่าจุดเดียว และได้หลาย ๆ จุด 5. แผนภูมิพื้นที่ (Area Charts)แผนภูมิพื้นที่จะแสดงให้เห็นปริมาณความแตกต่างระหว่างเส้น (ความหนา) เหมาะสำหรับเน้นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลา จะมีหน้าตาคล้ายกราฟเส้นเลยค่ะ แต่มีการแรเงาพื้นที่ใต้เส้นข้อมูลหรือระหว่าง 2 เส้น เพื่อแสดงให้เห็นผลรวมของความแตกต่างระหว่างข้อมูลทั้งสองชุด เช่น การแสดงกำไรของสินค้าแต่ละชนิด, อัตราการเสียชีวิตด้วยกลุ่มโรค NCDs เป็นต้น 6. แผนภูมิรูปภาพ (Picture Graph)แผนภูมิรูปภาพก็เป็นแผนภูมิที่ทำง่าย คนเห็นแล้วเก็ทไว เป็นแผนภูมิที่ประกอบไปด้วยแกนนอนและแกนตั้ง มีลักษณะคล้าย ๆ กับแผนภูมิแท่ง แต่แทนที่จะเลือกใช้แท่งทื่อ ๆ เราจะเปลี่ยนไปเลือกใช้รูปภาพหรือไอคอนแทนจำนวนของสิ่งของนั้น ๆ แทน ทำให้งานดูน่ารักมากขึ้น ดู Friendly มากขึ้น เช่น แผนภูมิรูปภาพแสดงความนิยมของนม 2 ยี่ห้อ, แผนภูมิรูปภาพแสดงผลโหวตการเลือกตั้งผู้ว่ากทม. เป็นต้น ข้อควรระวังในการใช้แผนภูมิรูปภาพก็คือ ไม่ควรมีจำนวนของข้อมูลที่นำมาเปรียบเทียบมากเกินไปเพราะจะสร้างความสับสนได้ เราจะเห็นว่ารูปแบบการนำเสนอข้อมูลมีหลายแบบมากมาย อย่างแรกเลยก็คือเราต้องพิจารณาข้อมูลที่มีก่อน และศึกษาคุณสมบัติต่าง ๆ ของรูปแบบการนำเสนอข้อมูล เพื่อที่จะสามารถเลือกรูปแบบ PowerPoint Charts ที่เหมาะสมกับการสื่อสารข้อมูลของเราได้ดีที่สุด สำหรับใครที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับการทำ Charts ต่าง ๆ ออกแบบสไลด์ให้ดูโปรมากขึ้น ขอแนะนำคอร์ส ‘PowerPoint Infographic for Business’ คลิกที่นี่ ที่มาข้อมูล
|