จอคอมพิวเตอร์หรือ Monitorเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่มีวาระในการใช้งานค่อนข้างนาน แม้จะมีการประกอบหรือเปลี่ยนสเปกภายในคอมพิวเตอร์หลายๆครั้ง แต่จอก็ยังคงสามารถใช้งานจอเดิมได้ ดังนั้นจะเป็นไรไปหละ ถ้าเราจะลงทุนดีๆ เพื่อจอที่เหมาะกับการใช้งานของเรา ไม่ว่าจะเล่นเกม ทำงานกราฟฟิค ตัดต่อ หรือ ดูหนัง ให้ครั้งเดียวแล้วตอบโจทย์ คุ้ม ใช้ยาวๆ ไปเลย วันนี้ ComputeAndMoreพาไปดูความแตกต่างของแต่ละชนิดกันว่าแบบไหนเหมาะกับอะไรที่สุด Show
ในการเลือกซื้อจอแต่ละครั้งแล้ว นอกจากราคาและรูปทรงที่เรานำมาใช้ในการพิจารณาซื้อจอมาใช้งาน ยังมีหลักเกณฑ์ในการเลือกจออีกต่างๆ มากมายแล้วหลักเกณฑ์ที่ว่ามันมีอะไรบ้างหละ วันนี้ เค้า ComputeAndMore จะมาบอกหลักในการเลือกจอกันเลยว่าต้องดูจากอะไรบ้าง เรามาดูกันเลย ประเภทของ Panel ในจอต่างมีอะไรบ้าง ? 1. จอประเภทแรก คือ จอ Panel แบบ Twisted Nematic ( TN ) เป็นจอแสดงผลที่มีราคาไม่แพงและง่ายต่อการผลิต แต่ถ้าพูดถึงคนที่ต้องการ ภาพและสีที่มีคุณภาพจะไม่ถือว่าเด่นสักเท่าไหร่
เรียกว่าอยู่ในระดับกลางๆ ค่อนไปล่าง อีกทั้งจอนี้ยังมีมุมมองที่แคบที่สุดอีกด้วย ถ้าเรามองด้านบนจะทำให้จอเห็นลางๆ มองจากด้านข้างสีอาจจะเลื่อนหรือเปลี่ยนไป มองจากข้างล่างมักจะมืด สาเหตุเกิดมาจากเทคโนโลยีของ TN นั้นมีการบิดของแสงผ่านตัวกรองหลายชั้นทำให้แสงที่ออกมานั้นชัดเจนแค่หน้าตรงด้านเดียว แต่จุดเด่นที่จอ TN ทำได้ดีมากๆ นั่นคือ Respond Time นั่นเอง โดยส่วนมากจอประเภท TN จะพบเห็นได้ตามจอเล่นเกมที่มี Refresh rate สูงๆ และเป็นจอตัวเลือกแรกๆของเกมเมอร์เลยก็ว่าได้ และยังสบายตาอีกด้วย COLOR GAMUT Color Gamut คงเป็นคำที่เกมเมอร์ทั้งหลายอาจจะไม่ค่อยคุ้นหู และไม่รู้ว่าใช้ทำอะไรแต่สำหรับคนที่ทำงานกราฟฟิค อินทีเรีย หรือ งานที่ต้องใช้ความแม่นยำเรื่องสี ชื่อนี้แทบจะเรียกได้ว่าคุ้นหู คุ้นปากกันมากๆ โดย Color Gamut
คือ ขอบเขตของสี นั่นเอง โดยจอที่สามารถ แสดงขอบเขตสีได้กว้างเราจะเรียกกันว่าจอแบบ Wide gamut นั่นเอง หมายความว่าถ้าเราต้องการใช้งาน เกี่ยวกับให้เห็นสีออกมาเหมือนจิงที่สุดกว้างที่สุด จำเป็นต้องเลือกจอที่มีค่า Color Gamut สูงๆนั่นเอง โดยระบบสีที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ หลักๆ มีสามระบบคือ REFRESH RATE คืออะไร ?
สิ่งเพิ่มเติม ที่ควรดูก่อนซื้อจอ
- Resolution (ความละเอียดจอภาพ) เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ ถ้าคุณอยากดื่มด่ำภาพที่มีความละเอียดสูง ก็ควรเลือกความละเอียด 2Kหรือ4K ขึ้นไป เทคโนโลยี G-Sync, FreeSync ลดการเลื่อมล้ำของภาพ ก่อนจะเข้าเรื่องนั้นต้องมีการอธิบายถึงปัญหาการเลื่อนล้ำ (Screen Tearing) ของการแสดงผลระหว่างตัว
การ์ดจอ กับหน้าจอของเรา เมื่อทั้ง 2 อย่างนี้มันประมวลผลและแสดงผลแบบที่ไม่ตรงกัน เช่น ค่า FPS ในเกมที่ได้จากการ์ดจอเร็วกว่าค่า Refresh Rate ของจอแสดงผล มันจะเกิดผลขึ้นที่หน้าจอของเรา ด้วยการแสดงภาพแบบเลื่อมล้ำออกมา โดยเฉพาะกับเกมพวกแนว FPS หรือเกมที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่มี Effect การประมวลผลเยอะ จะเกิดปัญหานี้มากขึ้นตามไปด้วย ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพเลยก็คือ สมมุติว่าเราเล่นเกมแล้วได้ค่า FPS ที่ประมวลผลจาก การ์ดจอออกมาที่ 120 FPS แต่ตัวจอของเรารองรับได้แค่
60 Hz เท่ากับว่า ใน 1 วินาทีนั้นการ์ดจอจะเขียนภาพออกมา 120 ภาพ แต่ตัวจอแสดงผลได้แค่เพียง 60 ภาพเท่านั้น (แสดงผลได้แค่ครึ่งหนึ่ง) ด้วยความแตกต่างนี้แหละจึงทำให้เกิดอาการภาพเลื่อมล้ำออกมาได้นั่นเอง เทคโนโลยีในการ Sync มีอะไรบ้าง ?
V-Sync : อันนี้คาดว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินหรือรู้จักกันดี เพราะมันคือการ Sync แบบปกติที่มีให้เลือกในเกมอยู่เป็นประจำ แต่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการ V-Sync นี้ เนื่องด้วยเพราะว่า ถึงแม้มันจะบังคับให้ FPS และ Refresh Rate เท่ากัน ตัดปัญหาการ Tearing ไปได้ก็จริง แต่ผลที่ตามมาก็คือเกิด Respone time ที่มากจนเกินไป หรือที่เราเรียกว่า Lag นั่นแหละ อาการนี้จะแสดงออกอย่างชัดเจนเลย เวลาที่เราเลื่อนเมาส์จริง แต่ในจอคอมกว่ามันจะเลื่อนก็รู้สึกถึงความช้า
ทำให้มันตอบสนองต่อการขยับตัวละครของเราไม่ตรงความจริง อาจจะช้ากว่า 0.5 – 1 วินาที เล่นเกมแล้วจะรู้สึกไม่สนุกเป็นอย่างมาก สู้ยอมให้มันเกิดการ Tearing บ้างจะดีเสียกว่าอีก แต่ตัวละครของเราขยับตรงตามที่เรากดจริง ปล. สุดท้ายสรุปแบบสั้นๆ หลังจากที่อ่านบทความมายืนยาวคงเกิดคำถามแล้วสรุปจอไหนดีที่สุดหละ
คำตอบคือขึ้นอยู่ที่การใช้งานของเราล้วนๆครับ เพราะแต่ละจอก็จะมีข้อดีแตกต่างกันออกไป ซึ่งทาง ComputeAndMore สรุปได้ดังนี้ สามารถเลือกซื้อ Monitor ได้ที่ https://computeandmore.com/categories/monitor-computer/monitor เลือกอ่านบทความอื่นๆของ Compute And More ได้ที่ https://computeandmore.com/ ในการซื้อจอภาพคอมพิวเตอร์ควรพิจารณาสิ่งใด ต่อไปนี้จอภาพที่ดีนั้น ควรที่จะมีความสว่างที่เพียงพอกับการใช้งานในระดับปกติ แต่ถ้าจอภาพนั้นมีแสงสว่างมากจนเกินไปก็จะทำให้แสงสัขาวมีมากเกิดไป ทำให้ภาพนั้นดูซีด และไม่เป็นผลดีกับสายตาอย่างแน่นอน ซึ่งค่านี้สามารถที่จะดูได้ที่ค่า Contrast Ratio ซึ่งเป็นค่าของอัตราส่วนระหว่างความสว่างของ แสงสีขาว กับ ความคมชัดของ แสงสีดำ โดยในบ้าง ...
ซื้อจอต้องดูอะไรบ้างแนะนำการเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์ (Monitor) หลายปัจจัยที่ควรรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อ. ดูที่ขนาดของจอและความละเอียดภาพ ... . เรื่อง Panel ของจอ 3 แบบ ที่เห็นในตลาด IPS, TN และ VA (ค่าที่เกี่ยวข้องกับเกมเมอร์คือ Response Time) ... . Refresh Rate ค่านี้สำคัญมากยิ่งสูงยิ่งเห็นภาพในเกมชัดเจนมากขึ้น. การเลือกใช้จอภาพต้องคำนึงถึงสิ่งใด1. ขนาดจอภาพ ควรเลือกจอภาพขนาด 15 นิ้ว ขึ้นไป เพราะปัจจุบันจอภาพ 15 นิ้ว มีราคาสูงกว่าจอภาพขนาด 14 นิ้ว เล็กน้อยเท่านั้น งานเอกสาร หรือ ในสำนักงาน ควรเลือกจอภาพ ขนาด 17-19 นิ้ว ส่วนงานกราฟฟิกควรเลือกจอภาพ ขนาด 19-21 นิ้ว งานออกแบบที่ต้องแสดงผลเป็น 3 มิติ ควรเลือกจอภาพ ขนาดไม่ต่ำกว่า 24 นิ้ว ใช้งานทั่วไป 14-15 นิ้ว การ ...
เลือกหน้าจอยังไงหน้าจอที่ยิ่งมีความละเอียดสูงก็จะยิ่งได้ภาพที่สวยงามและคมชัด แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งสำหรับคนงบจำกัดก็อาจจะเกินความจำเป็นที่จะเลือกจอความละเอียดสูงมาก ๆ แต่โดยทั่วไปแล้วหน้าจอขนาดประมาณ 20-30 นิ้ว จะเหมาะกับความละเอียด 1080p ขึ้นไป ส่วนหน้าจอขนาดใหญ่กว่า 30 นิ้วขึ้นไป จะเหมาะกับความละเอียดระดับ 2K หรือสูงกว่า
|