Show รู้หรือไม่ ยืมใช้สินค้าต้องเสียภาษีการยืมสินค้ามีหลายลักษณะทั้งแบบสินค้าคงรูปและแบบสินค้าใช้สิ้นเปลือง ซึ่งการยืมสินค้าในแต่ละแบบจะมีภาระภาษีแตกต่างกัน โดยหลักแล้วหากเป็นกรณีการให้ยืมสินค้าแบบคงรูป จะพิจารณาว่าผู้ให้ยืมได้โอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าไปยังผู้ยืมหรือไม่เป็นสำคัญ หากสินค้าที่นำมาให้ยืมนั้น ผู้ให้ยืมไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ในสินค้านั้นให้แก่ผู้ยืม และผู้ยืมได้นำสินค้าตัวที่ยืมไปนั้นคืนให้แก่ผู้ให้ยืม กรณีดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าแต่เข้าลักษณะเป็นการให้บริการ ซึ่งการยืมสินค้านี้ อาจมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับการให้เช่าทรัพย์สินในบางลักษณะ และอาจทำให้เกิดความสับสนแก่ผู้ใช้กฎหมาย จึงต้องศึกษาหลักกฎหมายและตัวอย่างต่างๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เจ้าของกิจการ พนักงาน หรือบุคคลอื่นใด อาจเคยให้ยืมใช้สินค้ากับบุคคลอื่นๆ ใช้เพื่อกิจการหรือเพื่อส่วนตัวเช่น ให้ยืมใช้เครื่องจักรเพื่อนำไปผลิตสินค้าให้ยืมทรัพย์สินส่วนตัว เพื่อให้ผู้ที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ทรัพย์สินได้ใช้สอยประโยชน์ในทรัพย์สินที่ยืมมาตามความประสงค์ การให้ยืมทรัพย์สินที่เป็นการยืมตามสัญญายืมใช้คงรูปจะไม่ได้มีการคิดค่าตอบแทนระหว่างกันแต่อย่างใดแต่ในบางกรณีอาจมีการคิดค่าตอบแทน เช่น การคิดดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมเงิน การคิดค่าเสียประโยชน์จากการให้บุคคลอื่นใช้ทรัพย์สินที่ยืม เป็นต้น ดังนั้นเมื่อบุคคลฝ่ายหนึ่งให้บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งยืมทรัพย์สินสิ่งสำคัญที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องศึกษาให้ถ่องแท้ คือ หลักกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลรัษฎากร เป็นต้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในการศึกษากฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการยืมจะต้องศึกษาประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์โดยเฉพาะบรรพที่ 3 ลักษณะที่ 9 ว่าด้วยเรื่องการยืม นอกจากนี้ยังต้องศึกษาบรรพที่ 1 ได้แก่ หลักในเรื่องนิติกรรม เนื่องจากสัญญายืมเป็นนิติกรรม 2 ฝ่าย และบรรพที่ 2 ได้แก่ หลักในเรื่องหนี้ เนื่องจากสัญญายืมเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้ขึ้นตามกฎหมายด้วย นอกจากนี้ยังต้องนำหลักกฎหมายที่เป็นบททั่วไปในบรรพที่ 1 และ 2 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเจตนาของคู่สัญญา ความสามารถในการทำนิติกรรม และวัตถุประสงค์ในการทำนิติกรรม สัญญายืมนั้นจึงจะมีผลใช้บังคับตามกฎหมาย หลักของกฎหมายแล้ว สัญญายืมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สัญญายืมใช้คงรูป และสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง โดยแยกพิจารณาสาระสำคัญได้ ดังนี้
หลายๆ ท่านมักสับสนระหว่างสัญญาเช่ากับสัญญายืมว่ามีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เนื่องจากสัญญาทั้ง 2 สัญญานี้มีความคล้ายคลึงกันในหลายๆ ด้าน โดยสัญญาเช่าทรัพย์สินตามมาตรา 537 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมายถึง สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้เช่า ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น ดังนั้น สัญญาเช่าจึงเป็นสัญญามีค่าตอบแทน หน้าที่และความรับผิดของผู้ยืมใช้คงรูปหน้าที่และความรับผิดของผู้ยืมใช้คงรูป 7 ประการ คือ - ถ้ายืมมีกำหนดเวลาไว้ เมื่อครบกำหนดก็ต้องคืน หน้าที่ของผู้ให้ยืมมีอะไรบ้างหน้าที่และความรับผิดของผู้ยืมใช้คงรูป. หน้าที่เสียค่าใช้จ่ายในการทำสัญญา ส่งมอบ และส่งคืนทรัพย์สินที่ยืม ... . หน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ทรัพย์สิน ... . หน้าที่สงวนทรัพย์สินที่ยืม ... . หน้าที่คืนทรัพย์สินที่ยืม ... . หน้าที่เสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาทรัพย์สินที่ยืม ... . ผู้ยืมต้องรับผิดต่อผู้ให้ยืมเมื่อผิดหน้าที่. สิทธิหน้าที่ของผู้ยืมและผู้ให้ยืม มีอะไรบ้าง1. ผู้ยืมต้องจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมอันเกิดจากการยืม การทำสัญญา การส่งมอบ หรือการส่งคืนทรัพย์ที่ยืม 2. ผู้ยืมต้องใช้ความระวังในการใช้ทรัพย์สินที่ยืม ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้ในการอย่างอื่นนอกจากการใช้ แบบไม่ปกติ 3. ผู้ยืมจะต้องสงวนทรัพย์สินซึ่งยืมไปเหมือนเช่นวิญญูชนจะ
ข้อใดคือเป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองยืมใช้สิ้นเปลือง 1.ลักษณะและหลักเกณฑ์สำคัญของสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง 15 15 การยืมใช้สิ้นเปลืองนั้น คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไป เช่นข้าวสาร น้ำมัน เป็นต้น ในปริมาณที่มีกำหนดแน่นอนให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืน ทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ ...
ข้อใดเป็นสิทธิของผู้ยืมใช้คงรูปสัญญายืมใช้คงรูปเมื่อบริบูรณ์แล้ว ไม่ก่อหน้าที่แก่ผู้ให้ยืมให้ต้องรับผิดเพราะความชำรุดบกพร่องใด ๆ ที่เกิดต่อทรัพย์สินอันให้ยืม เว้นแต่เขารู้ดีอยู่แล้วว่ามีความชำรุดบกพร่องในทรัพย์สินแล้วให้ยืมไปโดยไม่บอกกล่าวผู้ยืม อันเป็นผลให้ผู้ยืมไม่อาจใช้สอยทรัพย์สินนั้นได้ด้วยดี ผู้ให้ยืมอาจต้องรับผิดตามหลักกฎหมายทั่วไปว่าด้วย ...
|