อาชีพอะไรที่ต้องการมากที่สุด

ส่อง 10 เทรนด์ "อาชีพ 2565" ที่เรียนจบมา ไม่ "ตกงาน" แน่นอน กำลังเป็นที่ต้องการของ ตลาดแรงงาน มากที่สุดในตอนนี้

เทรนด์ "อาชีพ 2565" เป็นอย่างไร หลังจาก เศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน จากปัญหาการของ ไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการทำ ธุรกิจ สำหรับปี 2565 "อาชีพ" ที่ตลาดต้องการคือกลุ่มใด คมชัดลึกออนไลน์ ได้รวบรวม 10อาชีพ ที่ ตลาดแรงงาน ต้องการมากที่สุด เลือกเรียนให้ถูก ไม่ตกงานแน่

ทั้งนี้ จากผลสำรวจ 10 อันดับ "อาชีพ" ที่กำลังมาแรงแห่งปี ได้แก่

1. สายงานขายและการตลาด ตำแหน่งงานที่บริษัทต่าง ๆ เปิดรับสมัครงานมากที่สุดก็คงเป็นงานขาย พนักงานขายจึงเป็นตำแหน่งที่สร้างรายได้ให้บริษัทโดยตรง หลายบริษัทจึงเปิดรับสมัครงานตำแหน่งนี้เยอะมาก

2. งานขนส่งและคลังสินค้า เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับระบบโลจิสติกส์ ต้องเข้ามาจัดการระบบขนส่ง หรือการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ ทำให้ความต้องการอาชีพนี้อยู่ในทุกพื้นที่

3. อาชีพด้านไอที เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำเนินธุรกิจและการทำงานในยุคดิจิทัล สายงาน IT จึงมีความต้องการสูงขึ้นในทุกปี

4. อาชีพวิศวกร หนึ่งอาชีพที่ขาดแคลน เพราะนายจ้างต้องการแรงงานที่มีทักษะเชิงลึกและทักษะรอบด้านประกอบกัน และยังพิจารณาจาก ประสบการณ์ในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ

5. ช่างเทคนิค สายงานนี้รับผู้สมัครหลากหลายระดับการศึกษา ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและความรับผิดชอบของงาน โดยลักษณะงานเกี่ยวกับการ ซ่อม และบำรุงรักษาเครื่องจักร เครื่องมือเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับโลหะและไฟฟ้า ซึ่งมีส่วนสำคัญในแรงงานการผลิต

ต่อจากนี้เป็น "อาชีพ" ที่ทำในงาน ออฟฟิศ เป็นหลัก

6. เจ้าหน้าที่บัญชี เป็นงานที่ยากและจะต้องมีความเป๊ะที่สุด ยังเป็นสายงานที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะด้านในการจัดการ นักบัญชีนี่แหละคือผู้ที่จัดการส่งเอกสารทั้งหมดที่กรมสรรพากรต้องการ

7. เจ้าหน้าที่การเงิน การบริหารจัดการเงินและสินทรัพย์ต่าง ๆ ของบริษัทถือเป็นเรื่องที่สำคัญ งานด้านนี้ต้องการคนที่มีทักษะที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีและตัวเลข และต้องเป็นคนที่มีความละเอียดรอบคอบอีกด้วย

8. เจ้าหน้าที่ธุรการและงานจัดซื้อ เป็นสายงานที่คนทำงานในส่วน นี้ถือเป็นกำลังสำคัญของบริษัท มีหน้าที่การดูแลจัดการเอกสาร การประสานงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร

9. อาชีพบริการลูกค้า/พนักงานต้อนรับ องค์กรจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลกับลูกค้าหรือผู้บริโภค เกี่ยวกับบริการหลังการขาย รวมถึงงาน Call Center เพราะนี่คือ งานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า

10. อาชีพการตลาดและประชาสัมพันธ์ หนึ่งในอาชีพที่ตลาดต้องการเสมอ เพราะนักการตลาดและประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ในการสร้างและปฏิบัติกลยุทธ์และแคมเปญการตลาด เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์

ในปี 2565 ยังเป็นปีที่หนักหน่วง กับนักศึกษาจบใหม่ที่มองหางานทำ หรือคนที่เฝ้ามองว่าทิศทางของการลงทุน ถึงตอนนี้ก็ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ เนื่องจากปัญหาตอนนี้ ทั้งภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก ปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID19 ที่ยังหนักอยู่ และยังมีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไหนจะปัจจัยภายในประเทศของเราอีกด้วย

หลายๆ คนคงเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าโควิด-19 และการเข้ามาของนวัตกรรมเทคโนโลยีได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวิถีชีวิต ให้กับภาคธุรกิจ รวมถึงภาคของ ‘ตลาดแรงงาน’ ของเราเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการทำงานที่เราสามารถจะทำงานจากที่ไหนก็ได้ หรือจะเป็นเรื่องของความต้องการที่มากขึ้นในบางสายงาน จากความสำคัญที่มากขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา (ซึ่งในที่นี้คือการระบาดของโควิด-19 และบทบาทที่มากขึ้นของเทคโนโลยีในธุรกิจ) แต่ในขณะเดียวกันก็อาจมีบางสายงานที่ถูกลดความสำคัญลงไปเช่นกัน จากการทดแทนของการนำระบบอัตโนมัติมาใช้

Advertisements

โดยทาง Bureau of Labor Statistics หรือสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ ก็ได้มีการเผยผลสำรวจการเติบโตและรายได้ของ 10 อาชีพที่คาดว่าจะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอีกสิบปีข้างหน้า มาดูกันเลยว่าจะมีอาชีพอะไรบ้าง!

1) ช่างเทคนิคดูแลรักษากังหันลม

แนวโน้มการเติบโต 68.2% เงินเดือนเฉลี่ย $56,230 

2) พยาบาลเวชปฏิบัติ

แนวโน้มการเติบโต 52.2% เงินเดือนเฉลี่ย $111,680

3) ช่างติดตั้งโซลาร์เซลล์

แนวโน้มการเติบโต 52.1% เงินเดือนเฉลี่ย $46,470

4) นักสถิติ

แนวโน้มการเติบโต 35.4% เงินเดือนเฉลี่ย $92,270

5) ผู้ช่วยนักกายภาพบำบัด

แนวโน้มการเติบโต 35.4% เงินเดือนเฉลี่ย $59,770

6) นักวิเคราะห์ความปลอดภัยข้อมูล

แนวโน้มการเติบโต 33.3% เงินเดือนเฉลี่ย $103,590

7) ผู้ดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้าน

แนวโน้มการเติบโต 32.6% เงินเดือนเฉลี่ย $27,080

8) ผู้บริหารจัดการบริการสุขภาพ

Advertisements

แนวโน้มการเติบโต 32.5% เงินเดือนเฉลี่ย $104,280

9) นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล

แนวโน้มการเติบโต 31.4% เงินเดือนเฉลี่ย $98,230

10) ผู้ช่วยแพทย์

แนวโน้มการเติบโต 31.0% เงินเดือนเฉลี่ย $115,390

เราจะเห็นได้ว่าอาชีพช่างเทคนิคดูแลรักษากังหันลมเป็นอาชีพที่มีความต้องการมากที่สุดในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 68.2% 

โดยทาง Michael Wolf หัวหน้าแผนกสถิติแรงงานได้กล่าวกับ CNBC Make It ว่า “เราสามารถจัดประเภทอาชีพออกเป็นสามประเภทคือ ด้านพลังงานหมุนเวียน ด้านตัวเลขและข้อมูล และด้านการดูแลสุขภาพ” เขาอธิบายว่าสาเหตุที่ผู้คนเริ่มหันมาสนใจในพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น เป็นเพราะว่าในปัจจุบันในการติดตั้งเทคโนโลยีเหล่านี้มีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ และหลายประเทศก็เริ่มให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนมากขึ้น 

สำหรับอาชีพประเภทที่สอง นักวิเคราะห์ความปลอดภัยข้อมูลและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล Michael Wolf  ก็ได้อธิบายว่า “เนื่องจากบริษัทต่างๆ มีพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมากขึ้น องค์กรจึงจำเป็นที่จะต้องลงทุนในซอฟต์แวร์และระบบต่างๆ มากขึ้น เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมเช่นนี้” และ “นอกจากนี้ ก็ยังจะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อรักษาข้อมูลที่อยู่บนโลกออนไลน์”

อาชีพประเภทที่สามที่ได้รับความนิยมในอนาคตคือ อาชีพด้านการดูแลสุขภาพ สืบเนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่คำนึงถึงและมีความต้องการผู้เชี่ยวชาญในส่วนนี้ Michael Wolf กล่าวว่า “คนอเมริกันที่อยู่ในช่วงยุคเบบี้บูมเมอร์มีจำนวนเยอะกว่าช่วงอายุอื่นๆ มาก และพวกเขาเริ่มเข้าสู่วัย 60-70 ปี จึงจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาบริการด้านสุขภาพมากขึ้น” 

ซึ่งในทั้งสามด้านนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนก็เริ่มที่จะเห็นบทบาทที่มากขึ้นของอาชีพเหล่านี้ในยุคนี้กันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ของพลังงานสะอาด ความต้องการที่มากขึ้นของสายงานด้านไอทีหรือด้านดิจิทัล รวมถึงความสำคัญที่มากขึ้นของอาชีพสายสุขภาพ ซึ่งทั้งสามด้านนี้ก็ค่อนข้างที่จะมีความสอดคล้องกับความเป็นไปของโลกในปัจจุบัน

แต่นอกเหนือจาก 10 อาชีพที่กล่าวไป การวิเคราะห์จากสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ พบว่า จะมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น 11.9 ล้านตำแหน่งภายในปี 2030 หลายอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการระบาดใหญ่ เช่น งานด้านการเตรียมอาหารและการบริการ ซึ่งรวมถึงตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟ พ่อครัวและพนักงานในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด คาดว่าจะมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านตำแหน่งภายในปี 2030

Michael Wolf คาดการณ์ว่า เมื่อคนมีอายุมากขึ้น อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานของประเทศจะลดลง ช่วงอายุที่เห็นได้ชัดคือคนหนุ่มสาว (ผู้ที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 24 ปี) จะทำงานน้อยลง “เราจะเห็นผู้คนตัดสินใจที่จะศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมากขึ้น ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่ได้เข้าสู่ตลาดแรงงานเร็วเท่าเมื่อก่อน”

เขายังเสริมว่า “มันเคยเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับคนที่จะทำงานนอกเวลาในขณะที่เรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ ผู้คนจำนวนมากตัดสินใจที่จะเป็นนักเรียนเต็มเวลาและไม่ได้ทำงานในเวลาเดียวกัน”

จากการคาดการณ์และผลสำรวจต่างๆ เราจะเห็นได้ว่า ตลาดแรงงานมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ หรือผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนล้วนก็มีโอกาสพบเจอทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจ ปรับตัวและพัฒนาทักษะการทำงานเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายของการจ้างงานในอนาคต