ปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรานั้น การทำสไลด์พรีเซ็นต์งาน หรือดูข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียและสื่อต่าง ๆ ง่ายและรวดเร็ว แต่การนำเสนอ Data Visualization หรือ Dashboard ที่อยู่ในรูปแบบกราฟ แผนภูมิ หรืออินโฟกราฟิกด้วยโปรแกรม เช่น Google Data Studio, Tableau, PowerBI ที่เคยเขียนไว้ในบทความไม่ต้องมีพื้นฐานก็สร้าง Dashboard ได้!ให้ออกมาเหมาะสมกับข้อมูลที่เรามี Show เมื่อเรามีข้อมูลอยู่ในมือพร้อมที่จะนำเสนอให้กับคนอื่นแล้ว สิ่งต่อไปที่เราต้องคำนึงคือเรื่องการเอาข้อมูล มาปรับใช้ยังไงให้เหมาะสมกับประเภทแผนภูมิเพื่อให้การนำเสนอข้อมูลมีความน่าสนใจมากขึ้น และคนที่ดูสามารถเข้าใจว่าแผนภูมินั้นมีวัตถุประสงค์อะไร และต้องการจะสื่ออะไรไม่ว่าจะเป็นเทรนของยอดขายใน 4 ปีย้อนหลังหรือ Data Visualization ทำนายยอดขายในอนาคต ให้เหมาะสมกับข้อมูลนั้นทำยังไงวันนี้เราจะมาอธิบายกัน หากเรามีข้อมูลมากมายไปหมด ก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากในการหา Insight จากข้อมูล รวมถึงการใช้ข้อมูลเพื่ออธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสาร วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือการทำ Data Visualization – สร้างกราฟหรือแผนภาพจากข้อมูล แต่หลาย ๆ คน อาจจะสงสัยว่าจะเลือกกราฟหรือแผนภาพอย่างไร ให้เหมาะสมกับข้อมูลที่มีและตอบโจทย์ที่เราต้องการ เลือกอย่างไร?แผนภาพแต่ละประเภทนั้นมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน เราจึงต้องตอบคำถามเหล่านี้ก่อน 1. Visualization นี้ตอบคำถามอะไรการทำ Data Visualization ก็เปรียบเสมือนการเล่าเรื่อง (Story Telling) จากข้อมูลที่มีอยู่เพื่อตอบคำถามที่ผู้ชมอาจจะมี แน่นอนว่าถ้าเรื่องราว (Story) หรือ คำถามที่จะตอบแตกต่างกัน ก็จะต้องใช้แผนภาพคนละแบบในการอธิบาย ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการตอบคำถามว่าผลิตภัณฑ์ประเภทใดที่ขายดีที่สุด ก็ควรจะใช้กราฟที่แสดงยอดขายที่แตกต่างกันของแต่ละประเภทให้เห็นชัดเจน แต่หากเราต้องการทราบว่าเวลาที่ใช้ในการจัดส่งสินค้าเป็นอย่างไร อาจจะต้องแสดงให้เห็นถึงการกระจายตัวของข้อมูลเวลาที่ใช้ในการจัดส่ง 2. ผู้ชม (Audience) เป็นคนประเภทไหนการทำ Data Visualization ให้ผู้ชมที่เป็นกลุ่มผู้บริหารควรมีรูปแบบที่ต่างออกไปจาก Visualization ที่ทำสำหรับผู้ชมกลุ่มผู้ปฏิบัติการ เนื่องด้วยความสนใจที่แตกต่างกันระหว่างคนสองกลุ่ม นอกจากนี้ระดับความเข้าใจของผู้ชมเป้าหมายก็ส่งถึงตัวเลือกรูปแบบในการนำเสนอข้อมูล ตัวอย่างเช่น กราฟที่ดูง่าย ๆ และกระชับ เช่น แผนภูมิวงกลม (Pie Chart) อาจจะเหมาะสมกว่าการทำแผนที่ต้นไม้ (Treemap) ที่ต้องใช้เวลาดูและคิดมากกว่า ข้อมูลอาจจะละเอียดมากเกินไปเหมาะสำหรับผู้บริหาร เป็นต้น 3. ข้อมูลมีจำนวนมากขนาดไหนจำนวนของข้อมูลก็ส่งผลต่อแผนภาพที่เราจะสร้าง ตัวอย่างเช่น ถ้าทำแผนภาพการกระจาย (Scatter plot) ที่บอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างยอดขายและราคา หากสินค้าซึ่งแทนด้วยจุดแต่ละจุดบนแผนภาพมีจำนวนมากก็จะทำให้แผนภาพนั้นดูเข้าใจได้ยาก (ซ้าย) ตัวอย่างเช่นนี้อาจจะต้องอาศัยการรวบแถวข้อมูล (Aggregate) ก่อนเพื่อจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่ (ขวา) เป็นต้น 4. ข้อมูลเป็นประเภทอะไรโดยทั่วไปแล้วข้อมูลอาจแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ข้อมูลประเภทหมวดหมู่ (Categorical) และข้อมูลประเภทตัวเลข (Numerical) การสร้างแผนภาพสำหรับข้อมูลต่างประเภทก็จะมีความแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น หากต้องการเปรียบเทียบจำนวนสินค้าในประเภทผลิตภัณฑ์แตกต่างกันก็จะใช้กราฟแท่ง แต่ถ้าเปรียบเทียบจำนวนสินค้ากับผลิตภัณฑ์ราคาต่าง ๆ กัน ก็อาจจะใช้ ฮิสโตแกรม (Histogram) เพราะว่า ประเภทผลิตภัณฑ์กับราคาสินค้าเป็นข้อมูลคนละประเภทกัน 5 องค์ประกอบของแผนภาพที่ใช้สื่อถึงอะไรหลักการของการทำแผนภาพ คือให้องค์ประกอบ (Element) แทนที่ตัวเลขหรือข้อมูลของเรา ตัวอย่างเช่น ในกราฟวงกลมเราให้ สีแสดงถึงหมวดหมู่ และมุมหรือพื้นที่ของพาย แสดงถึงจำนวนในหมวดหมู่นั้น ๆ แต่ละองค์ประกอบควรจะสื่อถึงปริมาณเพียงอย่างเดียว เพื่อให้สื่อสารได้อย่างแม่นยำ ทีนี้มาดูตัวอย่างแผนภาพต่าง ๆ ที่ใช้ตอบคำถามหลากหลายรูปแบบ1. ต้องการแสดงถึงขนาดที่ต่างกัน หรือ จัดลำดับ
โดยทั้งสองแบบอาจจะใช้สีในกรณีที่ต้องการแบ่งหมวดหมู่ ขนาดที่แตกต่างกันจะทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าปริมาณในข้อมูลกลุ่มไหนมีขนาดใหญ่ที่สุด 2. ต้องการเห็นความสัมพันธ์หากต้องการหาความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวแปร เช่น ราคา กับ กำไร สัมพันธ์กันอย่างไร
3. ต้องการเห็นการกระจายตัว
4. ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา
5. ต้องการเห็นข้อมูลที่เบี่ยงเบนจากปกติหากต้องการเน้นว่าตัวเลขนั้นเบี่ยงเบนจากค่าอ้างอิง เช่น เป้าหมายหรือค่าเฉลี่ยมากน้อยแต่ไหน มีค่าบวกหรือลบมากน้อยเพียงใด เราสามารถใช้สีในการช่วยสื่อถึงว่าตัวเลขมีค่าสูงหรือต่ำกว่าเป้าหมายที่ต้องการแสดงเพียงใด แผนภูมิวงกลมเหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูลแบบใดแผนภูมิวงกลม (Pie Charts) แผนภูมิวงกลมเหมาะกับการนำเสนอข้อมูลที่มีส่วนประกอบย่อยที่รวมกันเป็นส่วนใหญ่ มีการแบ่งส่วนให้ดูง่าย และสวยงาม
แผนภาพข้อใดเหมาะสำหรับการดูการกระจายของข้อมูลแผนภาพการกระจาย (Scatter Plot) เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรประเภทตัวเลขสองตัวแปร สามารถใส่เส้นประกอบเพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มได้
แผนภูมิแท่งมีประโยชน์อย่างไรเนื้อหาเรื่องแผนภูมิแท่งสามารถนำไปให้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนองานในห้องเรียน หรือแม้กระทั่งในวัยทำงาน เพราะแผนภูมิแท่งมีข้อมูลที่ครบถ้วนแล้วมองข้อมูลแบบภาพรวมทั้งหมด ทำให้ง่ายต่อการนำเสนอและผู้รับสารก็จะมองภาพได้ชัดเจนขึ้น
กราฟเส้น เหมาะกับข้อมูลแบบใด1) กราฟเส้น (Line) แสดงข้อมูลที่มีความสัมพันธ์ในด้าน ระยะเวลา จากอดีตถึงปัจจุบัน และสามารถ พยากรณ์อนาคตจากข้อมูลในอดีต นิยมใช้ กับการแสดงข้อมูลที่มีความต่อเนื่องจำนวนมาก และเหมาะสำหรับการดูแนวโน้มการ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะยาว เช่น
|