115 116 5.1 มาตรฐานเครอื่ งปอ้ งกันกระแสเกินและสวติ ช์ตัดตอน บริภัณฑ์ไฟฟ้าทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งหรือใช้ในการต่อเข้ากับการติดตั้งทางไฟฟ้าต้องมีคุณสมบัติ วงจรย่อยเป็นส่วนสําคัญที่จะต้องพิจารณาตรวจสอบและกําหนดขนาดโหลดให้เหมาะสมเพ่ือนําไป แสดงความรูเ้ กี่ยวกบั กฎและมาตรฐานทใ่ี ชง้ านในระบบป้องกนั ทางไฟฟ้า 1. อธบิ ายมาตรฐานของสวติ ชใ์ บมดี พรอ้ มยกตัวอย่างได้ 117 เนื้อหาสาระ ในหน่วยน้ีจะศึกษาถึงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎและมาตรฐานทางไฟฟ้าท่ีเกี่ยวข้องกับมาตรฐาน มาตรฐานเครื่องป้องกันกระแสเกินและสวิตช์ตัดตอนเก่ียวข้องกับมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า สําหรับ 5.1.1 ตวั ฟวิ ส์และขั้วรับฟิวส์ ตวั ฟวิ ส์และข้วั รบั ฟิวสเ์ ป็นไปตาม มอก. 506–2527 และ มอก. 507–2527 5.1.2 สวิตชท์ ท่ี าํ งานดว้ ยมือ สวิตชท์ ่ีทาํ งานด้วยมอื เป็นไปตาม มอก. 824–2531 5.1.3 สวิตช์ใบมีด สวิตช์ใบมีดเป็นไปตาม มอก. 706–2530 ปัจจุบันใช้ มอก. 706–2553 น้ีแบ่งออกเป็น 2 ก) สวติ ช์สบั ทางเดยี ว ชนดิ มีฟวิ ส์ ข) สวติ ชส์ ับสองทาง รูปท่ี 5.1 ตวั อยา่ งสวติ ช์ใบมดี 5.1.4 อปุ กรณต์ ดั ตอนและเครือ่ งปอ้ งกันกระแสเกิน อุปกรณ์ตัดตอนและเครื่องป้องกันกระแสเกินต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่การไฟฟ้าฯ 118 5.1.5 ฟวิ สแ์ ละขว้ั รับฟิวส์ (Fuse and Fuse Holder) พิกัดกระแสของฟิวส์ต้องไม่สูงกว่าของข้ัวรับฟิวส์ ทําจากวัสดุที่เหมาะสม มีการป้องกันหรือ ฟิวส์ (Fuse) หมายถึง อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกินซ่ึงมีส่วนที่เปิดวงจรหลอมละลายด้วยความ ฟิวส์เส้น (Open Link Fuse) เป็นส่วนผสมของดีบุกกับตะกั่ว มีจุดหลอมละลายตํ่า
ดังรูปท่ี 5.2 ก) ฟิวสเ์ สน้ กลม ข) ฟิวสก์ า้ มปู รปู ที่ 5.2 ฟวิ ส์ ปลกั๊ ฟิวส์ (Plug Fuse) เป็นฟวิ ส์ท่บี รรจุอยู่ในกระปกุ
กระเบอ้ื งรปู ทรงกระบอกคล้ายขวด ภายใน ก) ปลก๊ั ฟวิ ส์ ข) รปู รา่ งภายนอกของชุดอปุ กรณ์ประกอบปลัก๊ ฟวิ ส์ 119 คาร์ทริดจ์ฟิวส์ (Cartridge Fuse) ส่วนใหญ่มีรูปร่างทรงกระบอกทําจากกระเบ้ืองเคลือบแก้ว มี รูปท่ี 5.4 คาร์ทรดิ จฟ์ วิ ส์ 5.1.6 เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker) 1. มาตรฐานและคณุ สมบตั ขิ องเซอร์กิตเบรกเกอร์ ปลดสบั จะทําไดโ้ ดยวธิ อี น่ื ก็ตาม และตอ้ งมีเคร่ืองหมายแสดงอย่างชดั เจนว่าอยใู่ นตาํ แหน่งสบั หรอื ปลด รปู ท่ี 5.5 เซอรก์ ิตเบรกเกอรต์ อ้ งปลดไดอ้ สิ ระ ปลดสับไดด้ ้วยมือและมีเคร่ืองหมายแสดงตาํ แหน่งสับ–ปลด (2) ถ้าเป็นแบบปรับต้ังได้ต้องเป็นแบบการปรับตั้งค่ากระแสหรือเวลา โดยในขณะใช้งาน (3) ต้องมีเครื่องหมายแสดงพิกัดของแรงดัน กระแส และความสามารถในการตัดกระแสท่ี 120 รูปที่ 5.6 มีเครื่องหมายแสดงพกิ ัดแรงดนั กระแส และเหน็ ได้ชดั เจนหลงั ติดตงั้ (4) เซอร์กติ เบรกเกอร์สําหรบั ระบบแรงตํ่าใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้ 125 แอมแปร์ ใหเ้ ป็นไปตาม IEC 60898 กรณพี ิกดั เกนิ 125 แอมแปร์ ใหเ้ ปน็ ไปตาม IEC 60947–2 60898 โดยท่ีอณุ หภมู ิไม่เพม่ิ เกินค่าที่กําหนดใหข้ องอณุ หภมู ิโดยรอบ (Ambient Temperature) ค่าหนึง่ คอื กับขนาดโครงของเซอรก์ ติ เบรกเกอร์ เบรก–เกอร์ใช้งานค่า AT ส่วนใหญ่แสดงไว้ท่ีแผ่นป้ายช่ือ (Name plate)
หรือคันโยกของเซอร์กิตเบรกเกอร์ (ข) พิกัดการตัดกระแสลัดวงจร (Interrupting Capacity: IC) คือ กระแสลัดวงจร 121 (2) ประเภทของเซอร์กิตเบรกเกอร์ ในระบบไฟฟ้าแรงดันตํ่า (น้อยกว่า 1,000 โวลต์) แบ่ง (ก) เซอร์กิตเบรกเกอร์แบบห่อหุ้มปิดมิด (Molded Case Circuit Breaker: MCCB) CB ชนิด 2 ข้วั (Pole) ใช้กบั ระบบไฟฟา้ 1 เฟส CB ชนดิ 3 ข้วั (Pole) ใชก้ ับระบบไฟฟา้ 3 เฟส ก) ตวั อย่างเซอรก์ ติ เบรกเกอร์ (MCCB) ท่ีใช้เปน็ เมนเซอรก์ ติ เบรกเกอร์ ข) ตวั อยา่ งเซอร์กติ เบรกเกอรช์ นดิ 1 ขั้ว (MCB) ท่ใี ช้เป็นเซอรก์ ิตเบรกเกอรย์ อ่ ยของวงจรยอ่ ย (ข) เซอร์กิตเบรกเกอรแ์ บบอากาศ (Air Circuit Breaker: ACB) เป็นเซอร์กิตเบรกเกอร์ 122 รูปที่ 5.8 ตัวอยา่ ง ACB (3) ส่วนประกอบของเซอร์กิตเบรกเกอร์ท่ีทําหน้าท่ีตัดวงจร หรือหน่วยการตัด (Tripping (ก) แบบความร้อน–แม่เหล็ก (Thermal–Magnetic Breaker) เป็นอุปกรณ์ตัดวงจร 2 1)
อุปกรณ์ตัดวงจรโดยแผ่นโลหะคู่ (Bimetal overload trip) อุปกรณ์แบบนี้การ รปู ท่ี 5.9 การทาํ งานของแผ่นโลหะคู่ 123 2) อุปกรณ์ตัดวงจรโดยขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า
(Electromagnetic short–circuit รปู ท่ี 5.10 ตัวอย่างกลไกภายในของเซอรก์ ิตเบรกเกอรแ์ บบความรอ้ น–แม่เหลก็ (ข) แบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Trip หรือ Solid State Trip) จะใช้วงจรอิเล็กทรอ– ก) แบบตรวจจบั กระแสไฟฟ้ารว่ั ไหล 5 mA ข) แบบตรวจจับกระแสไฟฟา้ ร่ัวไหล 10 mA 124 ค) การนําไปใชต้ ิดต้งั ในตูค้ อนซเู มอรย์ ูนติ ขนาดของเซอรก์ ติ เบรกเกอร์ทม่ี ใี หเ้ ลือกใช้ เป็นตัวอย่างในแคตตาล็อก ดงั รูปที่ 5.12 Amp. Catalog Number Unit Price Catalog Number Unit Price (แอมแปร) รนุ 1 โพล (1 Pole) ราคา/หนว ย (บาท) รนุ 3 โพล (3 Pole) ราคา/หนว ย (บาท) รปู ท่ี 5.12 ตัวอยา่ งแคตตาล็อกเซอรก์ ิตเบรกเกอร์ 125 รูปท่ี 5.12 ตวั อยา่ งแคตตาล็อกเซอรก์ ิตเบรกเกอร์ (ต่อ) 5.1.7 เซฟตสี วิตช์ (Safety Switch) เซฟตีสวิตช์หรือสวิตช์นิรภัย ต้องปลดหรือสับวงจรได้พร้อมกันทุก ๆ ตัวนําเส้นไฟ และต้อง เซฟตีสวิตช์เป็นอุปกรณ์ป้องกันและควบคุมวงจรไฟฟ้าอีกชนิดหน่ึง จะมีทั้งแบบที่มีฟิวส์ในตัว ก) เซฟตีสวติ ช์แบบมฟี ิวส์ ข) เซฟตสี วติ ช์แบบไม่มีฟวิ ส์ รปู ที่ 5.13 ตวั อยา่ งเซฟตสี วิตช์ 126 5.1.8 เครื่องตัดไฟร่ัว (Residual Current Device หรือ RCD) เครื่องตัดไฟรั่วท่ีใช้ลด อันตรายจากการถูกไฟฟ้าดูดสําหรับแรงดันไม่เกิน 440 โวลต์ สําหรับบ้านอยู่อาศัยหรือสถานท่ีคล้ายคลึงกัน 1. เครื่องตัดไฟรั่วควรมีค่ากระแสร่ัวที่กําหนด (Rated Residual Operating Current, IΔn) ไม่ 2. เครื่องตัดไฟรั่วต้องเป็นชนิดที่ปลดสายไฟเส้นที่มีไฟทุกเส้นออกจากวงจรรวมทั้งสายนิวทรัล 3. หา้ มต่อวงจรลดั ครอ่ มผ่าน (By pass) อปุ กรณ์ตัดตอนและเคร่อื งป้องกันกระแสเกิน ตัวอย่าง รูปที่ 5.14 ตัวอยา่ งเครอ่ื งตดั ไฟรวั่
เครื่องตัดไฟร่ัวปัจจุบันมีหลายผู้ผลิต อาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น เคร่ืองตัดกระแสไฟฟ้ารั่วลงดิน ในระบบไฟฟ้า วงจรย่อยเป็นส่วนสําคัญท่ีจะต้องพิจารณาตรวจสอบและกําหนดขนาดโหลดให้เหมาะ– 5.2.1 วงจรยอ่ ย ตามมาตรฐาน วสท. นั้น วงจรย่อย (Branch Circuit) หมายถึง ตัวนําวงจรในวงจรระหว่าง 127 วงจรย่อยสําหรับเคร่ืองใช้ไฟฟ้า (Branch Circuit, Appliance) หมายถึง
วงจรย่อยที่จ่ายไฟฟ้า วงจรย่อยสําหรับจุดประสงค์ทั่วไป (Branch Circuit, General Purpose) หมายถึง วงจรย่อยที่ วงจรย่อยเฉพาะ (Branch Circuit, Individual) หมายถึง วงจรย่อยที่จ่ายไฟฟ้าให้บริภัณฑ์ใช้ 1. ขนาดพิกัดวงจรย่อย
ให้เรียกตามขนาดพิกัดของเคร่ืองป้องกันกระแสเกินที่ใช้ตัดกระแส NL สายประธาน ต่อจากกโิ ลวัตต์ฮาวร์มิเตอร์ คอนซเู มอรย์ ูนิต สายต่อ ON ON เครอ่ื
งใช้ไฟฟา้ วงจรย่อย หลักดนิ นวิ ทรลั บาร์ สายนิวทรลั เมนเบรกเกอร์ 2 โพล สายเสน้ ไฟ สายดนิ รปู ที่ 5.15 อุปกรณ์ปอ้ งกนั วงจรยอ่ ยและวงจรย่อย 128 2. ขนาดตัวนําของวงจรยอ่ ยตอ้ งมขี นาดกระแสไมน่ อ้ ยกวา่ โหลดสูงสุดทคี่ ํานวณได้ และต้องไม่ 3. การป้องกันกระแสเกินสําหรับอาคารที่มีความสูงเกิน 1 ชั้น ต้องแยกวงจรย่อยอย่างน้อย 3. โหลดสาํ หรับวงจรยอ่ ย ซึง่ มีจดุ ต่อไฟฟา้ ต้งั แต่ 2 จดุ ขนึ้ ไป ลกั ษณะของโหลดต้องเป็นไปตาม (1) วงจรย่อยขนาดไม่เกิน 20 แอมแปร์ โหลดของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดตั้งถาวรหรือที่ใช้ (2) วงจรย่อยขนาด 25 ถึง 32 แอมแปร์ ให้ใช้กับดวงโคมไฟฟ้าท่ีติดตั้งถาวรขนาดดวงโคม (3) วงจรยอ่ ยขนาดเกนิ กว่า 50 แอมแปร์ ให้ใชก้ ับโหลดที่ไมใ่ ชแ่ สงสวา่ งเทา่ น้ัน (1) วงจรย่อยต้องมขี นาดไม่นอ้ ยกว่าผลรวมของโหลดทั้งหมดทต่ี อ่ อยู่ในวงจรนนั้ การคํานวณโหลดสาํ หรบั วงจรยอ่ ย 129 เปน็ ตน้ ดังนั้นผูอ้ อกแบบทวั่ ไปจะใชต้ วั เลข 1.25 เท่าของกระแสโหลดท่คี าํ นวณได้ (1.25 มาจาก 100/80) และ เพือ่ เป็นพ้ืนฐานและแนวทางการคํานวณโหลด ดงั น้ี ขั้นตอนการหาขนาดของสายไฟฟา้ และเซอรก์ ิตเบรกเกอร์ (โหลดทว่ั ไป) 1. คํานวณกระแสออกแบบ (Design Current: Ib) หรือกระแสโหลด (IL) 2. กาํ หนดขนาดอุปกรณป์ ้องกันกระแสเกนิ (In) 3. เลอื กวิธีการเดนิ สาย (ได้กลมุ่ ) 4. เลอื กชนิดของสายไฟฟ้า 5. กาํ หนดตัวคูณปรับคา่ (Ca, Cg) 6. หาขนาดกระแสของสายไฟฟ้า (It) It = Ca In Cg × เมือ่ Ca คือ ตวั คูณปรบั ค่าตามอณุ หภูมิโดยรอบ (Ambient Temperature) Cg คือ ตัวคูณปรบั ค่าตามจํานวนกลุม่ วงจร ดงั ตาราง ตวั คณู ปรบั ค่าขนาดกระแสเนอ่ื งจากจาํ นวนสายท่นี ํากระแสในชอ่ งเดนิ สายไฟฟา้ เดียวกนั มากกวา่ 1 กลุ่มวงจร จาํ นวนกลุ่มวงจร ตัวคณู
ปรับค่า 7. เลือกขนาดสายไฟฟ้าจากตารางที่เลือก (เอกสารประกอบการสัมมนา สายไฟฟ้าตาม 130 ตัวอย่างท่ี 5.1 ต้องการติดตั้งเครื่องทําน้ําอุ่น ขนาด 3,500 W 220 V เดินในท่อร้อยสายเกาะผนัง วธิ ที ํา ขน้ั ตอนที่ 1:
คํานวณกระแสโหลด (IL) S = E × I มหี น่วยเป็น โวลต์แอมแปร์ (VA) เครือ่ งทาํ นํ้าอนุ่ มีค่า cos θ = 1 ดังนน้ั S = P I = S = 3500 = 15.9 A ขั้นตอนท่ี 2: กาํ หนดขนาดอปุ กรณ์ปอ้ งกันกระแสเกิน (In) ขนาดของเซอร์กิตเบรกเกอร์ = 1.25 เทา่ ของกระแสโหลด = 1.25×15.9 = 19.87 A เลือกเซอรก์ ติ เบรกเกอร์ (CB) ให้ In > IL ไดข้ นาดพกิ ดั 25 A (ดขู นาดพกิ ัดกระแส ติดตัง้ ในท่อรอ้ ยสาย ลักษณะการติดต้ังกล่มุ ที่ 2 เลอื กตารางที่ 2.5 จํานวน 2 ตวั นํากระแส แกนเดยี ว ขัน้ ตอนที่ 4: เลอื กชนิดของสายไฟฟา้ (ตามรหสั ชนิดเคเบิลท่ใี ชง้ าน) ขน้ั ตอนท่ี 5: กําหนดตัวคูณปรับค่า 1.00 หรอื ไมใ่ ช้ตวั คูณปรับคา่ กระแส Cg เนื่องจากเดินในช่องเดินสายไมเ่ กนิ 1 กลมุ่ ขั้นตอนที่ 6: หาขนาดกระแสของสายไฟฟ้า (It) It = Ca In Cg = 25 = 25 A ข้นั ตอนท่ี 7: เลอื กขนาดสายไฟฟ้าจากตารางที่เลือก (ตารางท่ี 2.5) จากตารางท่ี 2.5 สาย IEC 01 เดินในท่อร้อยสาย ไดส้ ายขนาด 2×4 ตร.มม. (28 A) ดงั นั้น ควรเลอื กวงจรยอ่ ยท่ีมีขนาด CB 25 A และสาย IEC 01 ขนาด 2×4 ตร.มม. ตอบ หมายเหตุ ขอ้ ควรรคู้ ือ 1. การตดิ ตั้งเคร่อื งทาํ น้ําอนุ่ เป็นวงจรย่อยเฉพาะ 2. cos θ หมายถึง เพาเวอรแ์ ฟกเตอร,์ P หมายถึง กาํ ลังไฟฟา้ แอกทฟี , S หมายถงึ กําลังไฟฟ้าปรากฏ 131 ตัวอย่างที่ 5.2 วงจรย่อย 1 Phase 220 V กระแสโหลด 12 A เดินในท่อร้อยสาย อุณหภูมิโดยรอบ ขนาดสายจะเป็นเทา่ ไร วิธีทํา ข้นั ตอนที่ 1: กระแสโหลด (IL) ไดท้ ราบกระแสโหลดแล้วจากโจทย์คือ 12 A ข้นั ตอนท่ี 2: กําหนดขนาดอุปกรณ์ปอ้ งกันกระแสเกนิ (In) = 1.25×12 = 15 A เลือกเซอร์กติ เบรกเกอร์ (CB) ให้ In > IL ไดข้ นาดพิกัด 16 A หรอื 20 A In = 16 A หรอื 20 A ตดิ ตัง้ ในท่อร้อยสาย ลักษณะการติดตง้ั กลุ่มท่ี 2 เลือกตารางท่ี 2.5 จาํ นวน 2 ตัวนํากระแส แกนเดียว ข้นั ตอนท่ี 4: เลอื กชนิดของสายไฟฟ้า (ตามรหัสชนิดเคเบลิ ท่ใี ช้งาน) ขนั้ ตอนที่ 5: กําหนดตัวคูณปรบั ค่า จากตารางที่ 2.8 อุณหภูมโิ ดยรอบ 40oC ฉนวน PVC ได้ Ca = 1.00 และ Cg = 1.00 หรือไมใ่ ช้ตัวคูณปรบั คา่ กระแส Cg เนือ่ งจากเดนิ ในชอ่ งเดินสายไมเ่ กนิ 1 กลมุ่ ข้นั ตอนที่ 6: หาขนาดกระแสของสายไฟฟา้ (It) It = Ca In Cg = 16 = 16 A หรอื It = Ca In Cg = 20 ข้นั ตอนที่ 7: เลอื กขนาดสายไฟฟ้าจากตารางที่เลอื ก (ตารางที่ 2.5) จากตารางท่ี 2.5 สาย IEC 01 เดนิ ในทอ่ รอ้ ยสายได้ขนาด 2×2.5 ตร.มม. (21 A) ดังนั้น ควรเลอื กวงจรยอ่ ยทม่ี ีขนาด CB 16 A หรอื CB 20 A และสาย IEC 01 ขนาด 2×2.5 ตร.มม. ตอบ และถา้ เดนิ สาย 2 วงจรในทอ่ เดียวกัน 132 ขน้ั ตอนท่ี 5: กาํ หนดตวั คูณปรบั ค่า จากตารางที่ 2.8 อุณหภมู ิโดยรอบ 40oC ฉนวน PVC ได้ Ca = 1.00, Cg = 0.80 ขัน้ ตอนที่ 6: หาขนาดกระแสของสายไฟฟ้า (It) It = Ca In Cg = 16 = 20 A หรอื It = Ca In Cg = 20 = 25 A ขั้นตอนที่ 7: เลือกขนาดสายไฟฟ้าจากตารางท่เี ลือก (ตารางท่ี 2.5) จากตารางที่ 2.5 สาย IEC 01 เดินในท่อรอ้ ยสายไดข้ นาด 2×2.5 ตร.มม. (21 A) สาย IEC 01 เดินในท่อร้อยสายได้ขนาด 2×4 ตร.มม. (28 A) ดงั นัน้ ถ้าเลอื กวงจรยอ่ ยทมี่ ขี นาด CB 16 A ใช้สายขนาด 2 (2×2.5 ตร.มม.) ถ้าเลือกวงจรยอ่ ยท่มี ีขนาด CB 20 A ใช้สายขนาด 2 (2×4 ตร.มม.) ตอบ 5. เตา้ รบั ตอ้ งจดั ทําเพ่อื ให้เตา้ เสียบไม่สามารถสลับกนั ได้ ตอ้ งมีการป้องกนั โดยใช้เครือ่ งตัดไฟร่ัว ขนาด IΔn ไมเ่ กิน 30 มิลลิแอมแปร์ เพิ่มเตมิ ดว้ ย คอื เต้ารับภายในระยะ 1.5 เมตร หา่ งจากขอบด้านนอกของอา่ ง) ทุกวงจร (ตําแหน่งสัมผัสได้ คืออยู่ห่างจากพ้ืนหรือโลหะท่ีต่อลงดินไม่เกิน 2.4 เมตร ในแนวด่ิง หรือ 1.5 เมตร (4) วงจรเต้ารับในบริเวณช้ันล่าง (ชั้น 1)
รวมถึงในบริเวณท่ีตํ่ากว่าระดับผิวดิน ท่ีอยู่ในพ้ืนที่ (5) วงจรย่อยสําหรับเครอื่ งทํานํา้ อนุ่ เครือ่ งทาํ น้าํ รอ้ น อ่างอาบน้าํ 133 5.2.2 สายป้อน 1. ขนาดตัวนําของสายป้อน ต้องมีขนาดกระแสไม่น้อยกว่าโหลดสูงสุดท่ีคํานวณได้และไม่น้อย 2. การป้องกันกระแสเกิน
สายป้อนต้องมีการป้องกันกระแสเกิน โดยขนาดพิกัดเครื่องป้องกัน 3. การคาํ นวณโหลดสาํ หรบั สายปอ้ น ต้องคาํ นวณตามที่กําหนด ดงั นี้ ของโหลดในวงจรย่อยเม่ือใช้ดีมานด์แฟกเตอร์ เช่น ดีมานด์แฟกเตอร์ของอาคารท่ีพักอาศัย ขนาดของไฟแสง (2) โหลดของเตา้ รับทมี่ กี ารคาํ นวณโหลดแตล่ ะเตา้ รับไม่เกนิ 180 โวลต์แอมแปร์ ตารางท่ี 5.1 ดมี านด์แฟกเตอรส์ ําหรับเครอื่ งใช้ไฟฟา้ ทว่ั ไป (เฉพาะอาคารทอี่ ยอู่ าศยั ) ชนิดของอาคาร ประเภทของโหลด ดีมานด์แฟกเตอร์ 5.2.3 การปอ้ งกนั กระแสเกินสาํ หรับวงจรย่อยและสายปอ้ น วงจรย่อยและสายป้อนต้องมีการป้องกันกระแสเกิน
และเครื่องป้องกันกระแสเกินต้องมี 1. เคร่ืองปอ้ งกนั กระแสเกินอาจเปน็ ฟิวส์ หรอื เซอรก์ ติ เบรกเกอรก์ ็ได้ 134 2. ฟิวส์ เซอร์กิตเบรกเกอร์หรือการผสมของทั้งสองอย่างน้ี จะนํามาต่อขนานกันไม่ได้ ยกเว้น 3. ในกรณีท่ีติดตั้งเคร่ืองป้องกันกระแสเกินเพิ่มเติมสําหรับดวงโคมหรือเคร่ืองใช้ไฟฟ้าอ่ืน
ๆ 4. เคร่ืองป้องกันกระแสเกินต้องสามารถป้องกันตัวนําทุกสายเส้นไฟและไม่ต้องติดตั้งในตัวนําท่ี 5. เคร่ืองปอ้ งกนั กระแสเกินตอ้ งไม่ตดิ ตงั้ ในสถานที่ซงึ่ ทําใหเ้
กิดความเสียหาย และต้องไม่อยู่ใกล้ 6. เคร่ืองป้องกันกระแสเกิน ต้องบรรจุไว้ในกล่องหรือตู้อย่างมิดชิด (เฉพาะด้ามสับของเซอร์กิต 7. กล่องหรือตู้ที่บรรจุเครื่องป้องกันกระแสเกิน
ซึ่งติดต้ังในสถานที่เปียกหรือช้ืนต้องเป็นชนิดท่ี 8. เครื่องป้องกันกระแสเกินของวงจรย่อยและสายป้อนในแผงสวิตช์ต่าง ๆ ต้องทําเคร่ืองหมาย
อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างต้องติดต้ังบริภัณฑ์ประธานเพ่ือปลดวงจรทุกสายเส้นไฟออกจากตัวนําประธาน อาคารหรอื ส่งิ ปลูกสร้างทตี่ อ้ งรับไฟฟ้าแรงตํ่าจากการไฟฟ้าฯ ต้องติดต้ังบริภัณฑ์ประธานแรงตํ่าหรือแผง 135 5.3.1 เคร่อื งปลดวงจรของบริภณั ฑป์ ระธาน 1. เครื่องปลดวงจรชนิดหน่ึงเฟสที่มีขนาดตั้งแต่ 50 แอมแปร์ขึ้นไป และชนิดสามเฟสทุกขนาด 2. เครื่องปลดวงจรต้องสามารถปลดวงจรทุกสายเส้นไฟ (สายเฟส) ได้พร้อมกันและต้องมี 3. เคร่ืองปลดวงจรต้องมีพิกัดไม่น้อยกว่าพิกัดของเคร่ืองป้องกันกระแสเกินขนาดมากท่ีสุดที่ใส่ 4. ห้ามไม่ให้ต่อบริภัณฑ์ไฟฟ้าทางด้านไฟเข้าของเคร่ืองปลดวงจร ยกเว้น เป็นการต่อเพ่ือเข้า 5.3.2 เครอ่ื งป้องกนั กระแสเกนิ ของบริภัณฑ์ประธาน แต่ละสายเส้นไฟที่ต่อออกจากเคร่ืองปลดวงจรของบริภัณฑ์ประธานต้องมีเครื่องป้องกันกระแส ตารางที่ 5.2 พกิ ดั สูงสดุ ของเครอื่ งปอ้ งกนั กระแสเกนิ และโหลดสงู สุดตามขนาดเคร่ืองวดั หนว่ ยไฟฟ้า ขนาดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า
พกิ ดั สูงสุดของเครื่องปอ้ งกันกระแสเกิน โหลดสูงสดุ หมายเหตุ พกิ ัดของเครอื่ งป้องกนั กระแสเกนิ มคี า่ ตา่ํ กวา่ ทกี่ ําหนดในตารางได้ แตท่ งั้ นต้ี ้องไม่นอ้ ยกวา่ 136 ตารางที่ 5.3 ขนาดสายไฟฟ้า เซฟตสี วติ ช์ คตั เอาต์ และคารท์ ริดจ์ฟิวสส์ าํ หรบั ตวั นําประธาน ขนาดตัวนาํ ประธาน บริภณั ฑป์ ระธาน สวติ ชต์ ํา่ สุด ฟวิ ส์สูงสดุ คัตเอาตต์ าํ่ สุด ฟวิ ส์สูงสดุ ปรับต้ังสงู สุด 5 (15) 12 10 4 30 15 20 16 15–16 15 (45) 36 25 10 60 40–50 – – 40–50 30 (100) 80 50 35 100 100 – – 100 หมายเหตุ 1. สาํ หรับตวั นาํ ประธานภายในอาคารให้ใช้สายทองแดง 1. ไม่อนุญาตให้ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสเกินในสายท่ีมีการต่อลงดิน ยกเว้น เคร่ืองป้องกัน 2. อุปกรณ์ปอ้ งกนั
กระแสเกินต้องปอ้ งกนั วงจรและอุปกรณ์ท้ังหมด อนุญาตให้ติดต้ังทางด้านไฟ 3. เคร่อื งป้องกันกระแสเกิน ต้องสามารถตัดกระแสลัดวงจรค่ามากที่สุดที่อาจเกิดข้ึนที่จุดต่อไฟ 4. การป้องกันกระแสเกิน ต้องเปน็ ไปตามที่กาํ หนดในข้อ 5.2.3 สาํ หรบั ข้อทีน่ าํ มาใช้ไดด้ ว้ ย 137 1. มาตรฐานเคร่ืองป้องกันกระแสเกินและสวิตช์ตัดตอน ประกอบด้วย ตัวฟิวส์และข้ัวรับฟิวส์
สวิตช์ท่ี 2. วงจรย่อยเป็นส่วนสําคัญท่ีจะต้องพิจารณาตรวจสอบและกําหนดขนาดโหลดให้เหมาะสมเพื่อนําไป 3.
ขนาดตัวนาํ ของสายปอ้ น ต้องมีขนาดกระแสไม่น้อยกว่าโหลดสูงสุดที่คํานวณได้และไม่น้อยกว่าขนาด 4. อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างท่ีต้องรับไฟฟ้าแรงตํ่าจากการไฟฟ้าฯ ต้องติดต้ังบริภัณฑ์ประธานแรงตํ่าหรือ 5. สายเส้นไฟที่ต่อออกจากเคร่ืองปลดวงจรของบริภัณฑ์ประธานต้องมีเครื่องป้องกันกระแสเกิน โดย คําศพั ทป์ ระจาํ หน่วย กระแสโครง (เอเอฟ) 142 |