Web browser ของบริษัท microsoft มีอะไรบ้าง

  • หน้าแรก

  • เกร็ดความรู้

  • 5 Web Browser ที่คนนิยมใช้เยี่ยมชมเว็บไซต์

Web browser ของบริษัท microsoft มีอะไรบ้าง

เครื่องมือเว็บเบราว์เซอร์มีหลากหลายให้เลือกใช้ แล้วควรใช้ตัวไหนดี ลองมาดูกันว่ามีเว็บเบราว์เซอร์ตัวไหนน่าสนใจบ้าง

1. Google Chrome

Web browser ของบริษัท microsoft มีอะไรบ้าง

     น่าจะเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี เพราะถือเป็นเบราว์เซอร์ที่มีการใช้งานมากที่สุดในโลก ด้วยความที่ใช้งานง่ายและเชื่อมต่อกับหลายๆ อุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ  แต่ข้อเสียของ Google Chrome คือเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่กินทรัพยากรของคอมพิวเตอร์เยอะมาก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสเป็คของเครื่องคอมพิวเตอร์ว่าแรงพอไหม อีกทั้งยังมีเรื่องของ 'ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย' เช่น ปัญหาจากไวรัสบนอินเทอร์เน็ต หรือ ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ซึ่งเราสามารถเข้าไปตั้งค่าเพื่อป้องกันข้อมูลของเราได้

2. Mozilla Firefox

Web browser ของบริษัท microsoft มีอะไรบ้าง

เชื่อว่ามีหลายคนที่เคยผ่านประสบการณ์การใช้เว็บเบราว์เซอร์ Firefox มาบ้าง ซึ่งหากเทียบคุณสมบัติระหว่าง Firefox และ Google Chrome ก็ถือว่าไม่ต่างกันนัก ซึ่ง Firefox เป็นเบราว์เซอร์ที่ใช้มากเป็นอันดับสองของโลก โดยเป็น Open-Source Browser (เบราว์เซอร์ที่เจ้าของลิขสิทธิ์อนุญาตให้มีการนำไปใช้ พัฒนา ปรับปรุง แก้ไข และเปลี่ยนแปลง Source Code ได้) ไม่ใช่ Chromium OS เหมือนเจ้าอื่นๆ โดยเบราเซอร์ Firefox ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นอันดับต้นๆ แถมยังสามารถดีไซน์เว็บเบราว์เซอร์ในแบบที่ตัวเองต้องการ โดยมีธีมต่างๆ ให้เลือกใช้ นอกจากนี้ยังไม่กินทรัพยากรหนักเหมือนของ Google Chrome ด้วย ดังนั้น หากใครยังไม่เคยใช้มาก่อน เราแนะนำให้คุณควรลองสักครั้ง เผื่อจะติดใจจนไม่อยากใช้เว็บเบราว์เซอร์ตัวไหนอีกเลย

3. Brave

Web browser ของบริษัท microsoft มีอะไรบ้าง

เว็บเบราว์เซอร์สำหรับการท่องอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมและเสียงตอบรับที่ดีในวงการเทคโนโลยี โดยลักษณะการใช้งานมีความคล้ายกับ Firefox แต่ชูเรื่อง 'ความเป็นส่วนตัว' ที่เหนือกว่า ดีไซน์เรียบใช้งานง่าย ไม่กินทรัพยากรเครื่องมากเท่าไร โดยมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Brave Shield ที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเป็นพิเศษ โดยมีตัวบล็อกโฆษณาไม่ให้แสดงผล ไม่ให้มารบกวนใจรวมถึงหมดห่วงเรื่อง Tracking ว่าเราไปสถานที่ใดมาบ้าง และไม่จำเป็นต้องลง Extension อื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ ตัวเว็บยังมี Crypto Token ที่มอบให้ผู้ใช้งานเพื่อนำไปแลกเป็นเงินจริงๆ ได้ด้วย

4. Microsoft Edge

Web browser ของบริษัท microsoft มีอะไรบ้าง

ในที่สุด Microsoft ก็กลับเข้าสังเวียนเว็บเบราว์เซอร์ได้อย่างไม่เคอะเขิน หลายต่อหลายครั้งที่ทางบริษัทจับเอาเว็บเบราว์เซอร์รุ่นเก๋าอย่าง Internet Explorer มาพัฒนาเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นดั่งหวัง จนในที่สุดก็ต้องทำการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด และออกมาเป็น Microsoft Edge ที่ไม่เพียงแต่จะดีขึ้นกว่าเดิมแบบเทียบกันไม่ติด จนทำให้เป็นเว็บเบราว์เซอร์อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าใช้งาน

แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด แต่ความแตกต่างระหว่าง Microsoft Edge กับเว็บเบราว์เซอร์ค่ายอื่นๆ ยังไม่เห็นความแตกต่างมากเท่าไรนัก โดยลักษณะการใช้งานให้ความรู้สึกการผสมผสานกันระหว่าง Google Chrome และ Firefox ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก ส่วนเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวก็ถือว่าทำได้ดี แต่หากจะมองหาข้อดีจริงๆ ก็คงจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพที่ทำได้ดีกว่าเว็บเบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ ความเร็วและความลื่นไหลก็อยู่ในระดับที่ดี ใครอยากเปลี่ยนประสบการณ์ แนะนำว่าให้ใช้

5. Opera

Web browser ของบริษัท microsoft มีอะไรบ้าง

สำหรับคนที่เคยผ่านการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ตัวนี้มาแล้ว ก็จะรู้สึกทันทีเลยว่า "นี่มัน Google Chrome ชัดๆ” ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใจอะไร เพราะพื้นฐานของสองตัวนี้มาจากที่เดียวกัน แต่ Opera จะมีสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่าง Sidebar ที่สามารถบุ๊กมาร์กเว็บไซต์ที่เราชื่นชอบได้ อีกทั้งความเร็วก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร สามารถเปิดหน้าต่างเว็บแชทค้างไว้ได้ตลอด รวมถึงมีโหมดที่ช่วยลดการดาวน์โหลดดาต้าลงด้วย ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับคนที่แชร์อินเทอร์เน็ตมือถือแบบจำกัดปริมาณเพื่อใช้งาน แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้ Opera ไม่ได้รับความนิยมเท่าไร เพราะบางเว็บไซต์ก็ไม่ได้ทำการอัปเดตโค้ดให้รองรับกับ Opera จึงทำให้ไม่สามารถแสดงผลได้

การเลือกเว็บเบราว์เซอร์ให้ตรงกับความต้องการและอุปกรณ์ที่เราใช้นั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบนโลกออนไลน์

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : gqthailand , asearcher

ทำไม Internet Explorer (IE) ถึงเลิกพัฒนา แล้ว Microsoft ไปพัฒนา Microsoft Edge แทน ?

อย่างที่รู้กันว่า เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer กำลังจะโบกมือลาจากโลกนี้ไปแล้ว หากนับตั้งแต่เวอร์ชันแรกที่เปิดตัวในวันที่ 16 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) จนถึงวันที่จะยุติการสนับสนุนในวันที่ 15 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ก็กล่าวได้ว่า เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ได้มีอายุมานานถึง 27 ปี ถือว่าเป็นการเดินทางที่แสนจะยาวนาน

บทความเกี่ยวกับ Microsoft อื่นๆ

และถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะแทบไม่เหลือผู้ใช้งานมันแล้ว เพราะมีข้อวิพากษ์วิจารณ์อยู่มากมาย แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่ามันเคยเป็นคนรันวงการ และเป็นผู้นำ เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ที่ได้ชื่อว่าเคยเหนือกว่า เว็บเบราว์เซอร์ Mozilla Firefox และ เว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome มาก่อน ก็แอบใจหายอยู่นิดหนึ่งนะ

ข้อมูลเพิ่มเติม : ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเกลียดเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer (IE) ?


ภาพจาก https://gfycat.com/goldencluttereddegu-dataisbeautiful-marketshare-browser-firefox-edge

แม้ยุคของมันจะจบลงไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่า Microsoft จะเลิกทำเว็บเบราว์เซอร์นะ Internet Explorer จากไปก็จริง แต่ก็มีเว็บเบราว์เซอร์ใหม่อย่าง Edge มาแทน

โดย Microsoft ได้อธิบายเพิ่มเติมในบล็อก (Blog) เรื่องยุติการสนับสนุนเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer เอาไว้ว่า

การเดินทางของมันสิ้นสุดลงแล้ว เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explore มันมีความปลอดภัยต่ำกว่าเว็บเบราว์เซอร์สมัยใหม่ และที่สำคัญไปกว่านั้น มันไม่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งานที่เว็บไซต์ในปัจจุบันต้องการได้ ทางบริษัทจึงขอแนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ Edge ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์สมัยใหม่ที่ใช้ Chromium ระบบ เปิดเผยซอร์สโค้ด (Open Source) ของทาง Google ในการพัฒนา ซึ่งมันสามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งบนคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์พกพา

เราขอประกาศว่าอนาคตของ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer บนระบบปฏิบัติการ Windows คือ Microsoft Edge มันไม่ใช่แค่เร็วกว่า, ปลอดภัยกว่า และให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ทันสมัยกว่า แต่มันยังรองรับการใช้งานทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันที่มาจากยุคเก่าได้อีกด้วย

คำถามที่น่าสนใจ คือ ทำไม Microsoft ไม่พัฒนาต่อในชื่อ Internet Explore 12 แต่เลือกที่จะปล่อย Microsoft Edge ออกมาเป็นเว็บเบราว์เซอร์เริ่มต้นในระบบปฏิบัติการ Windows 10 โดยที่มี Internet Explorer 11 พ่วงแถมมาด้วย เหตุผลคืออะไร ? มาหาคำตอบกันหน่อยดีกว่า

การพุ่งสู่จุดสูงสุดคืนสู่จุดตกต่ำของ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer

บิล เกตส์ (Bill Gates) (เชื่อว่าน้อยคนในโลกนี้ที่ไม่รู้จัก) ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft มีความคิดที่จะครอบครองตลาดเว็บเบราว์เซอร์ควบคู่ไปกับกลุ่มคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ในปี ค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2533) มันเป็นช่วงเวลาที่อินเทอร์เน็ตได้เติบโตอย่างรวดเร็วจากการมาของ WWW (World Wide Web)

โครงการพัฒนา เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ได้เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ก่อนที่ Microsoft จะปล่อยออกมาให้ใช้งานได้ในปีถัดมา มันถูกสร้างขึ้นโดยใช้ซอร์สโค้ดจาก Spyglass Mosaic ของ NCSA Mosai หนึ่งในเว็บเบราว์เซอร์รุ่นแรก ๆ ที่รองรับเทคโนโลยี WWW

เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer เปิดตัวพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 95 ในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) โดยมันเป็นส่วนหนึ่งของ Internet Jumpstart Kit ในชุด Microsoft Plus ! ซึ่งในช่วงแรก มันไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับ เว็บเบราว์เซอร์ Netscape Navigator ที่ครอบครองส่วนแบ่งผู้ใช้ในตลาดได้มากถึง 90%


วิดีโอจากชาแนล YouTube : https://www.youtube.com/channel/UC9tdShwab--FoioK06qxDdA

เอาจริง ๆ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer เวอร์ชันแรก หากนำไปเทียบกับคู่แข่ง ก็ยังขาดคุณสมบัติอยู่หลายอย่าง ต้องรอจนถึง เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ในเวอร์ชัน 3.0 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) ที่ความนิยมของ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer เริ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เวอร์ชันนี้ยังเป็นเวอร์ชันแรกที่พัฒนาโดยไม่ใช้ซอร์สโค้ดของ Spyglass อีกด้วย แต่ยังมีการนำเทคโนโลยีของ Spyglass มาใช้อยู่ เป็นผลให้ Microsoft ถูกฟ้องค่าเสียหายถึง $8,000,000 เลยทีเดียว

ในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ทาง Microsoft ได้เปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 4.0 เวอร์ชันนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในตลาดเว็บเบราว์เซอร์ โดยมันให้มาฟรีพร้อมกับตัวระบบปฏิบัติการ Windows ที่ช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานได้อย่างมหาศาล

และเมื่อเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 5.0 ได้เปิดตัวในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) มันก็ทำให้ เว็บเบราว์เซอร์ Netscape Navigator ที่เป็นคู่แข่งในตลาด แทบไม่เหลือผู้ใช้ในตลาดกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การที่ Microsoft มัดรวมเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer มาพร้อมกับ ระบบปฏิบัติการ Windows ได้นำไปสู่การถูกฟ้องร้องในข้อหาการทำธุรกิจแบบผูกขาด ซึ่งคดีได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) แต่กว่าที่ทาง Microsoft กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (United States Department of Justice: DOJ) จะบรรลุข้อตกลงในการให้อิสระแก่ผู้ใช้งานในการเลือกติดตั้งเว็บเบราว์เซอร์ที่ต้องการได้ก็ต้องรอจนถึงปี ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ซึ่งเวลานั้นเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ก็ได้ครองส่วนแบ่งในตลาดไปมากถึง 95% แล้ว

และถึงแม้ว่า เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer จะได้รับเครดิตว่าเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่วางแนวทางในการใช้งานเว็บไซต์อย่างทุกวันนี้ แต่จุดล่มสลายของมันก็เกิดจากตัวมันเองด้วยเช่นกัน เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 6 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) โดยพ่วงมากับระบบปฏิบัติการ Windows XP และ Windows Server 2003 นั้นเต็มไปด้วยปัญหา มีข้อผิดพลาด (Bug) ในการทำงาน และช่องโหว่อยู่เพียบ แต่ Microsoft ก็ไม่สนใจ หากพูดในภาษาชาวบ้าน ก็คงต้องใช้คำว่า "ช่างมันสิ" อาจจะเพราะถือดีว่าตนเองไม่มีคู่แข่ง ก็เลยไม่คิดจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 6

กว่าจะรู้สึกตัวว่ามีคู่แข่งไล่บี้ตามมาแล้ว และเริ่มคิดแก้ปัญหา ก็ลากยาวไปถึงปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) Microsoft ถึงจะปล่อยเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 7 ออกมา แต่ตลาดเว็บเบราว์เซอร์ ณ เวลานั้น ก็ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

คลื่นลูกใหม่ที่แซงคลื่นลูกเก่า

เว็บเบราว์เซอร์ Firefox เปิดตัวในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ส่วนเว็บเบราว์เซอร์ Chrome เปิดตัวในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) เคียงข้างกันมากับการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์พกพาอย่าง iOS และ Android ซึ่งอย่างที่เราน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้คนไปมากขนาดไหน อย่างไรก็ตาม เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ไม่เคยเข้ามาแข่งขันในตลาดใหญ่แห่งนี้ ถึงแม้ว่า Microsoft จะมี ระบบปฏิบัติการ Windows Phone ก็จริง แต่มีผู้ใช้สักกี่เปอร์เซ็นต์กันที่เลือกใช้มัน 

อันที่จริง หลังรู้สึกตัวว่าต้องเริ่มแก้ปัญหาแล้ว หากต้องการรักษาความเป็นเจ้าตลาดเอาไว้ Microsoft ก็ได้พยายามปรับเปลี่ยนดีไซน์หลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา คือ ผู้ใช้จำนวนมากหันไปเทใจให้กับเว็บเบราว์เซอร์ Chrome ที่ครองตลาดได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟน แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้ Internet Explorer ก็ยังไม่รองรับส่วนขยาย (Extensions) และยังไม่สามารถ Sync ข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นได้ด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่เว็บเบราว์เซอร์ Chrome และ Firefox ทำได้มาตั้งนานแล้ว

จากการสำรวจจำนวนผู้ใช้เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)  พบว่ามีจำนวนผู้ใช้เหลือเพียงแค่ 0.71% เท่านั้น การที่ Microsoft ตัดสินใจยุติการให้สนับสนุนมัน จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เพื่อเอาทรัพยากร และเวลาที่มีไปพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ตัวใหม่อย่าง Microsoft Edge แทนดีกว่า

Web browser ของบริษัท microsoft มีอะไรบ้าง

ภาพจาก https://gs.statcounter.com/browser-market-share

ทำไมต้องเป็น Microsoft Edge แต่ไม่เป็น Internet Explorer 12 ?

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ประสบกับความล้มเหลว ก็มาจากความอินดี้ของตัวมันเองด้วย ที่ ไม่ยอมทำตามมาตรฐานเหมือนชาวบ้านชาวช่องมาตั้งแต่ต้น ทำให้การอัปเดตเพื่อให้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานเหมือนเว็บเบราว์เซอร์รายอื่น ๆ ได้นั้น จำเป็นต้องรื้อโค้ด เปลี่ยนเอนจิ้นทำใหม่ทั้งหมด (พูดง่าย ๆ คือต้องยกเครื่องใหม่หมดนั่นเอง)

ซึ่งการทำแบบนั้น จะเรียกว่าการอัปเดตก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะมันเป็นการสร้างเว็บเบราว์เซอร์ตัวใหม่ขึ้นมาเลย และผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้น ก็คือ เว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge นั่นเอง

แทนที่จะอัปเดตสิ่งที่ไม่มีคนใช้แล้ว เลือกพัฒนาใหม่ทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหากระดุมที่ติดผิดตั้งแต่เม็ดแรกเลยน่าจะดีกว่า

Microsoft Edge เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่พัฒนาให้ทำงานได้แบบข้ามแพลตฟอร์ม เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) พร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 และในเครื่องเกมคอนโซล Xbox One หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) ก็เปิดตัวแอปพลิเคชันบน iOS และ Android, ในปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) เปิดตัวเวอร์ชัน macOS และในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ได้เปิดตัวเวอร์ชันที่ใช้บนระบบปฏิบัติการ Linux อีกด้วยต่างหาก

เว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยใช้เบราว์เซอร์เอนจิ้น EdgeHTML และเอนจิ้น Chakra JavaScript ที่เป็น ซอฟต์แวร์กรรมสิทธิ์ ของ Microsoft เอง อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Microsoft Edge จะเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่รองรับการใช้งานกับเว็บไซต์สมัยใหม่ มีคุณสมบัติที่น่าสนใจไม่ต่างจากคู่แข่ง แต่มันก็ไม่ได้รับความนิยมอยู่ดี อาจจะด้วยความที่เว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge เป็นเว็บเบราว์เซอร์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการ Windows 10 แต่มันไม่รองรับการใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows หรือ macOS รุ่นเก่า

ผนวกกับ ความนิยมของ เว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome และ Mozilla Firefox ที่ผู้บริโภคคุ้นเคยมาเป็นเวลานาน และไม่มีส่วนขยาย (Extension) ที่น่าสนใจให้ใช้งาน นักพัฒนาส่วนใหญ่มีการใช้ เว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge บ้าง เพื่อทดสอบการแสดงผลของหน้าเว็บไซต์ว่าสามารถทำได้ถูกต้องหรือไม่ แต่แทบไม่มีใครให้ความสนใจมันมากไปกว่านั้น

อย่างไรก็ตาม Microsoft Edge เวอร์ชันที่พัฒนาด้วยซอฟต์แวร์กรรมสิทธิ์ของ Microsoft ในปัจจุบันจะเรียกว่า Microsoft Edge Legacy หลังจากที่ในปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ทาง Microsoft ได้ประกาศที่จะสร้างเว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ขึ้นมาใหม่ โดยใช้ซอร์สโค้ด Chromium-based ที่เป็นโอเพ่นซอร์สของ Google ร่วมกับเอนจิ้น Blink และ V8 ในการพัฒนา ก่อนจะปล่อยเวอร์ชันสาธารณะ (Public ฑelease) ออกมาในวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)

และถัดมาในเดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน Microsoft ได้เริ่มนำเว็บเบราว์เซอร์ Edge เวอร์ชันใหม่รวมเข้าไว้ใน Windows Update สำหรับ Windows 7, 8.1 และ 10 โดยมันจะแทนที่ Edge Legacy ด้วย Chromium-based Edge และได้หยุดการปล่อยแพทช์รักษาความปลอดภัยให้กับ Edge Legacy ในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)


แล้วคุณผู้อ่านเคยลองใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge เวอร์ชัน Chromium-based กันหรือยังครับ ถ้ายังอยากให้ลองเปิดใจดูนะ มันทำงานได้เหมือน Chrome เลยล่ะ ติดตั้งส่วนขยายจาก Chrome เว็บสโตร์ ด้วย ที่สำคัญมันเร็ว และใช้แรมน้อยกว่าด้วยล่ะ

Web browser ของบริษัท microsoft มีอะไรบ้าง

ภาพจาก https://browserhow.com/chrome-vs-edge/#speed-and-performance

ที่มา : indianexpress.com , en.wikipedia.org , telecom.economictimes.indiatimes.com , www.visualcapitalist.com , gs.statcounter.com , www.geekwire.com , en.wikipedia.org