ทำด้วยคาร์บอนมีรูปร่างเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าุ่ในซองแปรงมีสปิงกดอยู่ด้านบนเพื่อให้ถ่านนี้สัมผัสกับซี่คอมมิวเตเตอร์ตลอดเวลาเพื่อรับกระแส และส่งกระแสไฟฟ้าระหว่างขดลวดอาร์มาเจอร์ กับวงจรไฟฟ้าจากภายนอก คือถ้าเป็นมอเตอร์กระแสไฟฟ้าตรงจะทำหน้าที่รับกระแสจากภายนอกเข้าไปยังคอมมิวเตเตอร ์ให้ลวดอาร์มาเจอร์เกดแรงบิดทำให้มอเตอร์หมุนได้ ทำด้วยคาร์บอนมีรูปร่างเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าุ่ในซองแปรงมีสปิงกดอยู่ด้านบนเพื่อให้ถ่านนี้สัมผัสกับซี่คอมมิวเตเตอร์ตลอดเวลาเพื่อรับกระแส และส่งกระแสไฟฟ้าระหว่างขดลวดอาร์มาเจอร์ กับวงจรไฟฟ้าจากภายนอก คือถ้าเป็นมอเตอร์กระแสไฟฟ้าตรงจะทำหน้าที่รับกระแสจากภายนอกเข้าไปยังคอมมิวเตเตอร ์ให้ลวดอาร์มาเจอร์เกดแรงบิดทำให้มอเตอร์หมุนได้ 3. at wate is best acting primarily mobile workers, or change flow AC power windings of a major motivation check-DC. At a copper bar of wate each tooth look like a lever, so that they can be composed together into a cylindrical shape with a central separator plates, do not put to work. The thickness of each tooth of a wate-component, depending on the size of the Volt's range while being easy and at a close range address wate. Dokrong created inside of a wate-component การแปล กรุณารอสักครู่.. คอมมิวเตเตอร์ (Commutator) กับแปรงไฟหรือแปรงถ่าน (Brush) นับได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาร์มาเจอร์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะหมายถึงมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง D.C. ซึ่งไดนาโมหรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็จำเป็นต้องมีคอมมิวเตเตอร์กับแปรงเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำงาน ส่วนมอเตอร์กระแสตรงถึงแม้จะไม่มีคอมมิวเตเตอร์แต่ก็จำเป็นต้องมีสลิปปริงก์และแปรงถ่าน เช่นเดียวกัน คอมมิวเตอร์กับวงจรรวมไฟฟ้า มอเตอร์ไฟ้า ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระแสไฟสลับและไฟตรง จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ประกอบอย่างหนึ่ง เพื่อให้เกิดกระแสไฟหรือพลังงานที่ได้จากอาร์มาเจอร์ตามที่ต้องการ อุปกรณ์ประกอบนี้คือ วงรวมไฟฟ้า (Collecting ring) เมื่อต้องการจะได้กระแสไฟ้าจากอาร์มาเจอร์เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ จะต้องใช้วงรวมไฟ้าหรือคอลเลคติ้งริงก์ โดยวิธีต่อปลายลวดของขดลวดอาร์มาเจอร์กับวงรวมไฟฟ้านี้ และให้แปรงสัมผัสกับผิวรอบๆ วงรวมนี้ แปรงจะเป็นสิ่งที่รวบรวมหรือกระแสไฟ เรียกว่า แหวนสลิป (Slip ring) ซึ่งใช้เฉพาะสำหรับมอเตอร์กระแสไฟสลับเท่านั้น คอมมิวเตเตอร์ (Commutater) ใช้กับกระแสไฟตรงโดยส่วนมาก ซึ่งได้กล่าวมาแล้วว่าถ้าเราได้จัดให้แปรงต่อเข้ากับขดลวดปลายหนึ่งและแปรงอีกอันหนึ่ง ต่อเข้ากับอีกปลายหนึ่งของขดลวดที่หมุนได้ โดยจัดทำให้เปลี่ยนได้ทุกขณะ ในเมื่อกระแสไฟฟ้าในด้านๆ หนึ่งของขดลวดเปลี่ยนย้อนทางเดิน เราจะได้กระแสไฟฟ้าภายนอกเดินไปในทางเดียวกันเสมอ และสิ่งที่สามารถทำให้เกิดผลดังกล่าวนี้ได้ ก็โดยใช้อุปกรณ์ช่วยประกอบคือตัวคอมมิวเตเตอร์นั้นเอง คอมมิวเตเตอร์ประกอบรูปร่างเป็นวงแหวน ตรึงติดแน่นอยู่กับปลายขั้วหรือเพลาของอาร์มาเจอร์ และมีอาการหมุนไปตามจังหวะหมุนของอาร์มาเจอร์ด้วย ส่วนแปรงไฟนั้นจะตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ปลายผิวของแปรงกดสัมผัสกับพื้นบาร์ หรือช่องเซกเมนท์รอบๆ คอมมิวเตเตอร์ การทำงานเบื้องต้นของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง มีแรงดันไฟตรงจ่ายผ่านแปรงถ่านไปคอมมิวเตเตอร์ ผ่านไปให้ขดลวดตัวนำที่อาร์เมเจอร์ ทำให้ขดลวดอาร์เมเจอร์เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นมา ทางด้านซ้ายมือเป็นขั้วเหนือ (N) และ้ด้านขวาเป็นขั้วใต้ (S) เหมือนกับขั้วแม่เหล็กถาวรที่วางอยู่ใกล้ๆ เกิดอำนาจแม่เหล็กผลักดันกัน อาร์เมเจอร์หมุนไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกา พร้อมกับคอมมิวเตเตอร์หมุนตามไปด้วย แปรงถ่านสัมผัสกับส่วนของคอมมิวเตเตอร์ เปลี่ยนไปในอีกปลายหนึ่งของขดลวด แต่มีผลทำให้เกิดขั้วแม่เหล็กที่อาร์เมเจอร์เหมือนกับชั้วแม่เหล็กถาวรที่อยู่ใกล้ๆอีกครั้ง ทำให้อาร์เมเจอร์ยังคงถูกผลักให้หมุนไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาตลอดเวลา เกิดการหมุนของอาร์เมเจอร์คือมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล มอเตอร์ที่ใช้งานในปัจจุบัน แต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างออกไปต้องการความเร็ว รอบหรือกำลังงานที่แตกต่างกัน ซึ่งมอเตอร์แต่ละชนิด จะแบ่งได้เป็น 2 ชนิดตามลักษณะการใช้งาน กระแสไฟฟ้า 1.มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating Current Motor) หรือเรียกว่าเอ.ซี มอเตอร์ (A.C. MOTOR)การแบ่งชนิดของมอเตอร์ไฟฟ้าสลับแบ่งออกเป็น 3 ชนิดได้แก่ 2.มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Current Motor ) หรือเรียกว่าดี.ซี มอเตอร์ (D.C. MOTOR) การแบ่งชนิดของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแบ่งออกได้ดังนี้ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแบ่งออกเป็น 3 ชนิดได้แก่ ส่วนประกอบหลักๆ ของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ ขดลวดอาร์เมเจอร์6.) แปรงถ่าน (Brush) คือ ตัวสัมผัสกับคอมมิวเตเตอร์ ทำเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผลิตมาจากคาร์บอนหรือแกรไฟต์ผสมผงทองแดง เพื่อให้แข็งและนำไฟฟ้าได้ดี มีสายตัวนำต่อร่วมกับแปรงถ่านเพื่อไปรับแรงดันไฟตรงที่จ่ายเข้ามา แปรงถ่านทำหน้าที่รับแรงดันไฟตรงจกแหล่งจ่าย จ่ายผ่านไปให้คอมมิวเตเตอร์ มอเตอร์ที่นิยมใช้ในโรงงาน มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส 1. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส แบบอินดักชั่น (3 Phase Induction Motor) 2. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส แบบซิงโครนัส (3 Phase Synchronous Motor) 1. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส แบบอินดักชั่น มอเตอร์ไฟสลับ 3 ที่มีคุณสมบัติที่ดี คือมีความเร็วรอบคงที่เนื่องจากความเร็วรอบอินดักชั่นมอเตอร์ขึ้นอยู่กับความถี่ (Frequency) ของแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ มีราคาถูก โครงสร้างไม่ซับซ้อน สะดวกในการบำรุงรักษาเพราะไม่มีคอมมิวเตเตอร์และแปรงถ่านเหมือนมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องควบคุมความเร็วแบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) สามารถควบคุมความเร็ว (Speed) ได้ตั้งแต่ศูนย์จนถึงความเร็วตามพิกัดของมอเตอร์ นิยมใช้กันมาก เป็นต้น กำลังในโรงงานอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนลิฟท์ขับเคลื่อนสายพานลำเลียง ขับเคลื่อนเครื่องจักรไฟฟ้า เช่น เครื่องไส เครื่องกลึง มอเตอร์อินดักชั่นมี 2 แบบ แบ่งตามลักษณะตัวหมุนคือ1.โรเตอร์ 2. ขดลวดสนามแม่เหล็ก 3. ขั้วต่อสาย 4. โครงมอเตอร์ 5. ฝาครอบหัว 6. ฝาครอบท้าย 1.1 อินดักชั่นมอเตอร์ที่มีโรเตอร์แบบกรงกระรอก (Squirrel Cage Induction Motor) อินดักชั่นมอเตอร์แบบนี้ ตัวโรเตอร์จะมีโครงสร้างแบบกรงกระรอกเหมือนกับโรเตอร์ของสปลิทเฟสมอเตอร์ รูปโรเตอร์แบบกรงกระรอก รูปสเตเตอร์ ของอินดักชั่นมอเตอร์ 1.2 อินดักชั่นมอเตอร์ที่มีโรเตอร์แบบขดลวด (Wound Rotor Induction Motors) 2. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสแบบซิงโครนัสเป็นมอเตอร์ได้ใหญ่ที่สุด มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสแบบซิงโครนัส (3 Phase Synchronous Motor) โครงสร้างของซิงโครนัสมอเตอร์ ที่สำคัญมี 2 ส่วนคือ 1. สเตเตอร์ (Stator)2. โรเตอร์ (Rotor)1. สเตเตอร์ (Stator) ของซิงโครนัสมอเตอร์เหมือนกับสเตเตอร์ของ 3 เฟส อินดักชั่นมอเตอร์มีร่องสำหรับพันขดลวดจำนวน 3 ชุด เฟสละ1 ชุด เมื่อจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส ให้กับสเตเตอร์จะเกิดสนามแม่เหล็กหมุนขึ้น เมื่อสนามแม่เหล็กหมุนอินดักชั่นมอเตอร์2. โรเตอร์ (Rotor) ของซิงโครนัสมอเตอร ์ เป็นแบบขั้วแม่เหล็กยื่น (Salient Poles) และมีขดลวดพันข้าง ๆ ขั้วแม่เหล็กยื่นเหล่านั้นขดลวดสนามแม่เหล็กที่พันรอบขั้วแม่เหล็กยื่นต่อกับแหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงภายนอก เพื่อสร้างขั้วแม่เหล็กขึ้นที่ตัวโรเตอร์ การทำงานของซิงโครนัสมอเตอร์เมื่อจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส ให้กับสเตเตอร์ของซิงโครนัสมอเตอร์ จะเกิดสนามแม่เหล็กหมุนเนื่องจากตัวหมุน (โรเตอร์) ของซิงโครนัสมอเตอร์เป็นแบบขั้วแม่เหล็กยื่น และมีขดลวดสนามแม่เหล็กพันอยู่รอบ ๆโดยใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสภายนอก เมื่อจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงให้กับโรเตอรจะทำให้เกิดขั้วแม่เหล็กที่โรเตอร์ขึ้น ขั้วแม่เหล็กนี้จะเกาะตามการหมุนของสนามหมุนของสเตเตอร์ ทำให้มอเตอร์หมุนไปด้วยความเร็วเท่ากับความเร็วของสนามแม่เหล็กที่สเตเตอร์ 🍪 COOKIE SETTINGS |