ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยกระทรวงศึกษาเห็นสมควรปรับปรุงระเบียบว่าด้วยการเก็บเงินบำรุงการศึกษาในสถานศึกษาของรัฐบาล สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เสียใหม่ให้เหมาะสม และเป็นประโยชน์แก่การศึกษามากยิ่งขึ้น Show อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๓ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๑๖ ลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๑๕ กระทรวงศึกษาธิการจึงวางระเบียบขึ้นไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเก็บเงินบำรุงการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๒๐" ข้อ ๒ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ค่าธรรมเนียมในโรงเรียนอนุบาล พ.ศ. ๒๔๙๗(๒) ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเก็บเงินบำรุงการศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๐๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๙(๓) ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเก็บเงินบำรุงการศึกษาในโรงเรียนผู้ใหญ่และหน่วยอาชีวศึกษาผู้ใหญ่เคลื่อนที่ พ.ศ. ๒๕๑๓(๔) ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเก็บค่าภาคปฏิบัติในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๑๗(๕) ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเก็บเงินบำรุงการศึกษาในโรงเรียนผู้ใหญ่สายสามัญ พ.ศ. ๒๕๑๙(๖) ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเก็บเงินบำรุงการศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรมอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๒๐บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ได้กำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทนข้อ ๓ ระเบียบนี้ใช้บังคับแก่สถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทุกระดับ ทุกประเภท ยกเว้นสถานศึกษาสังกัดกรมการฝึกหัดครู และวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ข้อ ๔ เงินบำรุงการศึกษาตามระเบียบนี้ คือ เงินที่สถานศึกษาเรียกเก็บจากนักเรียนนักศึกษาเป็นค่าบำรุงการศึกษา และอื่น ๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ข้อ ๕ ให้สถานศึกษาเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาตามประเภท และจำนวนเงิน ดังนี้ (๑) ค่าระเบียบการและใบสมัคร ๕ บาทถ้ามีแต่ใบสมัครอย่างเดียวให้เก็บ ๒ บาท(๒) ค่าสมัครเข้าเรียนให้เก็บในอัตรา ๑๐-๒๐-๓๐-๔๐-๕๐ บาท(๓) สำหรับการศึกษาหรือชั้นที่ไม่ได้จัดการสอบในระบบหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียน ให้เก็บค่าบำรุงการศึกษา รวมทั้งค่าบำรุงสุขภาพ หรือห้องพยาบาล ห้องสมุด ตลอดจนค่าภาคปฏิบัติหรือวัสดุฝึกหัดหรืออุปกรณ์การศึกษา ในอัตราภาคเรียนหรือรุ่นละ ๕๐-๑๐๐-๑๕๐-๒๐๐-๒๕๐-๓๐๐-๕๐๐ บาท (๔) ค่าขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา สำหรับสถานศึกษาหรือชั้นที่จัดการสอนในระบบหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียน ให้เก็บในอัตราปีละ ๑๐-๒๐-๓๐-๔๐-๕๐-๑๐๐ บาท(๕) ค่าบำรุงสุขภาพหรือห้องพยาบาล สำหรับสถานศึกษาหรือชั้นที่จัดการสอนในระบบหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียน ให้เก็บในอัตราปีละ ๑๐-๒๐-๓๐-๔๐-๕๐-๑๐๐ บาท(๖) ค่าบำรุงห้องสมุด สำหรับสถานศึกษาหรือชั้นที่จัดการสอนในระบบหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียน ให้เก็บในอัตราปีละ ๑๐-๒๐-๓๐-๔๐-๕๐-๑๐๐ บาท(๗) ค่าภาคปฏิบัติหรือวัสดุฝึกหัดหรืออุปกรณ์การศึกษา สำหรับสถานศึกษาหรือชั้นที่จัดการสอนในระบบหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียน ให้เก็บในอัตราหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียนละ ๕-๑๐-๒๐-๓๐-๔๐-๕๐ บาท(๘) ค่าลงทะเบียนรายวิชา สำหรับสถานศึกษาหรือชั้นที่จัดการสอนในระบบหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียน ให้เก็บในอัตราหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียนละ ๕-๑๐-๒๐-๓๐-๔๐-๕๐ บาท(๙) ค่าปรับการลงทะเบียนรายวิชา สำหรับกรณีที่มีการลงทะเบียนรายวิชาล่าช้ากว่ากำหนด ให้เก็บในอัตรา ๑๐-๒๐-๓๐-๔๐-๕๐ บาท(๑๐) ค่าออกใบรับรอง ใบรายงานต่าง ๆ ชุดแรกไม่เรียกเก็บ ชุดต่อไปให้เก็บฉบับละ ๕ บาท(๑๑) ค่าสอบแก้ตัว สำหรับสถานศึกษาหรือชั้นที่จัดการสอนในระบบหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียน ให้เก็บในอัตราหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียนละ ๕ บาทข้อ ๖ การเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาตามข้อ ๕ ให้เลือกเก็บในประเภทและอัตราใดอัตราหนึ่งตามความเหมาะสมแก่สภาพท้องถิ่นและฐานะทางเศรษฐกิจ สถานศึกษาใดจะเก็บเงินบำรุงการศึกษาประเภทใด ในอัตราใด ให้อธิบดีเจ้าสังกัดเป็นผู้อนุมัติและรายงานให้กระทรวงศึกษาธิการรับทราบ ข้อ ๗ สถานศึกษาใดจะไม่เก็บหรือเก็บเงินบำรุงการศึกษาแตกต่างไปจากประเภทและอัตราที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีเจ้าสังกัด โดยความเห็นชอบของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ข้อ ๘ ให้เก็บเงินบำรุงการศึกษาในภาคเรียนหรือเป็นรุ่น และให้สถานศึกษากำหนดเวลาการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาตามความเหมาะสม แต่ต้องประกาศให้นักเรียนนักศึกษาทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน ข้อ ๙ การรับ จ่าย และจัดทำบัญชีเงินบำรุงการศึกษา ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเงินบำรุงการศึกษา ข้อ ๑๐ สถานศึกษาต้องใช้จ่ายเงินบำรุงการศึกษาที่เรียกเก็บให้เกิดประโยชน์ต่อกิจการของสถานศึกษานั้น โดยให้อธิบดีเจ้าสังกัดพิจารณากำหนดวิธีการให้สถานศึกษาจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินบำรุงการศึกษาประจำปีไว้เป็นแนวทางดำเนินงานด้วย ข้อ ๑๑ ถ้านักเรียนนักศึกษาคนใดลาออก หรือถูกจำหน่ายออกจากสถานศึกษา ไม่ว่ากรณีใด ๆ ภายใน ๗ วันทำการ นับตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนไม่ต้องชำระเงินบำรุงการศึกษา สำหรับภาคเรียนหรือรุ่นนั้น และไม่ถือว่าเป็นผู้ค้างชำระเงินบำรุงการศึกษา ข้อ ๑๒ ถ้านักเรียนนักศึกษาคนใดย้ายสถานศึกษา ให้ปฏิบัติเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาดังนี้ ข้อ ๑๓ การยกเว้นเงินบำรุงการศึกษาให้แก่นักเรียนนักศึกษา ให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ข้อ ๑๔ กรณีนักเรียนนักศึกษาคนใดค้างชำระเงินบำรุงการศึกษา ให้สถานศึกษาเร่งรัดและทวงถามไปยังผู้ปกครองสองครั้ง ถ้ายังชำระไม่เสร็จสิ้นภายในเวลาที่สถานศึกษากำหนดให้ อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าสถานศึกษาที่จะพิจารณาตามที่เห็นสมควร ข้อ ๑๕ ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๖ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่ ปีการศึกษา ๒๕๒๑ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๒๐ บุญสม มาร์ติน (นายแพทย์บุญสม มาร์ติน) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ค่าธรรมเนียมการศึกษากับค่าเทอมเหมือนกันไหมค่าเทอม และ ค่าธรรมเนียมการศึกษา คือค่าเดียวกัน สำหรับนิสิตปี 1 จะชำระดข้ามาแล้ว ในรูปแบบของค่ายืนยันสิทธิ์ จากนั้นทางมหาวิทยาลัยจะโอนเงินค่ายืนยันสิทธิ์นี้ไปเป็นค่าเทอมให้ในภายหลัง 18/6/2564 14:29:16.
ค่าบํารุงการศึกษา คืออะไรเงินบํารุงการศึกษา หมายถึง เงินประเภทตาง ๆ ที่สถานศึกษาของทาง ราชการ เรียกเก็บตามอัตราที่ไดรับอนุมัติ จากกระทรวงศึกษาธิการสวนราชการเจาสังกัด หรือที่กํากับมหาวิทยาลัย องคการบริหารสวน จังหวัด เทศบาล องคการบริหารสวนตําบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องคการปกครอง สวนทองถิ่น ที่มีกฏหมายจัดตั้งหรือองคกรของ รัฐบาล
ค่าเทอมคืออะไรบ้างเทอม (เทิม) น. ระยะเวลาที่กำหนดไว้เป็นตอน ๆ, ภาคเรียน, เรียกค่าเล่าเรียนที่เก็บในภาคเรียนหนึ่ง ๆ ว่า ค่าเทอม.
ค่าใช้จ่ายการศึกษา มีอะไรบ้างโดยค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาที่จำเป็นมีทั้งสิ้น 4 รายการ ได้แก่ (1) ค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา/ค่าบำรุงการศึกษา (2) ค่าเครื่องแบบ (ทุกประเภทที่กำหนด) (3) ค่าสมุด หนังสือ/อุปกรณ์การเรียนอื่นๆ และ (4) ค่าเดินทางไปเรียน
|