ตกขาวสีเหลือง คัน เกิดจากอะไร

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้ หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

         ตกขาว คือ สิ่งที่ผู้หญิงพบเจออยู่ตลอดจนเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้การมีตกขาวจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่การมีสีตกขาวที่แปลกไป นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างในร่างกายแล้วล่ะค่ะ เช่น ตกขาวสีน้ำตาล ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีเขียว สีตกขาวเหล่านี้บอกถึงความผิดปกติอะไร? ถ้าอยากรู้ล่ะก็ ไปอ่านบทความนี้กันเลยค่ะ

ตกขาวสีเหลือง คัน เกิดจากอะไร

สารบัญ

  • ตกขาวสีน้ำตาล ตกขาวสีเหลือง แต่ละสีบ่งบอกถึงอะไร? สีแบบไหนเรียกว่าอันตราย
  • 5 สัญญาณเตือนความผิดปกติของช่องคลอด
  • ควรดูแลสุขภาพช่องคลอดอย่างไร?

ตกขาวสีน้ำตาล ตกขาวสีเหลือง แต่ละสีบ่งบอกถึงอะไร? สีแบบไหนเรียกว่าอันตราย

         ตกขาว หรือระดูขาว คือ สารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอดของผู้หญิง ช่วยทำให้ช่องคลอดมีความชุ่มชื้น ป้องกันการติดเชื้อ และระคายเคือง โดยทั่วไป จะมีลักษณะเป็นสีขาวหรือสีใส มักไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นเล็กน้อยตามธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยทั่วไปลักษณะของตกขาวจะมีดังนี้

ตกขาวสีเหลือง คัน เกิดจากอะไร

  1. ในช่วงวันที่ 6-14 ของรอบเดือน จะเป็นช่วงที่เลือดประจำเดือนหยุดไหลแล้ว หลังจากนั้น จะเริ่มมีตกขาวเล็กน้อย มีลักษณะเป็นสีขาวหรือมีสีเหลืองนวล ๆ และอาจมีลักษณะเหนียวได้
  2. ก่อนวันตกไข่ ตกขาวอาจมีลักษณะเป็นเมือกลื่น ๆ เป็นสีใส แต่หลังจากมีการตกไข่ ตกขาวจะกลับไปมีลักษณะเป็นสีขาวและเหนียวเช่นเดิม
  3. ช่วงก่อนมีประจำเดือน ตกขาวจะมีปริมาณน้อยลงเรื่อย ๆ จนค่อย ๆ หายไป จนรอบเดือนใหม่มา

ซึ่งหากสีและกลิ่นของตกขาวเปลี่ยนไปจากนี้ อาจแสดงถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในร่างกายหรืออาจเกิดจากโรคได้

สีของตกขาวบอกอะไร?

  • สีขาวขุ่น : อาจมีสีเหลืองปน มีกลิ่นและลักษณะคล้ายนมบูด มีอาการแสบและคันบริเวณช่องคลอด ลักษณะเช่นนี้ มักพบในผู้ใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องกันเป็นเวลานานหรือมีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • สีเหลืองหรือสีเขียว : ตกขาวมีลักษณะเป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองปนเขียว มีฟอง มีกลิ่นเปรี้ยว มีปริมาณมาก และอาจมีอาการคันบริเวณช่องคลอดและปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วย ลักษณะเช่นนี้มักเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในช่องคลอด เช่น ผ้าอนามัยแบบสอด หากตกขาวมีสีเขียว แต่ไม่มีกลิ่นและไม่มีอาการแสบคัน อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
  • สีเทา : มีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง มีอาการคันและระคายเคือง อวัยวะเพศบวมแดง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด หรืออาจเกิดจากแบคทีเรียในช่องคลอดไม่สมดุลกัน
  • สีน้ำตาล : มักมีปริมาณไม่มากนัก ไม่มีกลิ่นเหม็น เกิดจากการลอกตัวของมดลูก มักพบหลังจากมีประจำเดือน ไม่มีอันตรายอะไร แต่หากมีอาการคัน มีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น และปัสสาวะแสบขัด ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป
  • สีชมพูหรือแดง : เกิดจากการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก ลักษณะนี้มักพบในผู้หญิงหลังคลอด แต่หากเกิดในผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ มักเกิดจากการมีเลือดปนมากับตกขาว สาเหตุอาจเกิดมาจากโรคร้าย เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก จึงควรไปพบแพทย์ทันที

ตกขาวสีเหลือง คัน เกิดจากอะไร

         หากตกขาวมีสีและอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุและหาทางรักษา เพราะหากปล่อยไว้อาการจะร้ายแรงขึ้นได้ นอกจากนี้ หากมีลักษณะสีขาวหรือสีใส ซึ่งเป็นลักษณะของตกขาวปกติ แต่หากมีอาการคันหรือมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย นับเป็นอาการที่ผิดปกติ เพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อราได้ ดังนั้นต้องหมั่นสังเกตตกขาวอยู่เป็นประจำนะคะ

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากตกขาวที่ผิดปกติ

  1. เกิดอาการคัน บวม เจ็บ บริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด
  2. มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด โดยไม่ใช่เลือดประจำเดือน
  3. ปวดท้อง และเจ็บหรือแสบขัดในขณะปัสสาวะ
  4. เจ็บช่องคลอดในขณะมีเพศสัมพันธ์
  5. หากตั้งครรภ์ แล้วตกขาวมีความผิดปกติ ซึ่งเกิดมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือโรคติดต่อ เชื้อเหล่านี้จะสามารถเผยแพร่สู่ลูกในการคลอดได้
  6. ตกขาวที่มีมาจากการติดเชื้อแล้วไม่ได้ทำการรักษา หากปล่อยไว้เชื้อเหล่านี้อาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะในระบบสืบพันธุ์อื่น ๆ อาจทำให้เกิดภาวการณ์มีบุตรยาก และส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์แบบเรื้อรังได้
  7. ตกขาวที่เกิดจากการมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายในช่องคลอด อาจนำไปสู่อาการช็อกแบบเฉียบพลัน เนื่องจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งหากไม่รีบรักษาอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

5 สัญญาณเตือนความผิดปกติของช่องคลอด

         ความผิดปกติของตกขาว เช่น ตกขาวสีน้ำตาล ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีเขียว เป็นอาการส่วนหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติภายในร่างกาย แต่นอกจากสีของตกขาว เรายังสามารถสังเกตอาการอย่างอื่น ที่เป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติได้เช่นกันนะคะ

ตกขาวสีเหลือง คัน เกิดจากอะไร

  1. กลิ่นที่ผิดปกติไปจากเดิม ในแต่ละคนจะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป แต่โดยตามธรรมชาติช่องคลอดจะมีกลิ่นแค่เล็กน้อย แต่ถ้ากลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง เช่น กลิ่นคาว กลิ่นเหมือนนมบูด กลิ่นเหมือนน้ำล้างเนื้อสัตว์ กลิ่นเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติบางอย่างภายในร่างกาย
  2. ภายในช่องคลอดแห้งผิดปกติ ปกติภายในช่องคลอดจะมีความชุ่มชื้นหรือมีสารหล่อลื่น เพื่อลดการเสียดสีและเพิ่มความยืดหยุ่นของช่องคลอด ซึ่งถ้าหากช่องคลอดแห้ง อาจทำให้ติดเชื้อราในช่องคลอดได้ แต่สำหรับผู้สูงอายุภาวะช่องคลอดแห้งถือเป็นอาการปกติที่อาจพบได้ เนื่องจากมดลูกมีความหย่อนคล้อยตามวัย
  3. ช่องคลอดมีเลือดออกผิดปกติ อาจเกิดมาจากความผิดปกติของมดลูกและระบบสืบพันธุ์ จึงควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  4. เจ็บช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
  5. เกิดความผิดปกติบริเวณผิวหนังใกล้ช่องคลอด เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีลักษณะเป็นสิวใกล้ อาจเป็นอาการระคายเคืองหรือเป็นอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์

         อาการผิดปกติเหล่านี้ ก็อันตรายไม่แพ้อาการผิดปกติของตกขาวเลยล่ะค่ะ ถึงแม้ว่าตกขาวจะมีสีหรือลักษณะที่ปกติ แต่หากมีอาการข้างต้นข้อใดข้อหนึ่ง ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยนะคะ ไม่อย่างนั้นอาการเหล่านี้จะยิ่งทวีความรุนแรง รู้ตัวอีกทีก็อาจจะมีโรคแทรกซ้อน หรือกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคืออาจเสียชีวิตได้นะคะ

ตกขาวสีเหลือง คัน เกิดจากอะไร

ควรดูแลสุขภาพช่องคลอดอย่างไร?

         ช่องคลอดเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของผู้หญิง การที่เราดูแลสุขภาพช่องคลอดให้ดี จะลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดความผิดปกติของตกขาว และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ภายในด้วยนะคะ

ตกขาวสีเหลือง คัน เกิดจากอะไร

  • หากมีรอบเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นเชื้อโรคอาจเข้าสู่ช่องคลอดได้
  • หากใช้ผ้าอนามัยสำหรับตกขาว ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะเกิดความอับชื้นได้
  • หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้ความสมดุลภายในช่องคลอดเปลี่ยนไป และอาจติดเชื้อได้ง่าย
  • ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศภายนอกด้วยน้ำสะอาด หรือใช้สบู่ที่ไม่ทำให้เกิดการแสบหรือระคายเคือง
  • สวมใส่กางเกงในที่ไม่หนาหรือรัดแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการอับชื้นได้
  • ควรใช้ถุงยางอนามัย ขณะมีเพศสัมพันธ์ ช่วยลดโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้นได้
  • ไม่ควรทานยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลานาน หากไม่จำเป็น
  • หากเกิดอาการผิดปกติใด ให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
  • ตรวจภายในเป็นประจำทุกปี

ตกขาวสีเหลือง คัน เกิดจากอะไร

ตกขาวสีเหลือง คัน เกิดจากอะไร

สรุป

         สีของตกขาว เป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยเตือนให้เรารู้ถึงความผิดปกติภายในที่เรามองไม่เห็น เช่น ตกขาวสีน้ำตาล ตกขาวสีเหลือง ดังนั้น เราควรหมั่นสังเกตสีของตกขาวอยู่เสมอ เพราะหากเกิดความผิดปกติใด ๆ จะได้เข้ารับการรักษาได้ทันนะคะ นอกจากสีของตกขาวแล้ว ความผิดปกติ เช่น อาการคันหรือเจ็บบริเวณช่องคลอด ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติเช่นกัน

ดังนั้น เราต้องคอยดูแลสุขภาพช่องคลอดให้ดีอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงโรคร้ายแรง ที่อาจเกิดขึ้นได้นะคะ

BED & MATTRESS PRODUCT

จัดจำหน่าย บริษัท ฟาร์ ทริลเลียน จำกัด 73,75 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 89/2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ10700

ตกขาวสีเหลืองติดเชื้ออะไร

ตกขาวสีเหลือง พบได้บ่อยที่สุดในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ จะมีทั้งแบบสีเหลืองเข้ม และแบบสีเหลืองใสๆ อาจมาจากหลายสาเหตุ อาทิ ติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการตกขาวที่มีสีเหลืองขุ่น มีกลิ่นคาวปลา และคัน ติดเชื้อจากโรคหนองใน ติดเชื้อรา

ตกขาวเป็นก้อนแป้งคันเกิดจากอะไร

ตกขาวผิดปกติ คัน ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ตกขาวมีลักษณะเป็นสีขาวข้นเหมือนแป้งเปียกเป็นก้อนคล้ายคราบนมเด็ก ลักษณะเด่นอีกอย่างของตกขาวที่เกิดจากเชื้อราคือมีอาการคันมาก นอกจากนี้ ในบางราย นอกจากตกขาวผิดปกติแล้ว อาจมีผื่นแดงคันบริเวณอวัยวะเพศด้านนอก เช่น บริเวณแคมและซอกขาหนีบที่เกิดจากการติดเชื้อราที่ ...

ตกขาวมีกลิ่น คัน เกิดจากอะไร

อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น หากมีสีเหลืองและมีกลิ่นเหม็นอาจเกิดจากติดเชื้อไวรัส สำหรับตกขาวสีเหลืองที่มีกลิ่นคาวร่วมกับอาการคัน เป็นอาการของการติดเชื้อแบคทีเรีย ทั้งนี้หากติดเชื้อหนองใน จะทำให้มีตกขาวเป็นหนองสีเหลือง หรือปนสีเขียว มีปริมาณมาก และมีกลิ่นเหม็น แม้ไม่ทำให้คัน แต่จะมีอาการปัสสาวะขัด เจ็บแสบได้

ทำไมตกขาวเป็นก้อน

ตกขาวเป็นก้อนสีขาว อาจเกิดจากการติดเชื้อรา Candida albicans ทำให้ตกขาวมีลักษณะเป็นก้อนคล้ายนมบูด เป็นสีขาวข้นหรืออาจเป็นสีเหลืองขาว ตกขาวมีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่มีกลิ่นคาว ทำให้มีอาการแสบคันในช่องคลอดหรือมีปัสสาวะแสบขัดเป็นบางครั้ง ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานหรือเป็นผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ