รถยนต์ใช้พลังงานจากอะไรในการขับเคลื่อน

รถไฟฟ้า หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อรถ EV ที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี รวมถึงยังมีส่วนช่วยในเรื่องของฝุ่นพิษอีกด้วย

รถยนต์ไฟฟ้า EV คืออะไร ?

รถ EV มีชื่อเรียกแบบเต็มๆ ว่า Electric Vehicle แปลได้อย่างตรงตัวว่ารถไฟฟ้า ค่ายรถยนต์หลายค่ายไม่ว่าจะค่ายเล็กหรือค่ายใหญ่ต่างก็เริ่มปรับตัวจากการใช้เครื่องยนต์ดีเซล หรือเครื่องยนต์เบนซินเพียงอย่างเดียว มาพัฒนาเครื่องยนต์ และแบตเตอรี่ไฟฟ้าให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะยังมีการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซินอยู่ แต่ทิศทางของรถ EV ก็เติบโตมากขึ้นเช่นกัน

ทำความรู้จักกับรถยนต์ EV

รถยนต์ EV หรือ Electric Vehicle คือ ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาป โดยรถยนต์ EV จะใช้พลังจากไฟฟ้าแทนการใช้มันน้ำหรือพลังงานอื่นๆ โดยระบบรถไฟฟ้าจะเก็บพลังงานเอาไว้ในแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้ และแปลงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อนรถ อนึ่งรถยนต์ EV ไม่ต้องมีกลไกลอะไรที่มากเหมือนขับเคลื่อนอย่างเช่นรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งต้องใช้การจุดระเบิดเผาไหม้ในการขับเคลื่อน ทำให้เครื่องยนต์เงียบ และไม่มีไอเสียจากการเผาผลาญพลังงาน

รถยนต์ใช้พลังงานจากอะไรในการขับเคลื่อน

รถยนต์ไฟฟ้าสามารถแบ่งได้หลายประเภทตามชื่อเรียก และกลุ่มของการใช้พลังงานในการขับเคลื่อน ตั้งแต่การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว จนถึงการใช้ระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อน และยังมีรถยนต์ชนิด Fuel Cell Vehicles (FCV) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน และคาดว่าจะเข้ามาถึงตลาดได้ภายในเร็ววัน ในปัจจุบันรถยนต์ EVสามารถแบ่งตามเทคโนโลยีออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1. รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle : HEV) เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานผสมผสานระหว่าง เชื้อเพลิงทั่วไป และพลังงานไฟฟ้าจากการแบตเตอรี่ รถยนต์ประเภทนี้จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่าแบบใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเมื่อมีการเหยียบเบรกรถ บางส่วนของพลังงานจะถูกจัดเก็บไว้ในแบตเตอรี่ และพลังงานที่เก็บไว้สามารถใช้ในภายหลังเพื่อการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมกับการทำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้

2. รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) รถยนต์ประเภทนี้มีระบบ น้ำมันเชื้อเพลิง และระบบไฟฟ้าเช่นเดียวกับรถยนต์ไฮบริด แต่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้จากภายนอก หรือ Plug-in ทำให้เมื่อเสียบชาร์จพลังงานแล้วรถก็สามารถวิ่งไปได้ในระยะทางที่มากกว่าระบบไฮบริดแบบเดิม และแบตเตอรี่ที่ใช้ ยังสามารถชาร์จไฟเพิ่มเพื่อกักเก็บประจุได้ตามต้องการ และเมื่อแบตเตอรี่หมดลงรถจะทำงานคล้ายกับระบบแบบไฮบริด (HEV )

3. รถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แหล่งพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวในการขับเคลื่อน (Plug-in Electric Vehicles : PEVs) รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) เพียงแต่จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักเพียงอย่างเดียว เมื่อแบตเตอรี่หมดลงจะต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จประจุใหม่ สามารถแยกตามการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ ได้ดังนี้

รถยนต์ใช้พลังงานจากอะไรในการขับเคลื่อน

3.1 รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้วิ่งในระยะสั้น หรือในละแวกใกล้เคียง มีช่วงการขับขี่ต่ำและทำงานที่ความเร็วต่ำ ตัวอย่างเช่น GEM Electric Motorcar

3.2 รถยนต์ไฟฟ้าประเภท Battery Electric Vehicle (BEV) รถยนต์ประเภทนี้ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงาน ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% จึงต้องมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลต่อการชาร์จต่อหนึ่งครั้ง ทั้งนี้รถยนต์(Plug-in Electric Vehicles : PEVs) จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในจึงไม่ทำให้เกิดสารก่อมลพิษในขณะขับเคลื่อนหรือที่เรียกว่า Zero Emission แต่มีข้อเสียอยู่ที่มีระยะทางการวิ่งจำกัด โดยระยะทางในการขับขี่จะขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ในการใช้งาน และเส้นทางวิ่ง

3.3 รถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle – FCEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อน และใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) โดยเป็นเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจากการเติมเชื้อเพลิงภายนอก โดยไม่มีการปล่อยมลพิษ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์โดยตรง จะมีเพียงการปลดปล่อยน้ำเท่านั้น ในปัจจุบันรถยนต์แบบ FCEV มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะมีการเติบโต รวมถึงเข้าสู่ตลาดได้กันในเร็ววัน

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ากำลังมาแรงมากกับ รถ EV หรือ รถยนต์ไฟฟ้า คือหนึ่งในนวัตกรรมยานยนต์ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน และอีกหนึ่งวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญเลยก็คือ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ รวมถึงลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในระดับโลก ซึ่งนับได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการคิดค้น พัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ได้รถยนต์ประเภท Zero Emission Vehicle หรือ ZEV คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยไอเสียออกมาจากตัวรถยนต์เลย

รถยนต์ใช้พลังงานจากอะไรในการขับเคลื่อน

เชื่อว่าอีกไปถึง 10 ปี รถยนต์ไฟฟ้าจะกลายมาเป็นยานพาหนะหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก และสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงแค่กับธุรกิจยานยนต์เท่านั้น แต่ในหลายประเทศในแถบยุโรปเริ่มมีการเข้มงวดและจริงจัง เพื่อส่งเสริมให้พลเมืองหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ ประเทศนอร์เวย์ ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในยุโรป และทางรัฐบาลนอร์เวย์ยังตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี พ.ศ. 2568 รถยนต์ทุกคันที่ใช้ในประเทศจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

หรือแม้แต่ในประเทศอังกฤษเอง ที่ให้ประชาชนสามารถชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าได้จากเสาไฟฟ้าตามท้องถนนที่มีการจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และเป็นการกระตุ้นให้พลเมืองของเค้าหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นเรื่อย ๆ 

รู้จัก รถยนต์ไฟฟ้า EV ทางเลือกใหม่ของการเดินทางสำหรับคนยุคใหม่

รถยนต์ใช้พลังงานจากอะไรในการขับเคลื่อน

เชื่อว่ายังมีหลายคนที่ยังไม่คุ้นชินกับรถยนต์ไฟฟ้ากันสักเท่าไหร่ หรือหลายคนอาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ารถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร บทความนี้ แพนด้า สตาร์ ออยล์ จะพาทุกคนมาพบกับคำตอบของทุกคำถามเพื่อคลายข้อสงสัยของคุณก่อนตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากไฟฟ้า 100 % โดยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวจุดระเบิดของเครื่องยนต์ จึงส่งผลให้ไม่มีไอเสียหรือมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากถึง 3 เท่าหากเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามระบบการใช้งาน ดังนี้

รถยนต์ไฟฟ้าพลังงาน 2 ระบบ “ประหยัดน้ำมัน ลดมลพิษ”

รถยนต์ใช้พลังงานจากอะไรในการขับเคลื่อน

1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด | Hybrid Electric Vehicle (HEV)

รูปแบบการทำงานของรถยนต์ประเภทนี้จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแบตเตอรี่ โดยระบบของรถยนต์จะสลับการใช้งานระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่อัตโนมัติ หรือในบางครั้งระบบอาจใช้พลังงานจากทั้งสองแหล่ง เพื่อเสริมกำลังอัตราเร่งของรถยนต์

ในส่วนของตัวแบตเตอรี่ หลัก ๆ ระบบจะดึงพลังงานมาใช้ในช่วงที่รถออกตัวในระยะทาง 2 - 3 กิโลเมตรแรก จากนั้นจึงสลับกลับมาใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน และเมื่ออยู่ในช่วงระหว่างรถติดหรือหยุดนิ่ง หากมีแบตเตอรี่มากพอ ระบบจะดึงไฟฟ้าจากแบตเตอรีมาใช้งานกับอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ เช่น ไฟหน้ารถ แอร์รถยนต์ เครื่องเสียง โดยให้เครื่องยนต์หยุดทำงานชั่วขณะ  เพื่อลดการใช้น้ำมันและลดการปล่อยควันพิษ

2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด | Plug-in Hybrid (PHEV)

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทปลั๊ก-อิน ไฮบริดนี้ ระบบการทำงานจะมีความคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด คือ ผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ เพียงแต่สามารถเสียบชาร์จไฟแบตเตอรี่ได้เองจากที่บ้านหรือสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้เมื่อแบตเตอรี่เต็ม 100% จะสามารถขับเคลื่อนได้ถึง 20 - 50 กิโลเมตรโดยประมาณ โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเลย และเมื่อแบตเตอรี่หมดลง ระบบจะสลับกลับมาใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเหมือนปกติดังเดิม

รถยนต์ไฟฟ้า “ไร้ควัน ไร้มลพิษแบบ 100 %”

รถยนต์ใช้พลังงานจากอะไรในการขับเคลื่อน

3. รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ | Battery Electric Vehicle (BEV)

เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทที่ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนแบบ 100 % โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงใด ๆ มาเกี่ยวข้อง จึงมั่นใจได้ว่ารถไฟฟ้าประเภทนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยไอเสียออกมาจากตัวรถเลยแม้แต่นิดเดียว 

สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ในแต่ละครั้ง ใช้เวลาประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จปกติ หรือ 2 - 4 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จผ่านแทนชาร์จเร็ว หลังจากชาร์จไฟเต็ม 100% แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะสามารถวิ่งได้สูงสุดประมาณ 300 กิโลเมตรเลยทีเดียว สำหรับใครที่ชอบเที่ยวต่างจังหวัดแบบระยะทางไม่ไกลมาก รถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเภทนี้ถือว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุด ๆ

4. รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง | Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV)

โดยระบบการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ จะเป็นการส่งโฮโดนเจนเหลวและอากาศที่มีออกซิเจนอยู่ เข้าสู่แผงเซลล์เชื้อเพลิงหรือที่เรียกว่า Fuel Cell Stack เพื่อแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ จากนั้นตัวมอเตอร์จะดึงเอากระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อนำไปใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป

จากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานของอุตสาหกรรมยานยนต์ ปัจจุบันเราจึงได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 แบบ ที่ผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์การใช้งานของผู้บริโภคและคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในแบบที่ค่อยเป็นค่อยไป โดยมีให้เลือกทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 2 ระบบ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ทำการคุ้นชินกับระบบของรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่มีการใช้เครื่องยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงเลย เพื่อเป็นการช่วยลดมลพิษที่เกิดจากไอเสียรถยนต์ได้แบบ 100 %

รถยนต์ใช้พลังงานจากอะไรในการขับเคลื่อน

แต่สำหรับใครที่ยังคงใช้รถยนต์แบบเดิมหรือแบบที่ยังต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง 100% อยู่ละก็ อย่าเพิ่งน้อยใจไป คุณสามารถช่วยลดมลพิษได้ แม้จะไม่เทียบเท่ากับการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม เพียงคุณหมั่นนำรถไปตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งาน เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่เป็นประจำ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีมีคุณภาพ เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดไอเสียหรือควันดำจากรถยนต์ได้แล้ว

แพนด้า สตาร์ ออยล์ ยินดีให้บริการและจัดจำหน่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน โดยบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ภาคเหนือทั้ง 9 จังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์