ดูเหมือนประโยคที่ว่า “เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” จะใช้ได้เป็นอย่างดีกับทุกสถานการณ์ ซึ่งรวมถึงวันสำคัญที่สุดในชีวิตของหนุ่มสาวคู่รักทั้งหลายอย่างวันแต่งงาน เพราะไหน ๆ ก็เป็นวันที่พิเศษที่สุดในชีวิตแล้ว บ่าวสาวทุกคนก็คงอยากให้งานแต่งของตัวเองออกมาดีที่สุด
ดังนั้นหากคู่ของคุณหมายมั่นปั้นมือวางแผนจะแต่งงานกันแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่างานแต่งต้องเตรียมอะไรบ้าง? จะเริ่มจากตรงไหนดี? Vanus Couture ได้รวบรวมเช็คลิสต์สิ่งที่บ่าวสาวควรรู้ไว้ ก่อนแต่งงานมาฝากไว้ให้ทุกคนกันแล้ว โดยเราจะยกตัวอย่างคู่บ่าวสาวที่มีเวลาเตรียมตัวก่อนงานแต่งเป็นเวลา 1 ปี เพื่อให้เห็นถึงลำดับและการจัดเรียงที่เหมาะสม ส่วนถ้าคู่ไหนมีเวลาเตรียมตัวที่แตกต่างออกไป ก็สามารถประยุกต์จากลำดับนี้ได้เช่นเดียวกัน ก่อนถึงวันแต่งงานต้องเตรียมอะไรบ้าง?
หลังจากที่บ่าวสาวตกลงปลงใจกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะจัดงานแต่ง สิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องรู้ให้ได้เสียก่อนจะเริ่มวางแผนจัดงานก็คือ การหา “ฤกษ์แต่งงาน” เพื่อที่จะกำหนดวันและเวลาฤกษ์งามยามดีที่เป็นมงคลและมีเวลาจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าลืมคำนึงถึงความสะดวกของทุกฝ่าย ทั้งทีมผู้จัดงานและแขกคนสำคัญที่เชิญเข้าร่วมงาน
ไม่ให้ทุกอย่างเร่งรีบจนเกินไป หลังจากนั้นค่อยถึงคราวของการ “จัดหาสถานที่” เพราะสถานที่จัดงานแต่ละที่โดยเฉพาะสถานที่จัดงานยอดฮิตๆ ก็มักถูกบ่าวสาวคู่อื่น ๆ จับจองกันไว้แล้ว จึงควรรีบจับจองสถานที่ที่เล็งเอาไว้แต่เนิ่น ๆ เมื่อรู้วัน เวลา และสถานที่แต่งงานแล้ว ให้เริ่ม “คำนวณจำนวนแขก” และ “วางแผนงบประมาณ” สิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นภายในงานกันไว้ได้เลย เพื่อจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ให้พร้อมในลำดับถัดไป เตรียมแต่งงานให้พร้อม คำนวณงบประมาณไม่ให้บานปลายแล้วจะเริ่มตั้งงบยังไงดีนะ? การวางแผนงบประมาณ ค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน บ่าวสาวควรรู้ว่างบประมาณของคุณมีเท่าไร เพราะเป็นตัวกำหนดว่า เราควรจะจัดงานเล็ก งานใหญ่ หรือรูปแบบงานประมาณไหน? โดยวิธีการคำนวณงบประมาณในการจัดเตรียมงานแต่ง อาจลองเริ่มจากการตั้งคำถามง่าย ๆ ดังนี้
หากบ่าวสาวคนไหนที่อยากให้มี “การแสดงดนตรีหรือพิธีกร” มาช่วยเติมบรรยากาศสนุกสนานภายในงาน หรือ “มองหาประธานในพิธีงานแต่ง” ก็เป็นช่วงเวลาเหมาะที่จะทาบทาม เพื่อให้พวกเขาได้มีเวลาเตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ และจัดการธุระต่าง ๆ เพื่อให้สะดวกมาร่วมพิธีแต่งของคุณนั่นเอง
บ่าวสาวคนไหนที่ต้องการให้มีภาพของตัวเองปรากฎอยู่ในงาน ช่วง 6 เดือนก่อนแต่งงานนี่แหละเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดในการ “ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง” เพราะจะทำให้คุณมีเวลาเหลือพอที่จะนำภาพถ่ายเหล่านั้นไปใช้สำหรับการทำพรีเซ็นเทชั่นที่ถูกใจ และใส่ภาพไปในของตกแต่งหรือการ์ดแต่งงาน ซึ่งบ่าวสาวบางคนอาจจะมีแพลนไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งถึงต่างประเทศกันเลยทีเดียว
ดังนั้นก็อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบิน จองช่างภาพ ช่างหน้าทำผมในส่วนนี้กันไว้ให้พร้อม ต่อมาคือ “เลือกการ์ดแต่งงานและของชำร่วย” ไม่ว่าจะเป็นการ์ดแต่งงานที่เรียบง่าย มีปัํมนูน ออกแบบลวดลายสวยงามเฉพาะตัว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของบ่าวสาวแต่ละคู่ สามารถเลือกรูปแบบ สี สไตล์ตามใจที่ตัวเองได้ชอบได้เลย อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้คือ
“เลือกชุดแต่งงาน” ปัจจุบันก็มีร้านเวดดิ้งให้เลือกใช้บริการมากมาย จะสั่งตัดชุดใหม่ เช่าชุด หรือเลือกเป็นแพ็กเกจแต่งงานก็ได้ อย่างที่ห้องเสื้อวนัช กูตูร์ เราก็มีทีมงาน Specialist คอยพูดคุยและให้คำแนะนำ
รวมถึงออกแบบแพคเกจเช่าชุดแต่งงานที่ตอบโจทย์ความต้องการแท้จริงของบ่าวสาวให้ได้มากที่สุด หากบ่าวสาวคนไหนที่ยังไม่รู้จะซื้อชุดเจ้าบ่าวที่ไหน ก็สามารถจูงมือกันไปเลือกไปลองชุดแต่งงานที่ร้านได้เลย
ใกล้ถึงวันแต่งงานขึ้นมาทุกที แน่นอนว่าวันสำคัญแบบนี้ นอกจากงานที่ต้องออกมาดีที่สุด บ่าวสาวของเราก็ต้องสวยหล่อเป็นพิเศษ ในช่วงนี้ขอแนะนำให้คู่บ่าวสาว
“เริ่มดูแลร่างกาย” กันตั้งแต่ตอนนี้พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าหักโหมไปกับการทำงานหรือธุรกิจมากจนเกินไป อย่าลืม “หาเค้กแต่งงาน” และ “จัดการเรื่องอาหารและเครื่องดื่มเลี้ยงแขก” ว่าจะมีเมนูอะไรในงานแต่งงานบ้าง? จะเลี้ยงอาหารแขกด้วยรูปแบบไหน? เช่น โต๊ะจีน ค็อกเทล บุฟเฟต์ โดยสิ่งสำคัญที่ควรรีเช็คให้แน่ใจเลยก็คือ ให้ตรวจสอบก่อนว่าแขกในงานมีใครแพ้อาหารชนิดใดหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ ระหว่างที่ดูแลร่างกายให้พร้อม และเตรียมงานต่าง ๆ ไว้ ขั้นตอนต่อไปก็คือ “เตรียมรายชื่อแขก” ลองลิสต์รายชื่อเชิญแขกที่จะให้มาร่วมงาน โดยให้รวบรวมรายชื่อแขกจากทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาวเอาไว้ก่อน หลังจากเมื่อรวบรวมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ค่อยทยอยสรุปรายชื่อแขกที่มาร่วมงาน เพื่อสั่งทำการ์ดเชิญได้ในลำดับถัดไป
ถือเป็นช่วงเวลาที่ควร “แจกการ์ดเชิญ”
แขกให้ครบ เพื่อให้แขกมีเวลาเตรียมตัว เคลียร์ธุระต่าง ๆ หากเป็นแขกคนสำคัญ เช่น ญาติผู้ใหญ่ แนะนำให้มอบการ์ดด้วยตัวเองจะดูเหมาะสมกว่า หากคุณไม่ได้ใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ หากเป็นเพื่อนก็อาจจะนัดเจอรวมกัน แล้วแจกการ์ดแต่งงานให้เพื่อนๆ เลยทีเดียว แต่หากคุณเป็นบ่าวสาวที่ไม่มีเวลา ก็อาจจะใช้วิธีส่งการ์ดเชิญผ่านทางไปรษณีย์หรือทางออนไลน์ก็ได้เหมือนกัน และในช่วงนี้ควรเริ่มเขียน “ร่างรายละเอียดของงานคร่าวๆ ลำดับพิธีการ” ไว้ให้เรียบร้อย เผื่อเวลาเตรียมการ ซักซ้อมกันไว้ได้เลย พร้อมทั้ง “สรุปความเรียบร้อยของงาน” ก่อนจะหมดเวลา 1 เดือนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ การตกแต่ง เสื้อผ้า หน้า ผม และอื่น ๆ เพื่อให้ภาพรวมของงานทั้งหมดว่า ยังขาดหรือต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ก็จะยังพอมีเวลาเหลือที่จะจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที
นับเป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวรู้สึกตื่นเต้นกันอย่างสุด ๆ
ดังนั้นอย่าลืม “ตรวจเช็คสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อยอีกครั้ง” ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม สรุปลำดับพิธีการและสคริปต์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีเวลาเตรียมตัวและซักซ้อม ที่สำคัญคือ “อย่าเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ” เพื่อคุณเองจะได้เดินเข้าพิธีในวันวิวาห์ได้อย่างมีความพร้อมและมั่นใจ! ในระยะเวลา 1 ปี ฟังดูแล้วเหมือนจะนาน แต่อย่างที่เราบอกบ่าวสาวทุกท่านไปข้างต้นว่า “เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!” ดังนั้นหากบ่าวสาวยิ่งมีเวลาเหลือมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเตรียมตัวสำหรับจัดงานแต่งให้พร้อมได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่ง Vanus Couture
ก็หวังว่าเช็คลิสต์วางแผนก่อนแต่งงานเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ และมีส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างงานแต่งของคู่รักบ่าวสาวให้ออกมาดีที่สุด |