Enfa สรุปให้ Show
เลือกอ่านตามหัวข้อ •
ผ่าคลอดห้ามกินอะไรบ้าง คุณแม่คนไหนกำลังจะผ่าคลอดบ้างเอ่ย? นอกจากการเตรียมความพร้อมก่อนคลอดแล้ว การเตรียมตัวหลังผ่าคลอดก็เป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน เนื่องจากการผ่าคลอดเป็นกระบวนการผ่าตัดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีข้อห้าม และข้อกำหนดต่าง ๆ ทั้งก่อน และหลังเข้ารับการผ่าคลอด วันนี้เลยอยากจะมาแบ่งปันข้อห้ามหลังผ่าคลอดให้คุณแม่ได้เตรียมตัวกันเนิ่น ๆ ค่ะ ข้อสงสัยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อห้ามหลังผ่าคลอด หรือผ่าคลอดห้ามกินอะไรบ้าง เราจะมาตอบคุณแม่กัน! คุณแม่ผ่าคลอดห้ามกินอะไรบ้าง มีอะไรที่กินไม่ได้บ้างไหม?หลังการผ่าคลอดนั้น คุณแม่จำเป็นต้องงดน้ำ และอาหาร ประมาณ 12 – 24 ชั่วโมงแรก และในวันถัดมา คุณแม่สามารถดื่มน้ำ และรับประทานอาหารได้ โดยอาหารหลังผ่าคลอดช่วงแรก เน้นเป็นอาหารอ่อนเพื่อง่ายต่อระบบย่อยอาหาร และหลังจากนั้น สามารถรับประทานอาหารปกติได้ แล้วคนผ่าคลอดห้ามกินอะไรบ้าง? สำหรับประเภทอาหารที่คุณแม่ผ่าคลอดห้ามกินนั้น คุณแม่อาจจะเคยได้ยินว่าหลังจากผ่าคลอดห้ามกินอาหารแสลง เพราะอาจจะทำให้แผลหายช้า เป็นแผลเป็น อันที่จริงแล้วไม่เป็นความจริง ทางการแพทย์ไม่มีผลวิจัยใด ๆ ที่ระบุว่าการกินอาหารแสลงจะทำให้แผลผ่าคลอดหายช้า อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อแนะนำเพิ่มเติมในการรับประทานอาหารแสลงต่าง ๆ เหล่านี้ อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ: อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ไม่ได้มีผลกับแผลผ่าตลอด แต่อาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก อาจจะผ่านการปรุง หรือประกอบไม่ถูกหลักสุขลักษณะ ทำให้ถูกปนเปื้อนจากเชื้อโรคได้ง่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วง และอาหารเป็นพิษได้ ไม่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ผ่าคลอด อาหารทะเล: ควรคำนึงถึงความสะอาดของวัตถุดิบ และการปรุงอาหารที่สุก สะอาด หากคุณแม่มีอาการแพ้อาหารทะเลอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยง หรืองดอาหารประเภทนี้ อาหารหมัก หรือดอง: อาหารหมัก หรือดอง ไม่ส่งผลให้แผลผ่าคลอดหายช้า แต่หากรับประทานอาหารหมัก หรือดองที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ไม่สะอาด อาจจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคอื่น ๆ เช่น ท้องร่วง ท้องเสีย หน่อไม้: คุณแม่อาจจะได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า ทานหน่อไม้แล้ว ทำให้แผลไม่สวย ติดเชื้อ หายช้า ซึ่งความเป็นจริงแล้ว หลังผ่าคลอดคุณแม่สามารถทานหน่อไม้ได้ ทั้งแบบดอง และแบบสด แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และมีการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย ไข่: คุณแม่ผ่าคลอดสามารถรับประทานไข่ได้ตามปกติ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับแผลผ่าคลอด นอกจากนี้ ไข่ยังมีโปรตีน ซึ่งจะช่วยในการฟื้นฟู และซ่อมแซมร่างกายของคุณแม่หลังผ่าคลอดได้ดี  อย่างไรก็ตาม ยังมีอาหารที่คุณแม่ผ่าคลอดห้ามกิน หรือควรหลีกเลี่ยงอีกเช่นกัน ซึ่งได้แก่ 1. แอลกอฮอล์: คุณแม่ที่ผ่าคลอดควรงดการดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว เนื่องจากไม่เกิดประโยชน์กับร่างกาย ทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ช้า อีกทั้งยังไม่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ให้นมลูกอีกด้วย อาหารที่ประกอบไปด้วยแอลกอฮอล์ เช่น ข้าวหมาก ไวน์ ผลไม้ดองบางชนิด สุรา เป็นต้น 2. อาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้: สำหรับคุณแม่ที่มีอาการแพ้อาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ทุกชนิด อาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ที่พบบ่อย เช่น อาหารทะเล ถั่ว นม ผลไม้ 3. อาหารเสริม หรือยาต่าง ๆ: คุณแม่ที่ต้องการรับประทานอาหารเสริม หรือมียาประจำตัว ควรปรึกษากับแพทย์ที่ฝากครรภ์ ว่าควรหรือไม่ที่จะรับประทานอาหารเสริม หรือยาต่าง ๆ ทั้งในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ จนไปถึงการผ่าคลอด เนื่องจากอาหารเสริม หรือยาบางชนิด อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกายในระหว่างการตั้งครรภ์ และผ่าคลอดได้ 4. อาหารที่ผ่านการปรุงไม่ถูกสุขลักษณะ: อาหารที่ผ่านการปรุงที่ไม่สะอาด หรืออาหารที่มีลักษณะสุก ๆ ดิบ ๆ คุณแม่ผ่าคลอดควรเลี่ยงอาหารประเภทนี้ เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ ซึ่งไม่ดีต่อร่างกายหลังผ่าคลอดของคุณแม่ 5. อาหารที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก: อาการท้องผูกมักจะเกิดขึ้นบ่อยหลังจาการผ่าตัด รวมไปการผ่าคลอด การเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ง่าย จึงเป็นสิ่งที่ดี อาหารที่ก่อให้เกิดอาการท้องผูก เช่น อาหารแปรรูป ชีส ขนมหวาน เป็นต้น 6. อาหารรสจัด: อาหารรสจัด อาจจะไม่เหมาะสำหรับคุณแม่หลังผ่าคลอด ควรเลี่ยงอาหารรสจัด เผ็ดเกินไป เค็มเกินไป เน้นเป็นรสชาติกลาง ๆ 7. อาหารที่มีคาเฟอีน: หลังผ่าคลอด คุณแม่ควรงด หรือเลี่ยงการกินอาหารที่มีคาเฟอีนประกอบ เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม 8. อาหารหมักดอง: ถึงแม้ว่าอาหารหมักดองจะไม่ได้ส่งผลกับแผลผ่าคลอด แต่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนี้ เนื่องจากอาหารหมักดอง อาจจะทำให้คุณแม่มีอาการท้องเสียได้ และยังไม่ดีกับคุณแม่ที่ให้นมลูกอีกด้วย คุณแม่ผ่าคลอดแพ้อาหาร ลูกน้อยอาจจะมีความเสี่ยงเป็นภูมิแพ้ได้นะสำหรับคุณแม่ผ่าคลอดที่มีอาการแพ้อาหาร ไม่ว่าจะเป็น นม ถั่ว ผลไม้ อาหารทะเล รวมไปทั้งอาหารชนิดอื่น อาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้กับคุณแม่ผ่าคลอด เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง และงดอยู่แล้ว แต่คุณแม่ทราบหรือไม่ว่า อาการแพ้อาหารของคุณแม่ สามารถส่งต่อความเสี่ยงการเป็นภูมิแพ้ให้กับลูกน้อยได้เช่นกัน เนื่องจากอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ สามารถส่งต่อความเสี่ยงได้ผ่านพันธุกรรมจากคนในครอบครัวให้กับลูกน้อยได้ถึง 70% หากคุณแม่ผ่าคลอดพบว่า ตัวเองมีอาการแพ้อาหาร หรืออาการภูมิแพ้อื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมประเมินความเสี่ยง และเฝ้าระวังอาการแพ้ที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกน้อยได้ หรือสามารถทำแบบทดสอบประเมินความเสี่ยงการเป็นภูมิแพ้ในเด็กได้ที่นี่ อาหารหลังผ่าคลอดที่ควรรับประทานสำหรับคุณแม่ผ่าคลอดหลังการผ่าคลอดในช่วงวันแรก ๆ ควรรับประทานอาหารเหลว หรืออาหารอ่อน หลังจากนั้นสามารถปรับเป็นอาหารปกติได้ โดยอาหารหลังผ่าคลอดที่ควรรับประทาน ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นอาหารที่ปรุงสุก ถูกสุขลักษณะ เพื่อประโยชน์ต่อร่างกายของคุณแม่หลังผ่าคลอด และยังดีต่อน้ำนมคุณแม่อีกด้วย เช็กรายการอาหารคุณแม่หลังผ่าคลอด เพื่อโภชนาการที่ครบถ้วนการดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด ไม่ได้มีเพียงแค่การรักษา หรือดูแลแผลผ่า แต่ยังรวมไปถึงอาหารการกินอีกเช่นกัน สำหรับคุณแม่หลังผ่าคลอด นอกจากอาหารจะต้องมีประโยชน์ และครบตามหลักโภชนาการ ยังควรเลือกรับประทานอาหารที่ง่ายต่อระบบขับถ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงอาการท้องผูก รวมทั้งหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาล หรือไขมันสูง โดยรายการอาหารที่แนะนำสำหรับคุณแม่หลังผ่าคลอดมีดังนี้ 1. ผัก และผลไม้ ผัก และผลไม้เป็นอาหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินชนิดต่าง ๆ ไฟเบอร์ เกลือแร่ ซึ่งจะเข้าไปช่วยเสริมสร้างร่างกายของคุณแม่ผ่าคลอดให้แข็งแรง นอกจากนี้ มีผลการศึกษาพบว่า หากคุณแม่รับประทานผัก และผลไม้ที่หลากหลาย จะช่วยให้ลูกเพลิดเพลินกับรสชาติของนมแม่ และยังสามารถพัฒนาความชอบของผัก และผลไม้ที่คุณแม่รับประทานเข้าไป เมื่อลูกน้อยโตขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้ ผักบางชนิด ยังสามารถช่วยเพิ่มน้ำนมได้อีกด้วย ผัก และผลไม้ที่ช่วยเพิ่มน้ำนมคุณแม่ เช่น หัวปลี ใบกะเพรา ผักชีลาว เม็ดขนุนต้ม พริกไทย ขิง ฟักทอง มะรุม ใบแมงลัก กุยช่าย และตำลึง 2. ไข่ และเนื้อสัตว์ ไข่ และเนื้อสัตว์ เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีสำหรับคุณแม่ โปรตีนในไข่ และเนื้อสัตว์นั้น จะช่วยเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และฟื้นตัวจากการผ่าคลอดได้ดี เนื้อสัตว์ที่กิน ควรเป็นเนื้อสัตว์ที่สด สะอาด และปรุงสุก เลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์แปรรูป เนื่องจากอาหารประเภทนี้ ประกอบไปด้วยโซเดียมที่สูง และผ่านการปรุงแต่งจึงทำให้สารอาหารไม่ครบถ้วน 3. น้ำ น้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์ทุกคน หลังจากผ่าคลอดแล้ว การดื่มน้ำให้ครบตามจำนวนที่ร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ คุณแม่ควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ อาจจะเน้นจิบเรื่อย ๆ ตลอดวันก็ได้เช่นกัน ปริมาณน้ำที่ควรดื่มคือ 8 – 10 แก้ว/วัน ทั้งนี้ น้ำยังช่วยในการเสริมสร้างน้ำนมของคุณแม่ และยังป้องกันอาการท้องผูกที่เกิดขึ้นได้บ่อยหลังผ่าคลอดอีกด้วย 4. นม นมอุดมไปด้วยไขมันดี โปรตีน และแคลเซียม โดยสารอาหารเหล่านี้จะเข้าไปช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือด และกระดูกของร่างกายคุณแม่หลังผ่าคลอด โดยสามารถดื่มนมได้ทุกชนิด จะเป็นนมวัว นมถั่วเหลือง รวมทั้งนมสำหรับผงคุณแม่ก็ได้เช่นกัน โดยนมชนิดนี้นอกจากจะประกอบไปด้วยส่วนผสมของนมแล้ว ยังมีสารอาหารต่าง ๆ ที่สำคัญกับร่างกายคุณแม่เพิ่มเข้าอีกด้วย เช่น ดีเอชเอ โคลีน โฟเลต ไอโอดีน วิตามินบี 12 วิตามินดี เป็นต้น 5. ข้าว แป้ง ธัญพืช อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ขนมปัง แป้ง เส้นก๋วยเตี๋ยว มัน เผือก เหล่านี้เป็นอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย คุณแม่ผ่าคลอดควรกินคาร์โบไฮเดรตให้พอดีกับร่างกายต้องการ โดยปริมาณที่แนะนำอยู่ที่ 2,000 แคลอรีต่อวัน หรือ 10 ทัพพี แนะนำเมนูอาหารหลังผ่าคลอดสำหรับคุณแม่ผ่าคลอด ที่ไม่รู้ว่าจะรับประทานอะไรดี เรามีเมนูอาหารมาแนะนำเป็นไอเดียให้คุณแม่กันค่ะ เมนูเหล่านี้นอกจากจะมีสารอาหารตามที่ร่างกายหลังผ่าคลอดของคุณแม่ต้องการแล้ว ยังช่วยเพิ่มน้ำนมคุณแม่อีกด้วย - ต้มจืดตำลึงหมูสับ ผลไม้หลังผ่าคลอด อันไหนควรรับประทาน อันไหนควรงดผลไม้มีสารอาหารมากมายหลายชนิด และยังเหมาะสำหรับร่างกายคุณแม่หลังผ่าคลอดอีกด้วย แต่ก็มีผลไม้บางชนิดที่คุณแม่ผ่าคลอดควรรับประทาน และควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน โดยผลไม้ที่แนะนำให้คุณแม่รับประทาน เช่น แคนตาลูป เมลอน กล้วย องุ่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง มะละกอสุก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีผลไม้ที่คุณแม่ผ่าคลอดควรเลี่ยง เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะ และยังอาจจะส่งผลให้ลูกน้อยที่ได้รับนมแม่มีอาการไม่สบายท้องจากแก๊ส หรือกรดในผลไม้ โดยผลไม้ที่ควรเลี่ยง เช่น ทุเรียน ขนุน ส้ม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คุณแม่สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สำหรับคำแนะนำในการเลือกรับประทานผลไม้หลังผ่าคลอดได้เช่นกัน 10 ข้อห้ามหลังผ่าคลอดที่คุณแม่ผ่าคลอดต้องรู้!นอกจาการเตรียมตัวร่างกายให้พร้อมสำหรับการผ่าคลอด ทั้งก่อนและหลังแล้ว ข้อห้ามและคำแนะนำต่าง ๆ ที่แพทย์แนะนำ คุณแม่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่ง ต้องมีมีการเฝ้าระวังอาการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการรักษาแผลผ่าให้หายเป็นปกติ โดยมีข้อแนะนำดังนี้ 1. หลังเข้ารับการผ่าคลอดควรงดน้ำ และอาหารประมาณ 12 – 24 ชั่วโมง ในวันถัดมาสามารถดื่มน้ำ รับประทานอาหารเหลว หรืออาหารอ่อนตามลำดับ พร้อมกับการหยุดให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ หลังจากนั้นคุณแม่สามารถรับประทานอาหารปกติได้ 2. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจำพวก อาหารหมักดอง คาเฟอีน แอลกอฮอล์ อาหารที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ง่าย อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรือผ่านการปรุงแบบไม่ถูกสุขลักษณะ 3. ในวันแรก ๆ หลังการผ่าคลอด ควรปรับเปลี่ยนอิริยาบถโดยการลุกนั่ง หรือลุกเดินบริเวณใกล้ ๆ เพื่อช่วยให้ลำไส้กลับมาทำงานได้เร็วขึ้น และทำให้ท้องไม่อืด ลดการเกิดพังผืดในช่องท้อง รวมทั้งป้องกันการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน 4. ไม่ควรให้แผลโดนน้ำประมาณ 7 วัน หากเย็บด้วยไหมละลายไม่ต้องตัดไหม แต่หากเย็บด้วยไหมธรรมดา ควรตัดไหมเมื่อครบ 7 วัน 5. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าแพทย์จะประเมินว่าปลอดภัย และสามารถทำได้ นอกจากนี้ควรงดใช้ผ้าอนามัยแบบสอด หรือการใช้สายชำระฉีดตรงเข้าไปบริเวณช่องคลอด 6. ไม่ควรยกของหนักหลังจากการผ่าคลอดในช่วงแรก ๆ และเลี่ยงการเดินขึ้นบันไดบ่อยครั้ง รวมทั้งการออกกำลังกายหนัก ก็ควรเลี่ยงไปก่อนเช่นกัน จนกว่าแพทย์จะประเมินว่าร่างกายหลังผ่าคลอดพร้อมแล้ว 7. งดการแช่น้ำในอ่าง หรือในสระว่ายน้ำสาธารณะ จนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ และประจำเดือนหลังคลอดหมดไป 8. เลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะในช่วงหลังผ่าคลอด 6 สัปดาห์ หรือจนกว่าแพทย์จะประเมินว่าร่างกายสามารถทำกิจกรรมเหล่านั้นได้ 9. ไม่ควรกดดันตัวเองมากเกินไป หากพบปัญหาสุขภาพในช่วงแรก ๆ รวมทั้งปัญหาในการให้นม หากคุณแม่พบว่าไม่สามารถรับมือกับอารมณ์ หรือความรู้สึกได้ ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำปรึกษาโดยเฉพาะ 10. หากพบว่าหลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว มีอาการผิดปกติต่อไปนี้ เช่น มีไข้ มีน้ำเหลือง หรือเลือดออกจากแผลผ่าตัด ปวดแผลมากขึ้นกว่าปกติ แผลมีอาการบวมแดง มีหนอง น้ำคาวปลาออกปริมาณมากขึ้น หรือนานกว่า 2 สัปดาห์ ควรรีบมาพบแพทย์โดยด่วย ไม่ควรปล่อยรอ สำหรับคุณแม่ที่เข้ารับการผ่าคลอด ควรเตรียมความพร้อมทั้งก่อน และหลังการผ่าคลอด เนื่องจากการผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีความจำเป็นต้องพักฟื้นร่างกาย ถ้าคุณแม่มีข้อสงสัย หรือข้อกังวลใจในการผ่าคลอด และการดูแลสุขภาพตัวเองหลังผ่าคลอด สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำได้ ไขข้อข้องใจเรื่องข้อห้ามหลังผ่าคลอดกับ Enfa Smart Clubผ่าคลอดกินน้ำเย็นได้ไหม?คุณแม่ผ่าคลอดสามารถดื่มน้ำเย็นได้ โดยไม่มีปัญหาอะไร น้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับร่างกาย คุณแม่ควรดื่มน้ำให้เพียงพอตามจำนวนที่ร่างกายต้องการ โดยปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 8 – 10 แก้ว/วัน ทั้งนี้น้ำยังช่วยป้องกันอาการท้องผูกที่เกิดขึ้นบ่อยกับคุณแม่ผ่าคลอดได้อีกด้วย ผ่าคลอดกินไข่ได้ไหม?ผ่าคลอดสามารถกินไข่ได้ ไข่อุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย เหมาะสำหรับคุณแม่ผ่าคลอดเป็นอยากมาก เพื่อให้แผลผ่านั้นหายได้เร็ว เน้นการรับประทานไข่ที่ปรุงสุก สะอาด เช่น ไข่ตุ๋น ต้มจืดไข่น้ำ เป็นต้น ผ่าคลอดกินปลาร้าได้ตอนไหน?ปลาร้าเป็นอาหารหมักดอง ไม่แนะนำให้กินในช่วงที่คุณแม่กำลังพักฟื้นจากการผ่าคลอด เนื่องจากอาจจะทำให้คุณแม่มีอาการท้องเสีย หรือท้องร่วงได้ง่าย สามารถรับประทานได้หลังจากร่างกายฟื้นตัวจากการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับคุณแม่ที่ให้นมลูก หากต้องการกินปลาร้า ต้องมั่นใจว่าปลาร้าผ่านการต้มสุก และมีกรรมวิธีการปรุงที่สะอาด เพื่อป้องกันลูกน้อยไม่สบายท้องจากอาหารที่คุณแม่รับประทานเข้าไป ผ่าคลอดกินไก่ได้ไหม?ผ่าคลอดสามารถกินไก่ได้ ไก่เป็นโปรตีน ที่มีส่วนช่วยในการสร้าง และซ่อมแซมร่างกายหลังการผ่าคลอด เน้นการกินไก่ที่ปรุงสุก สะอาด เมนูแนะนำ เช่น ไก่ผัดกุยช่วย ไก่ตุ๋นฟัก ต้มจืดผักและไก่สับก้อน ผ่าคลอดกินข้าวเหนียวได้ไหม?ผ่าคลอดสามารถกินข้าวเหนียวได้ ข้าวเหนียวเป็นอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรต แต่ควรกินพอประมาณ หรือเน้นเป็นข้าวเหนียวที่ยังไม่ขัดสี เช่น ข้าวเหนียวกล้อง เพื่อเพิ่มสารอาหาร ผ่าคลอดกินทุเรียนได้ไหม?คุณแม่ควรเลี่ยงการกินทุเรียนหลังผ่าคลอด เนื่องจากทุเรียนทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะ และเกิดอาการท้องอืดตามมา นอกจากนี้ ยังอาจจะส่งผลให้ลูกน้อยเกิดอาการไม่สบายท้องเมื่อดื่มนมคุณแม่เข้าไป จึงไม่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังพักฟื้นหลังผ่าคลอด และคุณแม่ที่นมอีกด้วย References
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ผ่าคลอด
|
ผ่าตัดทำหมันกินอะไรได้บ้าง
ลิขสิทธิ์ © 2024 toptenid.com Inc.
