ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สายมีอะไรบ้าง

ขึ้นมาเพื่อส่งสัญญาณไมโครเวฟในระยะที่ห่างจากพื้นดิน โดยดาวเทียมจะทำการรับสัญญาณ จากสถานีภาคพื้นดินเพื่อขยายสัญญาณ ปรับความถี่ของคลื่น และส่งสัญญาณกลับลงมายังสถานีภาคพื้นดินหลายจุด ในบริเวณที่กว้างมาก เพื่อลดข้อจำกัดของไมโครเวฟ และที่สำคัญคือ ดาวเทียมสามารถสื่อสารข้อมูลจากแหล่งส่ง 1 แหล่งไปยังผู้รับจำนวนมากบนพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก

Show

การส่งสัญญาณแบบนี้ เป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ต้องอาศัยสายสัญญาณ ซึ่งเรียกว่าเป็นสัญญาณแบบไร้สาย ได้แก่ สัญญาณวิทยุ แสงอินฟราเรด ไมโครเวฟ และดาวเทียม มีรายละเอียดดังนี้

เป็นการรับ - ส่งสัญญาณด้วยเครื่องวิทยุ มีการส่งสัญญาณแบบไร้ทิศทางไม่แน่นอน จะกระจายออกไปทั่วทุกทิศ มีความกว้างในการส่งสัญญาณ ความถี่ 300 เมกกะเฮิร์ต โดยย่านความถี่ได้แก่ vhf และ uhf และลักษณะของการส่งสัญญาณวิทยุคือ ติดตั้งง่าย มีราคาถูก แต่มีข้อด้อยคือ มีความเร็วไม่มากนัก ซึ่งเหมาะกับการรับ - ส่งสัญญาณแบบแคบๆ

2. แสงอินฟาเรด infrared

เป็นการรับ - ส่งสัญญาณในระยะใกล้ที่ต้องมีตัวรับสัญญาณ receiver ที่ติดตั้งบนที่สุด หรือบนเพดานเพื่อช่วยกระจายสัญญาณไปยังคอมพิวเตอร์ ที่อยู่ในรัศมีพื้นที่รับสัญญาณได้ ความเร็วในการรับ - ส่งประมาณ 4 mbps ทำให้รับ - ส่งสัญญาณได้ระยะทางไม่ไกลนักมีปัญหาเกี่ยวกับสิ่งกีดขวางทางกายภาพทำให้ความเข้มสัญญาณอ่อน หรือไม่สามารถส่งสัญญาณไปได้ส่วนใหญ่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยรีโมท ของวิทยุ ซื้อโทรทัศน์ และใช้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบไร้สาย ราคาไม่แพง

3. ระบบไมโครเวฟ micrpwace system

เป็นการส่งข้อมูลด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือคลื่นไมโครเวฟ ส่งข้อมูลโดยต้องใช้จานส่งสัญญาณและจานรับสัญญาณในลักษณะ Line of sight นั่นคือ ต้องมีทิศทางเป็นเส้นตรงแบบจุดต่อจุด กรณีที่มีปัญหาเรื่องของการส่งสัญญาณจากสิ่งกีดขวาง เช่น ตึกหรือภูเขากีดขวางทางส่งสัญญาณ จึงต้องตั้งเสาสัญญาณอยู่บนยอดเสาสูง เพื่อให้พ้นสิ่งก่อสร้างหรือสภาพภูมิประเทศพื้นไมโครเวฟ สามารถส่งสัญญาณได้ไกลสุด 20-30 ไมล์ และส่งข้อมูลได้ประมาณ 250 mbs เพื่อป้องกันการรบกวนจากสัญญาณอื่น

การส่งสัญญาณแบบนี้ เป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ต้องอาศัยสายสัญญาณ ซึ่งเรียกว่าเป็นสัญญาณแบบไร้สาย ได้แก่ สัญญาณวิทยุ แสงอินฟราเรด ไมโครเวฟ และดาวเทียม มีรายละเอียดดังนี้

เป็นการรับ - ส่งสัญญาณด้วยเครื่องวิทยุ มีการส่งสัญญาณแบบไร้ทิศทางไม่แน่นอน จะกระจายออกไปทั่วทุกทิศ มีความกว้างในการส่งสัญญาณ ความถี่ 300 เมกกะเฮิร์ต โดยย่านความถี่ได้แก่ vhf และ uhf และลักษณะของการส่งสัญญาณวิทยุคือ ติดตั้งง่าย มีราคาถูก แต่มีข้อด้อยคือ มีความเร็วไม่มากนัก ซึ่งเหมาะกับการรับ - ส่งสัญญาณแบบแคบๆ

2. แสงอินฟาเรด infrared

เป็นการรับ - ส่งสัญญาณในระยะใกล้ที่ต้องมีตัวรับสัญญาณ receiver ที่ติดตั้งบนที่สุด หรือบนเพดานเพื่อช่วยกระจายสัญญาณไปยังคอมพิวเตอร์ ที่อยู่ในรัศมีพื้นที่รับสัญญาณได้ ความเร็วในการรับ - ส่งประมาณ 4 mbps ทำให้รับ - ส่งสัญญาณได้ระยะทางไม่ไกลนักมีปัญหาเกี่ยวกับสิ่งกีดขวางทางกายภาพทำให้ความเข้มสัญญาณอ่อน หรือไม่สามารถส่งสัญญาณไปได้ส่วนใหญ่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยรีโมท ของวิทยุ ซื้อโทรทัศน์ และใช้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบไร้สาย ราคาไม่แพง

3. ระบบไมโครเวฟ micrpwace system

เป็นการส่งข้อมูลด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือคลื่นไมโครเวฟ ส่งข้อมูลโดยต้องใช้จานส่งสัญญาณและจานรับสัญญาณในลักษณะ Line of sight นั่นคือ ต้องมีทิศทางเป็นเส้นตรงแบบจุดต่อจุด กรณีที่มีปัญหาเรื่องของการส่งสัญญาณจากสิ่งกีดขวาง เช่น ตึกหรือภูเขากีดขวางทางส่งสัญญาณ จึงต้องตั้งเสาสัญญาณอยู่บนยอดเสาสูง เพื่อให้พ้นสิ่งก่อสร้างหรือสภาพภูมิประเทศพื้นไมโครเวฟ สามารถส่งสัญญาณได้ไกลสุด 20-30 ไมล์ และส่งข้อมูลได้ประมาณ 250 mbs เพื่อป้องกันการรบกวนจากสัญญาณอื่น

ในปัจจุบันมีช่องทางดูหนังแบบถูกลิขสิทธิ์ให้เลือกมากมาย แต่หากจะพูดถึงช่องทางยอดนิยมที่ทั้งสะดวกและมีหนังหลากหลายแนวตอบโจทย์คนดูได้ทุกกลุ่มก็ต้องนึกถึง Netflix ซึ่งมีทั้งหนังแบบ Soundtrack ให้คนดูสามารถเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ และหนังพากย์ไทยที่สามารถเพลิดเพลินได้โดยไม่ต้องคอยตามอ่านคำแปลตลอดเวลา ทั้งยังสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นไปพร้อมกันได้ด้วย แต่ปัญหาที่ผู้ใช้ Netflix ส่วนใหญ่มักพบเจอก็คือไม่รู้ว่าจะดูหนังเรื่องอะไรดีดังนั้น วันนี้เราจึงได้คัดสรรหนังน่าดูมาจัดอันดับเป็น 20 อันดับ หนังพากย์ไทยใน Netflix รวมไว้ในบทความนี้ เพื่อให้ทุกคนเลือกดูตามสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีให้เลือกทั้งแนวแอ็กชันระเบิดภูเขาเผากระท่อม, แนวดราม่าน้ำตารื้น, แนวสยองขวัญสุดซับซ้อนเกินจินตนาการ, หนังตลกเบาสมองดูได้ทั้งครอบครัว หรือแม้แต่หนังแนวปรัชญาที่มีประเด็นให้ตีความต่อไปอีก รับรองว่าต้องมีอย่างน้อย 3 - 4 เรื่องที่ถูกใจคุณจนต้องรีบเปิดดูเลยครับ

การได้ ไปทำงานในสิงคโปร์ เป็นอีกหนึ่งความฝันที่หลายคนอยากทำให้ได้สักครั้งในชีวิต เพราะนอกจากจะได้ยกระดับให้โปร์ไฟล์การทำงานของตัวเองแล้ว ยังเป็นการได้ไปสัมผัสในหนึ่งประเทศที่เป็นทั้งศูนย์กลางทางการค้า ศูนย์กลางทางการเงิน และศูนย์กลางทางเทคโนโลยีของโลกด้วย เป็น ‘ประเทศพัฒนาแล้ว’ ที่อยู่ใกล้บ้านเราที่สุด แถมหากคิดถึงบ้าน ก็สามารถนั่งเครื่องบินกลับมาไทย ภายในไม่ถึง 3 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว

 

ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สายมีอะไรบ้าง

 

แม้สิงคโปร์จะมีค่าครองชีพสูงกว่าไทยถึง 110.72% (34,904.70 บาท/เดือน ที่สิงคโปร์ เทียบกับ 18,061.91 บาท/เดือน ที่ไทย) อ้างอิงจากข้อมูลของ NUMBEO แต่สวัสดิการขั้นพื้นฐาน รวมถึงสิทธิพลเมืองของสิงคโปร์ก็นับว่าแข็งแรงกว่าไทยมาก แต่สาเหตุที่ดึงดูดคนไทยให้ไปทำงานที่สิงคโปร์มากที่สุด เห็นจะเป็นเรื่อง ‘ค่าจ้าง’ ที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยค่าแรงขั้นต่ำของลูกจ้างชาวสิงคโปร์ 1 วัน สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำต่อวันของ ‘บรูไน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย’ รวมกันเสียอีก จะช้าอยู่ไย ไปดูกันดีกว่าว่า หากอยากไปทำงานที่สิงคโปร์ ต้องรู้อะไรบ้าง

 

อยากทำงานในสิงคโปร์ มีใบอนุญาตแบบไหนบ้าง?

 

ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สายมีอะไรบ้าง

 

นอกจากการเข้าไปทำงานในสิงคโปร์ด้วยใบอนุญาตทำงานรูปแบบเดิมแล้ว สิงคโปร์ยังเปิดวีซ่าทำงานรูปแบบใหม่ หวังดึงดูดแรงงานระดับหัวกะทิจากทั้งสายเทคโนโลยี และสายอื่นๆ เข้ามาในประเทศ ได้แก่ OnePass และ Tech.Pass ซึ่งให้อิสระในการทำงานมากกว่า แถมพาครอบครัวมาอยู่ด้วยได้ แต่ต้องมีเงินเดือนในระดับ ‘หลายแสนบาท’ ต่อเดือนเลยทีเดียว

 

1.OnePass คือ วีซ่ารูปแบบใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เพื่อดึงดูดให้คนระดับหัวกะทิจากทั่วทุกมุมโลก โดยอนุญาตให้แรงงานต่างชาติที่มีศักยภาพสูง สามารถย้ายมาทำงานที่สิงคโปร์ได้เป็นระเยเวลา 5 ปี และต่ออายุได้เพิ่มคราวละ 5 ปี สิทธิพิเศษที่ผู้ถือ OnePass ได้รับ มีดังต่อไปนี้

  • สามารถเปิดและดำเนินกิจการบริษัท หรือทำงานให้กับหลายบริษัทได้ในเวลาเดียวกัน
  • ไม่จำเป็นต้องสมัครใหม่หากเปลี่ยนงานกลางคัน
  • สามารถพาครอบครัวมาอยู่ได้ โดยจะได้รับ Dependant’s Pass หรือ ใบอนุญาตสำหรับผู้ติดตาม

โดย OnePass เปิดรับแบบไม่จำกัดจำนวน เพียงมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 

  • มีเงินเดือนประจำในปีที่ผ่านมาขั้นต่ำ 30,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 7.8 แสนบาท
  • กำลังจะมีรายได้ขั้นต่ำ 30,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 7.8 แสนบาท จากบริษัทนายจ้างในประเทศสิงคโปร์
  • นอกจากนั้น แรงงานต่างประเทศที่จะยื่นขอ OnePass จะต้องมีประสบการณ์การทำงานในบริษัทที่มั่นคง (มีมูลค่าตลาดอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ มีรายได้อย่างน้อย 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี)

นอกจากนี้ ผู้ที่มีผลงานโดดเด่นทางด้านศิลปะวัฒนธรรม, กีฬา, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, วิชาการและวิจัย ก็สามารถยื่นขอ OnePass ได้ แม้มีคุณสมบัติไม่ครบตามที่ระบุไว้ข้างต้น โดยเตรียมเริ่มใช้จริงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ที่จะถึงนี้

 

2.Tech.Pass คือ วีซ่ารูปแบบใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ประกอบการธุรกิจด้านเทคโนโลยี ผู้นำองค์กร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค (โดยเฉพาะสาย AI และการวิเคราะห์ข้อมูล) จากต่างประเทศ สามารถเข้ามาทำงานหรือประกอบกิจการในสิงคโปร์ได้อย่างอิสระ โดยให้สิทธิพิเศษในหลากหลายด้าน เช่น  

  • ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีในสิงคโปร์ได้
  • เลือกทำงานในบริษัทสิงคโปร์ได้อิสระ (วีซ่าทั่วไปต้องทำงานกับนายจ้างที่ระบุไว้เท่านั้น) 
  • สามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทสิงคโปร์ ผู้บรรยายในมหาวิทยาลัย และนักลงทุนในบริษัทสิงคโปร์ได้
  • สามารถพาครอบครัวมาอยู่ด้วยได้แถมมีเงินสนับสนุนให้ด้วย

แต่ผู้ที่จะได้รับ Tech.Pass จะมีเพียง 500 คน คัดเลือกจากผู้สมัครจากทั่วโลก แถมต้องผ่านเกณฑ์อย่างน้อย 2 ใน 3 ข้อต่อไปนี้ด้วย 

  • มีเงินเดือนประจำในปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 5.2 แสนบาท
  • มีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี ในตำแหน่งผู้นำองค์กรของบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาดอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.82 หมื่นล้านบาท) หรือระดมทุนได้อย่างน้อย 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.09 พันล้านบาท)
  • มีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี ในตำแหน่งผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีที่มีผู้ใช้งานอย่างน้อย 100,000 คนต่อเดือน หรือมีรายได้อย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.6 พันล้านบาท)

โดย Tech.Pass ได้เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่ต้นปี 2564 ที่ผ่านมา

 

ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สายมีอะไรบ้าง

 

สำหรับการขอใบอนุญาตในการทำงานที่สิงคโปร์ ในรูปแบบทั่วไปนอกเหนือจาก 2 รูปแบบใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมานั้น ข้อมูลจาก Thaibizsingapore.com เผยว่า แรงงานไทยในสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะมีใบอนุญาต 1 ใน 4 รูปแบบนี้

 

  1. Employment Pass (EP)  คือ ใบอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานต่างชาติในระดับวิชาชีพ (Professional) และระดับบริหาร (Executive) โดยกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ได้กำหนดคุณสมบัติชาวต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานในระดับนี้ว่า จะต้องมีวุฒิการศึกษาจากสถาบันที่ได้มาตรฐาน มีประสบการณ์การทำงานที่เป็นที่ยอมรับ และได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (5,500 ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับภาคบริการทางการเงิน)  ซึ่งเป็นอัตราที่ประกาศขึ้นใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะมีผลตั้งแต่เดือนกันยายน 2565
      
  2. S Pass คือ ใบอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานต่างชาติที่มีฝีมือระดับกลาง ซึ่งจะพิจารณาคุณสมบัติหลายด้าน ทั้งค่าจ้าง การศึกษา ลักษณะงาน ประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ เช่น ผู้ชำนาญงานสาขาต่างๆ ช่างเทคนิคต่างๆ เป็นต้น โดยจะต้องมีเงินเดือนประจำขั้นต่ำ 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (3,500 ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับภาคบริการทางการเงิน) มีการศึกษาระดับปริญญาหรืออนุปริญญา (Degree or Diploma) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิคหลักสูตรเต็มเวลาอย่างน้อย 1  ปี และมีประสบการณ์ทำงานในสาขานั้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง อัตราเงินเดือนประจำขั้นต่ำระดับใหม่นี้ จะมีผลตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 เช่นเดียวกับของ EP
     
  3. Work Permit คือ ใบอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานต่างชาติกึ่งฝีมือ (Semi-skilled worker) และแรงงานไร้ฝีมือ (Unskilled worker) อายุระหว่าง 18-50 ปี รัฐบาลสิงคโปร์กำกับดูแลและควบคุม โดยการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้แรงงานต่างชาติ (Levy) จากนายจ้าง กำหนดสัดส่วนของแรงงานท้องถิ่นกับแรงงานต่างชาติ โดยกำหนดสัดส่วนแรงงานท้องถิ่น 2 คน แรงงานต่างชาติ 1 คน กำหนดระยะเวลาการทำงานในประเทศสิงคโปร์ของแรงงานต่างชาติ รวมถึงกลุ่มประเทศที่อนุญาตให้ทำงานในแต่ละภาคธุรกิจ 
     
    แรงงานไทยส่วนใหญ่จะถือใบอนุญาตการทำงานประเภท Work Permit อยู่ในภาคก่อสร้าง (Construction) งานในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี (Process) งานสร้างและซ่อมบำรุงเรือ (Marine) โดยถือใบอนุญาตการทำงานประเภท Work Permit เป็นส่วนใหญ่ โดยแรงงานบางส่วนก็สามารถได้รับการพิจารณาใบอนุญาตการทำงานประเภท S Pass ได้ หากมีความชำนาญพิเศษเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน  และมีประสบการณ์การทำงานในประเทศสิงคโปร์เป็นระยะเวลานาน
     
  4.  Work Permit (Migrant domestic worker) คือ ใบอนุญาตทำงานสำหรับคนทำงานบ้านที่จะต้องทำงานในบ้านตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับกระทรวงแรงงานเท่านั้น โดยจะต้องมาจากประเทศต้นทางที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ มีอายุระหว่าง 23-50 ปี (คนทำงานบ้านที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปสามารถต่ออายุใบอนุญาตการทำงานได้จนอายุครบ 60 ปี) และมีการศึกษาอย่างน้อย 8 ปี (สำหรับลูกจ้างที่มาจากประเทศไทยต้องจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นอย่างต่ำ)

 

ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการเตรียมตัวไปทำงานที่สิงคโปร์ได้ที่นี่

Thaibizsingapore

ThaiEmbassy

  

อาชีพไหนในสิงคโปร์ ไหนอยากได้แรงงานไปร่วมงาน?

 

ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สายมีอะไรบ้าง

 

เมื่อครั้งนาย สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ ได้เข้าเยี่ยมคารวะ Dr.Tan See Leng รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของสิงคโปร์ นายสุชาติ ได้เปิดเผยข้อมูลจากฝั่งกระทรวงแรงงานของสิงคโปร์ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานไทยที่เข้ามาทำงานกว่า 10,000 คน ผ่านกรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง 1,827 คน 

 

ในปี 2565 นายจ้าง และสถานประกอบการในประเทศสิงคโปร์มีความต้องการจ้างแรงงานไทยใน 3 สาขา ได้แก่

  • ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง
  • ช่างอู่ต่อเรือ
  • ช่างเชื่อมฝีมือ

เนื่องจากแรงงานไทยได้รับการชื่นชมในเรื่องทักษะฝีมือการทำงานขั้นสูง ซึ่งเป็นที่ไว้วางใจ และพึงพอใจของนายจ้างสิงคโปร์ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ที่มีเป้าหมายพัฒนาคนในทุกมิติ

 

นอกจากนี้ Hot Course Thailand ยังแนะนำสายงานที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสิงคโปร์ ได้แก่

 

  • สายการเงิน (Finance Industry)

 

ตัวอย่างอาชีพ : Compliance Managers, Risk Management Managers, Information Technology Professionals, Investment Management Professionals

 

  • สายสื่อสารข้อมูลและสื่อดิจิทัล (Information Communication & Digital Media Industry)

 

ตัวอย่างอาชีพ : Cyber Security Experts, Analyst Programmer, Software Engineer, 2D and 3D Artist, Animator, Game Producer

 

  • สายงานก่อสร้าง (Construction Industry)

 

ตัวอย่างอาชีพ : Geotechnical Engineer, Design Engineer, Civil/ Structural/ Bridge Engineer

 

  • สายงานด้านสุขภาพ (Healthcare Industry)

 

ตัวอย่างอาชีพ : Medical Diagnostic Radiographer, Medical/Laboratory, Technologist, Occupational Therapist

 

ค่าจ้างในสิงคโปร์ เป็นอย่างไร?

 

ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สายมีอะไรบ้าง

 

ข้อมูลจาก Asean Briefing เผยว่า ค่าแรงขั้นต่ำในสิงคโปร์ ปรับเพิ่มจาก 1,274 ดอลลาร์สิงคโปร์/เดือน เป็น 1,312 ดอลลาร์สิงคโปร์/เดือน เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 65 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้รวบรวมอัตราค่าจ้างสำหรับอาชีพในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว, วิศวกรการผลิต, วิศวกรไฟฟ้า, วิศวกรเคมี, วิทยาศาสตร์เคมี, เทคโนโลยีสารสนเทศ, การเงินและการธนาคาร (ระดับผู้บริหาร),  การก่อสร้าง และเลขานุการไว้ ดังนี้

 

 อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (หน่วย : ดอลลาร์สิงคโปร์)

ผู้จัดการร้านค้า2,200 ขึ้นไปผู้จัดการร้านค้าปลีก3,500 ขึ้นไปผู้จัดการภัตตาคาร2,000 - 3,100ผู้ช่วยฝ่ายขาย (ร้านค้าปลีก)900 - 1,300 ผู้ดูแลจัดการร้าน (Shop Supervisor)1,200 - 1,500บริกรชายและหญิง800 - 1,500หัวหน้าบริกร1,600 - 2,100พ่อครัว1,300 - 2,100 ผู้ช่วยพ่อครัว800 - 1,300พนักงานต้อนรับทั่วไป1,400 - 1,900 พนักงานต้อนรับโรงแรม1,700 - 2,200ผู้จัดการด้านการตลาด/การขาย1,600 - 2,000ผู้จัดงานนิทรรศการ2,000 - 3,000ที่ปรึกษาทัวร์1,500 - 2,300

  

วิศวกรการผลิต (หน่วย : ดอลลาร์สิงคโปร์)

วิศวกรการผลิต 4,500 - 8,200ผู้ช่วยวิศวกรการผลิต3,200 - 4,900 วิศวกรเครื่องกล3,200 - 4,900 ผู้ประสานงานการผลิต2,600 - 4,100  ช่างวิศวกรการผลิต2,100 - 3,600 ช่างวิศวกรฝ่ายเครื่องกล 1,800 - 2,500 

 

 วิศวกรไฟฟ้า (หน่วย : ดอลลาร์สิงคโปร์)

วิศวกรไฟฟ้า 3,300 - 4,700ผู้ช่วยวิศวกรไฟฟ้า2,300 - 3,300 

   

 วิศวกรเคมี (หน่วย : ดอลลาร์สิงคโปร์)

วิศวกรเคมี2,900 - 5,200วิศวกรเคมีการผลิต3,000 - 6,200 ผู้ควบคุมการผลิต 2,900 - 5,200

  

วิทยาศาสตร์เคมี (หน่วย : ดอลลาร์สิงคโปร์)

วิศวกรการผลิต (การผลิตยา)3,000 - 5,000นักจุลชีววิทยา (การผลิตยา)3,000 - 5,000ผู้ชำนาญการด้านชีวภาพ (การผลิต)4,000 - 6,000วิศวกรการผลิต5,000 - 8,000 ผู้ควบคุมการผลิต  2,500 - 4,000 

  

เทคโนโลยีสารสนเทศ (หน่วย : ดอลลาร์สิงคโปร์)

วิศวกรซอฟต์แวร์3,500 - 5,000สถาปนิกการจัดองค์กร8,000 - 14,000ผู้จัดการโครงการ6,000 - 8,500ผู้จัดการด้านการจัดจ้างด้านไอที (IT Outsourcing Manager)4,000 - 8,000 ผู้จัดการด้านการพัฒนาธุรกิจ4,000 - 6,500 

  

การเงินและการธนาคาร ระดับผู้บริหาร (หน่วย : ดอลลาร์สิงคโปร์)

นักบัญชี (ประสบการณ์ 3 - 5 ปี)60,000 - 75,000ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ (Relationship Manager) - ธนาคารรายย่อย (Retail Banking) (ประสบการณ์ 0 - 4 ปี)90,000 - 165,000ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ (Relationship Manager) - ธนาคารรายย่อย (Retail Banking) (ประสบการณ์ 4 - 8 ปี)90,000 - 165,000ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ (Relationship Manager) - Priority Banking (ประสบการณ์ 0 - 4 ปี)45,000 - 65,000 ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ (Relationship Manager) - Priority Banking (ประสบการณ์ 4 - 8 ปี)60,000 - 120,000 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ - ตลาดการเงิน (ประสบการณ์ 0 - 4 ปี)35,000 - 80,000 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ - ตลาดการเงิน (ประสบการณ์ 4 - 8 ปี)70,000 - 135,000 ผู้จัดการประเมิณความเสี่ยง (Risk Manager)(ประสบการณ์ 0 - 4 ปี)40,000 - 90,000 Branch Operations Customer Servicing - Consumer Banking (ประสบการณ์ 0 - 4 ปี)40,000 - 60,000 Branch Operations Customer Servicing - Consumer Banking (ประสบการณ์ 4 - 8 ปี)70,000 - 100,000 

  

การก่อสร้าง (หน่วย : ดอลลาร์สิงคโปร์)

วิศวกรโยธา3,200 - 5,000เจ้าหน้าที่สำรวจปริมาณงาน (Quality Surveyor)2,900 - 4,300ผู้จัดการโครงการ3,800 - 6,500วิศวกรไฟฟ้า3,400 - 5,300 วิศวกรเครื่องกล3,200 - 4,900 ช่างไฟฟ้า1,600 - 2,400 หัวหน้าคนงาน (Foreman)2,000 - 3,300 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย1,300 - 1,700 

  

เลขานุการ (หน่วย : ดอลลาร์สิงคโปร์)

เลขานุการระดับสูง (Senior Executive)2,800 - 4,000เลขานุการระดับกลาง (Junior Executive)2,000 - 3,000 เลขานุการระดับต้น (Fresh Entry)1,700 - 2,400

  

หมายเหตุ : ค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมงของลูกจ้างสิงคโปร์อยู่ที่ราว 6 - 12 ดอลลาร์สิงคโปร์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของงานและบริษัท

.

 

ทำงานในสิงคโปร์ต้องระวัง ถ้ายังไม่อยากถูกส่งกลับ

 

ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สายมีอะไรบ้าง

 

อย่างไรก็ดี การมาทำงานที่สิงคโปร์ต้องทำตามข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด  สิงคโปร์เข้มงวดเรื่องการเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือการอยู่ในสิงคโปร์เกินกำหนด หากถูกจับผู้กระทำผิดจะมีโทษปรับ จำคุก บางกรณีมีโทษเฆี่ยนด้วย ดังนั้น ผู้หางานควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าได้รับใบอนุญาตทำงานจากกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ก่อนเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์  หากแรงงานไทยที่สัญญาจ้างงานใกล้หมดอายุและไม่มั่นใจว่านายจ้างต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้หรือไม่ก็ควรปรึกษาสำนักงานแรงงานในประเทศสิงคโปร์ก่อน 

 

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสิงคโปร์จัดทำแอปพลิเคชัน SGWorkPass ให้แรงงานดาวน์โหลดเพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงานรวมถึงกำหนดวันที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในประเทศสิงคโปร์อย่างถูกกฏหมาย

 

ผู้เข้ามาทำงานในสิงคโปร์และถือใบอนุญาตทำงานประเภท Work Permit (WP)  ควรศึกษาข้อปฏิบัติที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ห้ามทำงานกับนายจ้างอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ห้ามหารายได้พิเศษ ห้ามมีความสัมพันธ์ด้านชู้สาวหรือมีบุตรกับชาวสิงคโปร์หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่สิงคโปร์แบบถาวร (Permanent Resident : PR) หากเป็นหญิงห้ามตั้งครรภ์หรือให้กำเนิดบุตรระหว่างถือใบอนุญาตทำงานต้องพกใบอนุญาตทำงานตัวจริงกับตัวเพื่อพร้อมให้ตรวจสอบ

 

สามารถศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในสิงคโปร์เพิ่มเติมได้ที่นี่

 

สิงคโปร์นั้นโก้จริงๆ

 

ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สายมีอะไรบ้าง

 

แม้จะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กกว่า ‘กรุงเทพมหานคร’ กว่าเท่าตัว แต่สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มี รายได้เฉลี่ยต่อหัว (GDP per Capita) สูงเป็นอันดับที่ 10 ของโลก จากการจัดอันดับของ Worldometer โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 56,746 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี (2.06 ล้านบาท) ในขณะที่ตัวเลขของสหรัฐเป็น 59,939 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี (2.18 ล้านบาท) ส่วนของไทยอยู่ที่ 6,579 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี (2.39 แสนบาท) ซึ่งหมายความว่า รายได้เฉลี่ยของคนสิงคโปร์ มากกว่าของไทยเกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว

 

นอกจากนี้ จากการจัดอันดับ Chandler Good Government Index ซึ่งประเมิณประสิทธิผลของรัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประเมินความสามารถและผลลัพธ์ของรัฐบาลจาก 104 ประเทศ พบว่า ในปี 2565 นี้ รัฐบาลสิงคโปร์คว้าดับสามของโลก รองจากฟินแลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ ยังคว้าอันดับที่ 1 เมื่อเทียบกับเฉพาะกลุ่มประเทศในเอเชีย ในขณะที่ไทยอยู่ในอันดับที่ 46 

  

สิงคโปร์เคยเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของ Gallup หลายปีติดต่อกัน แม้ในการจัดอันดับครั้งล่าสุดในช่วงโควิด-19 ทางผู้จัดจะกล่าวว่า ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นจากสิงคโปร์ที่เพียงพอต่อการจัดอันดับได้ แต่ก็คาดเดาไม่ยากว่า ด้วยกฎหมายอันเข้มงวด และประชาชนที่ขึ้นชื่อเรื่องระเบียบวินัย จะทำให้สิงคโปร์ยังคงความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ ของโลกได้

ข้อใดคือช่องทางการสื่อสารแบบไร้สาย

5.3.2. ช่องทางการสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless connection) เป็นการเชื่อมต่อที่ไม่ต้องใช้สาย เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์รับและส่ง แต่จะใช้อากาศเป็นสื่อกลาง เช่น อินฟราเรด (Infrared) ไมโครเวฟ (Microwave) ดาวเทียม (Satellite) สัญญาณวิทยุ (Broadcast Radio) เป็นต้น

ช่องทางการสื่อสารแบบมีสาย มีอะไรบ้าง

1. ช่องทางการสื่อสารแบบมีสาย (Physical Wire)เป็นการสื่อสารโดยการใช้สายเชื่อมระหว่างอุปกรณ์ส่งและรับข้อมูล เช่น สายคู่บิดเกลียว สายโคแอกเชียล และสายเส้นใยนำแสง

การสื่อสารข้อมูลแบบไม่มีสายมีอะไรบ้าง

การส่งผ่านข้อมูลแบบไร้สาย (Wireless transmission) สามารถแบ่งได้ 3 กลุ่มคือ คลื่นวิทยุ (Radio Waves) ไมโครเวฟ (Microwaves) อินฟราเรด (Infrared)

ข้อใดคือตัวกลางแบบไร้สายที่ใช้ในการสื่อสารขั้นพื้นฐาน

ตัวกลางสื่อสารไร้สาย มีแบบไหนบ้าง.
คลื่นวิทยุ ... .
คลื่นไมโครเวฟ ... .
คลื่นอินฟาเรด ... .
คลื่นบลูทูธ ... .