การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอาศัยวินัย ความสม่ำเสมอ และการตั้งเป้าหมาย หากทำได้ตามที่ตั้งใจเราก็สามารถเปลี่ยนชีวิตประจำวันให้กลายเป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ ได้ทันที ยิ่งตอนนี้โรคโควิด 19 ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงโรคอื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ที่ทำให้เราต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และฝากสุขภาพให้กับคนที่พร้อมพัฒนาเพื่อคุณในทุก Step ด้วยประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจากเมืองไทยประกันชีวิต ที่พร้อมพัฒนาเพื่อคุณในทุกวัน ด้วยแผนประกันสุขภาพที่ให้มากกว่าความคุ้มครอง Show
ให้คุณเลือกได้ตามความต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท คุ้มครองทั้งโรคระบาด โรคร้ายแรง โรคทั่วไป โรคเก่าที่วนมาเกิดซ้ำได้ หรือโรคอุบัติใหม่ ก็มั่นใจได้ ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย รวมถึงอายุรับประกันสูงสุด 80 ปี ดูแลต่อเนื่องยาว ๆ สูงสุดถึงอายุ 99 ปี Step ahead, Step ไปกับเมืองไทยประกันชีวิต ฝากสุขภาพของคุณให้กับคนที่พร้อมพัฒนาเพื่อคุณ 📌รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก หรือ โทร. 1766 หมายเหตุ
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 29/09/64 🔖มหาวิทยาลัยมหิดล 🔖 hd.co.th (ข้อมูล ณ วันที่ 09/12/63) 🔖 nicetofit (ข้อมูล ณ วันที่ 23/05/60) 🔖sanook (ข้อมูล ณ วันที่ 30/06/60) 🔖 posttoday (ข้อมูล ณ วันที่ 23/04/62) เราออกกำลังกายด้วยการเดินและวิ่งเบาๆ โดยใช้แอฟตัวนึงในการวัดระยะทาง และวัดแคลลอรี่ค่ะ ผลมันออกมาตามรูปเลยค่ะ อยากถามผู้รู้ว่า เดิน 1 ช.ม. มันเผาผลาญได้ เท่านี้จริงหรือเปล่าคะ หรือมันไม่แน่นอน ขอบคุณมากค่ะ^^ “การเดิน” เป็นกิจกรรมทางกายประเภทหนักปานกลาง การเดินประจำเกิดประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น สุขภาพจิตดีขึ้น ลดความวิตกกังวลและอาการซึมเศร้า ลดน้ำหนักตัวโดยเพิ่มการเผาผลาญน้ำตาล ลดระดับไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต ลดภาวะกระดูกบางหรือผุกร่อน เป็นต้น การเดินเพื่อสุขภาพจะต้องเดินให้มากพอ ดังนี้ 1. เดินแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากเดินช้าและเพิ่มเวลาเมื่อรู้สึกชิน จนสามารถเดินได้นาน 30 นาที ผู้ที่ไม่เคยเดิน
หรือไม่เคยออกกำลังกายเป็นประจำ ควรเริ่มจากการเดินช้า ค่อยๆ เพิ่มระยะเวลา เช่น เดินเพิ่มขึ้นวันละ 1 นาที ทุกวัน จนสามารถเดินได้นานติดต่อกันอย่างน้อย 10 ถึง 15 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนครั้งที่เดิน เป็นวันละ 2 ครั้ง แล้วเพิ่มเป็นวันละ 3 ถึง 6 ครั้ง เป้าหมายคือเดินช้า ๆ ได้ไม่น้อยกว่า 60 นาที/วัน · ผู้หญิงที่เดิน 1 ชม./วัน ลดโอกาสเป็นโรคเบาหวาน ร้อยละ 34 พอถึงช่วงเวลาที่ต้องการลีนไขมันออกจากร่างกาย มักจะเกิดคำถามยอดฮิตในหมู่คนออกกำลังหลายคนว่า “การเดิน หรือ การวิ่ง” สามารถเผาผลาญได้กี่แคลอรี่ ควรใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเผาผลาญข้าวที่กินไป จะคำนวณยังไงให้เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อที่จะลดแคลอรี่และไขมันไวๆ ทาง Fit.Friend จะช่วยเพื่อนๆ มาคลายข้อสงสัยนี้กัน หากไม่มีเวลาในการเข้ายิมหรือไม่ชอบการวิ่ง การ “เดิน”
นับเป็นวิธีออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้เช่นกัน แค่ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เปลี่ยนจากสั่งอาหารผ่านแอปเป็นการเดินออกไปซื้อที่ร้าน หรือหาเวลาพักผ่อนออกไปเดินห้างแทนการนอนเฉยๆ ซึ่งยิ่งเดินได้เร็ว เดินได้ไกล และบ่อยมากเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยเผาผลาญได้ดี ต้องบอกไว้ก่อนว่าการจะวัดค่าว่าพลังงานไปกี่แคลอรี่นั้น
ขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ น้ำหนัก และปริมาณกล้ามเนื้อในร่างกายด้วย ค่าเฉลี่ยการเผาผลาญแคลอรี่ของการเดินจะแบ่งได้ดังนี้ โดยการเดินปกติ ค่า Heart Rate จะอยู่ที่ 50% – 60% (104 -114 bpm) โดยค่า Heart Rate จะอยู่ที่ 60% – 70% (114 -133 bpm) ถ้านับเป็นหน่วยเวลาแล้วรู้สึกว่านานเกินไป
สามารถใช้วิธีการนับก้าวต่อวันเพื่อให้ง่ายต่อการนับการเผาผลาญแคลอรี่ได้ *หากต้องการรู้ระยะทางหรือการนับก้าวที่แน่นอน ใช้ smart watch เป็นตัวช่วยในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
หรืออัตราการเผาผลาญแคลอรี่ได้ การ “วิ่ง” เป็นวิธียอดฮิตของวงการออกกำลังกาย เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่าย และเห็นผลลัพธ์จากเผาผลาญทั้งภายในและภายนอก เช่น การเต้นของหัวใจ การขยายของปอด ความร้อนจากร่างกาย และวิ่งเท่าไหร่ นานแค่ไหน เผาผลาญได้กี่แคลอรี่ มาดูกัน การวิ่งช่วยเผาผลาญได้กี่แคลอรี่?การวัดการเผาผลาญพลังงานนั้น ขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ น้ำหนัก และปริมาณกล้ามเนื้อในร่างกายเช่นกันโดยค่าเฉลี่ยการเผาผลาญแคลอรี่ของการการวิ่งแบ่งได้ดังนี้ วิ่งปกติโดยค่า Heart Rate จะอยู่ที่ 70% – 80% (133 -152 bpm)
วิ่งสปีดโดยค่า Heart Rate จะอยู่ที่ 80% – 90% (152 -171 bpm)
วิ่ง 1 กิโลเมตร ได้กี่แคลอรี่?การเผาผลาญแคลอรี่ในการวิ่งไม่สามารถคำนวณตามระยะทางได้แบบตรงๆ เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่สามารถคำนวณคร่าวได้ เช่น คนน้ำหนัก 60 กิโลกรัม วิ่ง 1 กิโลเมตรจะเผาผลาญได้ประมาณ 62.16 แคลอรี่ สูตรคำนวณเผาผลาญแคลอรี่จากการวิ่ง (ต่อกิโลเมตร)หากต้องการวัดค่าการเผาผลาญโดยประมาณจากการวิ่งเป็นระยะทาง สามารถใช้สูตรคำนวณนี้ได้เลย วิธีคำนวณคร่าวๆจำนวนกิโลเมตร x น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) x 1.036 = จำนวนที่เผาผลาญแคลอรี่ ตัวอย่างคำนวณแคลอรี่น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ต้องการวิ่ง 3 กิโลเมตร = 3 x 50 x 1.036 = 155.4 แคลอรี่ ข้อดีของการวิ่ง
คำแนะนำเพิ่มเติม
เพื่อนๆ สามารถใช้ ใช้ Smart Watch เป็นตัวช่วยในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรืออัตราการเผาผลาญแคลอรี่ได้ อาจจะเห็นว่าการวิ่งนั้นสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้สูง แต่การจะวิ่งให้ได้ความเร็วคงที่เสมอ 30 – 60 นาที อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ดังนั้นทาง Fit.Friend จึงอยากแนะนำรูปแบบของการวิ่งหนักสลับเบามาแนะนำ หรือเรียกว่า “interval training” ที่จะสามารถระเบิดไขมันและแคลอรี่ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น Interval training คืออะไร?Interval training คือ การฝึกร่างกายหนักสลับเบาในรูปแบบของการวิ่ง โดยวิธีฝึกคือให้วิ่งด้วยความเร็วจนถึงขีดสุดแล้วค่อยสลับกับวิ่งจ็อกกิ้งช้าๆ เพื่อให้ร่างกายมีประสิทธิภาพ แข็งแรงมากขึ้น แถมยังช่วยระเบิดไขมันและแคลอรี่ ได้ในระยะเวลาอันสั้นอีกด้วย โดยการออกกำลังกายในรูปแบบนี้มีเป้าหมายให้อัตราการเต้นของหัวใจประมาณสูงขึ้น 80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (Heart Rate) หลังจากนั้นควรพักประมาณ 1 นาที และทำซ้ำประมาณ 4 – 5 รอบ เพื่อนๆ สามารถใช้ Smart Watch วัดความหนักหน่วงในการออกกำลังกาย โดยดูค่าอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) แสดงว่ากำลังออกกำลังในระดับไหน รวมถึงระยะเวลาเท่าไหร่สำหรับการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ ข้อควรระวังของ Interval trainingการออกกำลังกายแบบ Interval Training ควรทำแค่ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ เพราะเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อได้ และเสี่ยงการทำงานของระบบหัวใจและปอด ทางที่ดีควรมีเทรนเนอร์คอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ทาง Fit.Friend เองมีเทรนเนอร์ที่จะคอยดูแล และประเมินร่างกายของผู้เทรนให้ออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม ไม่เป็นอันตราย และได้ผลลัพธ์อย่างสูงสุดผู้เทรนต้องการ สรุปไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการเดินหรือการวิ่ง สามารถเผาผลาญแคลอรี่และไขมันได้ตั้งแต่วินาทีแรกเหมือนกัน เพื่อนๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของช่วงเวลานั้นๆ โดยที่ไม่ควรฝืนร่างกายจนเกินไป สุดท้ายนี้อย่าลืมให้ Fit.Friend ได้ส่งเทรนเนอร์ไปดูแลเพื่อนๆ ถึงที่บ้านเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีของร่างกาย และถึงเป้าหมายไวยิ่งขึ้นนะครับ อ้างอิงจาก : กรมแพทย์ทหารเรือ เดินวันละกี่กิโล ลดน้ําหนัก2.ทุก ๆ 3,500 กิโลแคลอรี่ที่เบิร์นออกไป น้ำหนักจะลง 0.45 กิโลกรัม 3.เดิน 10,000 ก้าว จะเบิร์นออกไปได้ถึง 400-500 กิโลแคลอรี่ ซึ่งจะช่วยให้น้ำหนักลดลงไปสัปดาห์ละกว่าครึ่งกิโลกรัมเล็กน้อย 4.คนที่หนักไม่เกิน 60 กิโลกรัม เดิน 30 นาที จะเผาผลาญไปได้ประมาณ 90 กิโลแคลอรี่
เดิน 1 ชั่วโมงใช้พลังงานกี่แคลเดินปกติ 30 นาที เผาผลาญประมาณ 130-150 แคลอรี่ เดินปกติ 1 ชั่วโมง เผาผลาญประมาณ 265-300 แคลอรี่
เดินตลาดเผาผลาญกี่แคล2. ช้อปปิ้ง เผาผลาญได้ 167 แคลอรี่ กิจกรรมนี้แทบไม่ต้องพยายามเลยจริงๆ ซึ่งการเดินช้อปปิ้งต่อเนื่องนาน 1 ชั่วโมงเต็มจะช่วยเผาผลาญได้ถึง 167 แคลอรี่ สำหรับผู้หญิงเราแล้ว บอกเลยว่าชิลล์มาก ให้นานกว่านี้ก็สามารถเนอะ 3. ปลูกต้นไม้ เผาผลาญได้ 250 แคลอรี่
เดินวันละ1ชม.ลดน้ำหนักได้ไหมประโยชน์ของการเดินออกกำลัง
ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากอาจใช้การเดินช่วยลดน้ำหนักตัวได้ โดยเดินวันละประมาณ 1 ชั่วโมง จะทำให้การเผาผลาญพลังงานในร่างกายเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวจึงลดลง
|