ทริปเอาใจตัวเองคราวนี้จะทำให้กระบี่ดีกว่าทุกครั้ง ณ ‘The Tubkaak Krabi Boutique Resort’ ใช้ชีวิตแบบลูกคุณ ทรีตตัวเองเป็นเจ้าหญิง
เที่ยวคุ้ม กินอิ่ม นอนอุ่น แล้วตื่นมาด้วยรอยยิ้มอันสดใส ทักทายธรรมชาติ ทานเบรคฟาสต์ริมหาด จี๊ดจ๊าดกับน้ำมะม่วงเบาปั่น ช่วงกลางวันก็จิบอาฟเตอร์นูนที
แล้วไปปรนนิบัติตัวเองแบบแสนดีที่สปา ก่อนกลับมาดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก วันต่อมาก็ล่องเรือไปปิคนิคทำกิจกรรมแบบคนคูล โพสต์ท่าให้สวยสับกับวิวที่ปังสุด ลงสตอรี่รัวเป็นจุดไข่ปลา อัพรูปมาคนไลก์สนั่น ให้
4 วัน 3 คืน ของทริปนี้มีแต่คอมเม้นท์ว่า ดี เริ่ด สวย อิจฉา กระหน่ำมาใต้รูปแบบไม่หยุดไม่หย่อนไปเลย ไฮไลท์ของทริปนี้คือการล่องเรือไปหมู่เกาะห้อง ซึ่งประกอบด้วย เกาะห้อง เกาะผักเบี้ย และเกาะเหลาลาดิง ความประทับใจในประสบการณ์ที่ The Tubkaak Krabi Boutique Resort หากให้เราเล่าคงไม่จบในรีวิวเดียว แต่นอกจากห้องสวย บรรยากาศดี กิจกรรมเยอะ หาดทรายทอดยาวแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ การบริการที่เป็นเลิศของสต๊าฟทุกคนในโรงแรม เราขอยกให้เซอร์วิสของที่นี่เป็นอันดับต้น ๆ ของการบริการในไทยเลยแหละ ดินเนอร์สุดโรแมนติกบอกลาแสงเย็นมันฟินสุด ๆ The Tubkaak Krabi Boutique Resort ตั้งอยู่หาดทับแขก เป็นรีสอร์ทที่ทอดตัวลงจากเชิงเขาลงสู่ชายหาดอันเงียบสงบ ด้านหลังเป็นภูเขาที่มีป่าอุดมสมบูรณ์ ด้านหน้าเป็นทะเล สามารถมองเห็นหมู่เกาะห้องทั้ง 13 เกาะ ภายในบริเวณที่พักมีความอุดมสมบูรณ์ layout ที่พักจะแตกต่างกันเนื่องจากทางรีสอร์ทต้องการรักษาต้นไม้น้อยใหญ่ไว้ตั้งแต่ก่อตั้ง อีกอย่างรีสอร์ทตั้งอยู่ในบริเวณเขาหงอนนาค ซึ่งคนกระบี่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของพญานาคและบนเขาหงอนนาคจะมีตาน้ำศักดิ์สิทธิ ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากน้ำตาพญานาคด้วย Day 1
The Arundina ด้วยแพลนที่ตั้งใจมาพักผ่อนรอบนี้คือ 4 วัน 3 คืน เลยขอเลือกพักห้อง 2 แบบ 2 สไตล์ เพื่อฟิลลิ่งที่แตกต่าง โดย 2 คืนแรกเราพักห้อง DELUXE ROOM และคืนสุดท้ายจะย้ายไปที่ PREMIER POOL VILLA ซึ่งแต่ละห้องจะมีจุดเด่นแตกต่างกัน อย่างห้อง DELUXE ROOM ที่เราพักในคืนนี้เป็นบ้านกึ่งไม้กึ่งปูน หลังคาคล้ายเรือหัวโทง ซึ่งห้องของเราจะอยู่ที่ชั้น 2 รอบ ๆ บริเวณร่มรื่นมาก สามารถเด่นเล่นได้แบบไม่เบื่อเลย และที่นี่ยังมีทางน้ำธรรมชาติที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ไหลมาจากเขาหงอนนาคซึ่งทางรีสอร์ทก็ได้นำน้ำทางจากธรรมชาตินี้มากรองเพื่อใช้ภายในรีสอร์ทด้วย
DELUXE ROOM เดินเข้ามาในห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำกลางแจ้งและห้องอาบน้ำภายในที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ซึ่งอ่างอาบน้ำของที่นี่เป็นอ่างหินขัด มีดอกไม้ลอยน้ำไว้หอมฟุ้ง และมีบาธโฟมไว้ให้สำหรับใครที่อยากตีฟองแช่น้ำด้วย
Beach Picnic ก่อนจะค่ำเราก็กลับมาที่ห้องอาหาร The Arundina พบกับอาหารใต้แสนอร่อยจากเชฟมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นคั่วกลิ้ง แกงส้ม น้ำชุบหยำ ใบเหลียงผัดไข่ แกงเลียงผักรวม เราชิมด้วยตัวเองแล้ว อร่อยมากกกก กไก่ล้านตัว ที่สำคัญคือเค้านำวัตถุดิบท้องถิ่นมาประกอบอาหารได้อย่างคุ้มค่าสุด Day 2 มาถึงลากูนแล้ว สต๊าฟเรือก็จัดเซ็ต Picnic on the boat ที่เตรียมไว้มาวางให้เราได้นั่งชิล ซึ่งมีทั้งชุดคาวและหวาน ขนมเครื่องดื่มเพียบ ลองนึกภาพที่เราได้นั่งอยู่ตรงหัวเรือ ท่ามกลางลากูนมีน้ำทะเลใส ๆ และภูเขารายล้อมให้เราได้อรรถรสในการทานและถ่ายรูปแบบสวยคุ้มและฟินสุด ๆ ไปเลย เกาะห้อง เกาะผักเบี้ย เกาะเหลาลาดิง กลับมาถึงรีสอร์ทก็พบกับมื้อเที่ยงเป็นรางวัลของคนตั้งใจเที่ยวเป็นชุดขนมจีนน้ำยาใต้ที่มีทั้งไตปลาและน้ำยากะทิปู เสิร์ฟพร้อมไก่ทอดและผักแบบจัดเต็ม พร้อมกับน้ำมะพร้าวสด ๆ ต่อให้เที่ยวมาเพลียขนาดไหนก็หายเหนื่อยแถมยังมีแรงฟิตไปทำกิจกรรมต่ออีกทั้งวัน อิ่มท้องกันแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะท้องแตก เพราะนั่งพักให้ย่อยสักแปป เราก็ต้องหากิจกรรม ขยับร่างกาย เปลี่ยนโหมดมาแอดเวนเจอร์ริมทะเล ซึ่งที่ The Tubkaak Krabi Boutique Resort เค้าก็มีกิจกรรมให้เราทำไม่ว่าจะเป็น พายเรือคายัค หรือ Stand Up Paddle Board แน่นอนวัยรุ่นอย่างเรามีหรอจะพลาด ไม่รอช้ารีบคว้า Board วิ่งลงทะเลทันที ทำกิจกรรมมาทั้งวัน จนแอบผล็อยหลับไป ตื่นมาอีกทีพระอาทิตย์ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีสาดแสงทองอร่ามมาสะท้อนผืนน้ำ เป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาของดินเนอร์แล้ว Romantic Dinner Day 3 อิ่มท้องจากมื้อเช้าแล้วก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ๆ สักงีบ ก่อนจะหยิบวันพีชออกมาใส่ แล้วเดินไปที่สระว่ายน้ำ ที่นี่มีสระส่วนกลางไว้ให้บริการ ตรงนี้เป็นจุดที่เงียบสงบ เหมาะกับการมานั่งเล่นชิว ๆ หรือจะแช่น้ำกับเพื่อน L’escape Spa
Di Mare Restaurant Day 4
|