�Է����ʵ�� ������ʵ�� ���ԡ�� ��� ����Է�� >> Show ��û���ѵԷҧ�Է����ʵ���������¢ͧ��� ���û���ѵԷҧ�Է����ʵ�� ��û���ѵԷҧ�Է����ʵ�� ��� ��þѲ�Ҥ�����ԭ����˹����Է�ҡ�â��š���ѹ�� 㹤��ʵ�ȵ���ɷ�� 17 �ա�ä鹤��ҧ��ǧ�Ң���稨�ԧ����ǡѺ�����ҵ� �š ��Шѡ���� �����������ҧ�Է����ʵ����ԭ������ͧ �繼����ҵԵ��ѹ���Ѳ�Ҥ�����ԭ����˹��㹴�ҹ��ҧ � ���ҧ�Ǵ���� �Ѩ��·��������Դ��û���ѵԷҧ�Է����ʵ��
�����Ӥѭ�ͧ��û���ѵԷҧ�Է����ʵ��
��û���ѵԷҧ�Է����ʵ��������á
����ʹ��Ը����ҧ�������Ẻ�Է����ʵ�� 㹪�ǧ��ҧ���ʵ�ȵ���ɷ�� 17
��èѴ���ʶҺѹ�Է����ʵ����觪ҵ�
��ä鹾� �����觤��������ǧ� �ͧ��ǵѹ
�Ũҡ��û���ѵ��Է����ʵ�� 㹤��ʵ�ȵ���ɷ�� 17
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของการปฏิวัติ ทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากเป็นผลมาจากความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ การแสวงหาความรู้ใหม่ด้วย การสังเกต ทดลอง และการใช้เหตุผล ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ศิลปินที่สำคัญต่างๆ ต่างใช้หลัก วิชากายวิภาคศาสตร์ เช่น กล้ามเนื้อและโครงสร้างของมนุษย์มาสร้างสรรค์งานศิลปกรรม ทั้ง งานจิตรกรรมและประติมากรรมที่เน้นสัดส่วนและความงดงามของสรีระของมนุษย์อย่างแท้จริง ความสนใจในเรื่องการเดินเรือทำให้มนุษย์ในยุโรปสมัยกลางคิดประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับการ เดินทาง เช่น เลนส์สำหรับกล้องส่องทางไกลและกล้องดูดาว พัฒนาเทคนิคการต่อเรือ เป็นต้น จากยุคโบราณถึงยุคกลาง
การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และปรัชญาเป็นวิชาแขนงเดียวกัน นอกจากนี้คริสต์ศาสนายังมีอิทธิพลครอบงำความรู้ด้านต่างๆ ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 จึงมีการแยกวิชาปรัชญาออกจากวิทยาศาสตร์ ซึ่งในระยะแรกเป็นการศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติ ส่วนปรัชญา เป็นเรื่องการศึกษาความคิด วิธีการศึกษาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ซึ่ง แต่เดิมเป็นความเชื่อตามศาสนาและเชื่อตามนักปราชญ์โบราณ ในยุคนี้ปัญญาชนได้ใช้วิธีสังเกต คิดประดิษฐ์อุปกรณ์มาช่วยในการสังเกต และใช้การทดลองอย่างมีเหตุผล ทำให้วิทยาศาสตร์ ก้าวหน้ามากขึ้น
ช่วยให้การศึกษาคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ มีความลึกซึ้งมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดความรู้ด้านอื่นๆ พัฒนาขึ้นด้วย 1.นิโคลัส โคเปอร์นิคัส (NICOLUS COPERNICUS : ค.ศ. 1473-1543) ชาวโปแลนด์ เสนอทฤษฎีว่าดวงอาทิตย์เป็น ศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีดาวเคราะห์รวมทั้งโลกหมุนรอบ ดวงอาทิตย์ ทฤษฎีของเขาล้มล้างความเชื่อของคนในสมัย โบราณและสมัยกลางที่ยึดถือข้อสมมติฐานของอริสโตเติล (ARISTOTLE) และงานเขียนของโตเลมี (PTOLEMY) ที่อธิบายว่า โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล 2. กาลิเลโอ กาลิเลอิ (GALILEO GALILEI : ค.ศ. 1564- 1642) ชาวอิตาลีได้ประดิษฐ์กล้องโทรทัศน์ เพื่อสังเกตการโคจรรอบ ดวงดาว ทำให้นักดาราศาสตร์ได้รับความรู้เกี่ยวกับจักรวาลและการ เคลื่อนที่ในระบบสุริยจักรวาลตามทฤษฎีของโคเปอร์นิคัส ทฤษฎีของ กาลิเลโอขัดแย้งกับคริสต์ศาสนา ทำให้ถูกลงโทษจากคริสตจักร 3. เซอร์ ฟรานซิส เบคอน (SIR FRANCIS BACON : ค.ศ. 1561-1626) ชาวอังกฤษได้วางรากฐานการศึกษางานด้าน วิทยาศาสตร์ จนในที่สุดทำให้มีการจัดตั้งราชบัณฑิตยสมาคม ที่ เรียกว่า THE ROYAL SOCIETY OF LONDON FOR THE PROMOTION OF NATURAL KNOWLEDGE ขึ้นเพื่อส่งเสริมการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ 4. เรอเน เดส์การ์ส (RENE DESCARTES : ค.ศ. 1596- 1650) ชาวฝรั่งเศสได้เสนอหลักการใช้เหตุผล และการศึกษาค้นคว้า วิจัยในการแสวงหาความรู้และการวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ว่า สามารถนำมาพิสูจน์และตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ 5. เซอร์ ไอแซก นิวตัน (SIR ISAAC NEWTON : ค.ศ. 1642- 1727) ชาวอังกฤษค้นพบกฎแรงดึงดูด (LAW OF UNIVERSAL ATTRACTION) และกฎแห่งความโน้มถ่วง (LAW OF GRAVITY) ซึ่งเป็นผลให้นัก วิทยาศาสตร์อธิบายการโคจรของโลกและดาวเคราะห์ต่างๆ ที่หมุนรอบ ดวงอาทิตย์ได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ สาเหตุที่ทำให้เกิดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ มีดังนี้ 1. การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เป็นผลให้ชาวยุโรปสนใจใฝ่หาความรู้และกระตือรือร้นที่จะ หาความรู้ใหม่ๆ นอกจากนี้ระบบการพิมพ์ก็ก้าวหน้าขึ้น
ทำให้ประชาชนสนใจที่จะศึกษามากขึ้น ผลของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ มีดังนี้ 1.ทำให้เกิดความรู้ใหม่แตกแยกออกไปหลายสาขา ทั้งคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ พฤกษศาสตร์ และการแพทย์ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในงานต่างๆ เช่น การประดิษฐ์นาฬิกา การคำนวณการยิงปืนใหญ่ มีการจัดตั้งราชบัณฑิตยสถานทาง วิทยาศาสตร์ที่อังกฤษใน ค.ศ. 1662 2. มีอิทธิพลต่อความคิดและความเชื่อของชาวยุโรป ทำให้ชาวยุโรปเชื่อมั่นตนเอง และเชื่อมั่นในอนาคตว่าจะสามารถนำความสำเร็จมาสู่ชีวิตได้ ทำให้เกิดความปรารถนาที่จะเรียนรู้ และประดิษฐ์สิ่งต่างๆ 3. นำไปสู่การปฏิวัติทางภูมิปัญญา (INTELLECTUAL REVOLUTION) ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 อีกด้วย ซึ่งหมายถึงยุคที่ชาวยุโรปกล้าใช้เหตุผลแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมือง การปกครอง ตลอดจนเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคเท่าเทียมกัน เกิดนักปรัชญา ทางการเมืองที่สำคัญ เช่น วอล์แตร์ (VOLTAIRE) และมองเตสกิเออร์ (MONTESQUICU) ซึ่งเป็น พื้นฐานสำคัญทำให้ตะวันตกเข้าสู่ความเจริญในยุคใหม่ คริสต์ศตวรรษที่ 18 จึงได้รับสมญาว่าเป็น ยุคแห่งความรู้แจ้งหรือยุคภูมิธรรม (THE AGE OF ENLIGHTENMENT) อันเป็นความคิดพื้นฐานของ การปกครองระบอบประชาธิปไตยในเวลาต่อมา สาเหตุที่ทำให้เกิดการปฏิวัติวิทยาศาสตร์คืออะไรสาเหตุของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ การสำรวจทางทะเลการปฏิวัติการค้า และการบุกเบิกดินแดนโพ้นทะเล ในคริสต์ศตวรรษที่ 13-16 ทำให้มนุษย์ได้ศึกษาและเรียนรู้ ในสมัยการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ศิลปินต่างๆใช้ลักษณะทางกายภาพมนุษย์มาสร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อให้มีความงดงามตามแบบมนุษย์ที่แท้จริง นอกจากนี้ยุโรปยังสนใจเรียนรู้อารยธรรมกรีกและ ...
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์” เกิดขึ้นในยุคสมัยใดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นในทวีปยุโรประหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16-18 ทำให้มนุษย์สามารถค้นพบวิทยาศาสตร์และเอาชนะธรรมชาติได้ และยังสามารถนำธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เกิดการเรียนรู้และเกิดการพัฒนา ทำให้สังคมชาวตะวันตกสามารถพัฒนาความก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าดินแดนอื่น ๆ ของโลก และกลายเป็นประเทศที่ทันสมัยของโลกจนถึง ...
จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ สาขาใดการปฏิวัติวิทยาศาสตร์เป็นการกำเนิดของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ระหว่างสมัยใหม่ตอนต้น เมื่อพัฒนาการในวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ ชีววิทยา (รวมกายวิภาคศาสตร์มนุษย์) และเคมีเปลี่ยนมุมมองของสังคมและธรรมชาติ การปฏิวัติวิทยาศาสตร์เริ่มต้นในทวีปยุโรปในช่วงปลายสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาและต่อเนื่องตลอดปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 มีอิทธิพล ...
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ก่อให้เกิดผลดีต่อโลกอย่างไรการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ส่งผลอย่างไรต่อโลกตะวันตก
เกิดการเปลี่ยนแปลง ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม การเมือง และทำให้ประเทศต่างๆ เหล่านี้มี “วัฒนธรรมร่วม” ตามตะวันตกไปด้วย ทำให้เกิด “ ยุคภูมิธรรม ” หรือ “ ยุคแห่งการรู้แจ้ง ” ทำให้ชาวตะวันตกเชื่อมั่นในเหตุผล ความสามารถ และภูมิปัญญาของตน
|