นิยาย ธัญ วลัย พระเอก เป็นหน่วยซีล

ตัวละครในเรื่อง 

ตรีทศ ลูกชายของทักษ์ อดีตหัวหน้าทีมซีล 

                 อัคคี หัวหน้าทีมซีล (พระเอกจากเรื่อง อุ่นไอรักนักรบ) 

นักรบ สมาชิกทีมซีล (พระเอกจากเรื่อง ดวงใจนักรบ) 

กล้าหาญ สมาชิกทีมซีล (พระเอกจากเรื่อง เกมล่านักรบ) (กำลังเขียน) 

พีีรพัฒน์ สมาชิกทีมซีล (ยังไม่ได้เขียน) 

เสกสรร ทีมซีล (กำลังเขียน) 

วรัญญ ลูกชายของวิญญ (ยังไม่ได้เขียน) 

ปัน ลูกชายของเสือปืน (พระเอกจากเรื่อง ดวงใจคนเถื่อน) (กำลังเขียน) 

สมาชิกทีมซีลรุ่นพ่อ (เขียนจบแล้ว ครบทุกคน 7 เล่ม 

เวธัส (พระเอกจากเรื่อง หลงรักนักรบ) พ่อของอัคคี 

ทักษ์ หัวหน้าทีมซีล (พระเอกจากเรื่องยอดรักนักรบ) พ่อของตรีทศ 

ขวานฟ้า (พระเอกจากเรื่องขวัญใจนักรบ) พ่อของกล้าหาญ 

นิรุธ (พระเอกจากเรื่องเมียรักนักรบ) พ่อของนักรบ 

พีรดนย์ (พระเอกจากเรื่องหัวใจรักนักรบ) พ่อของพีรพัฒน์ 

วิญญ (พระเอกจากเรื่องยอมใจรักนักรบ) ลุงของอัคคี 

เสือปืน (พระเอกจากเรื่องดวงใจคนเถื่อน ) พ่อของนายปัน 

เนื้อหาในเรื่องนี้จะมีสองเล่มนะคะ  

เล่ม 1 เขียนจบแล้ว (ลบออก)  

สามารถติดตามได้ที่ Ebook ในเมพ หรือ หนังสือได้ทางเพจรังสินีค่ะ  

เนื้อหาที่กำลังอัพอยู่เป็นเนื้อหาในเล่ม 2 ค่ะ 

นิยาย ธัญ วลัย พระเอก เป็นหน่วยซีล

นิยาย ธัญ วลัย พระเอก เป็นหน่วยซีล

21.ต้อนรับนางไม้สู่กองทัพ

                หลังจากที่ผู้การแห่งกรมทหารพรานที่ 35 และผบ.หน่วยซีลเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาพูดอวยพรเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว และเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็กล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานแล้ว เพื่อนของเจ้าบ่าวที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรด้วยก็เลยถือโอกาสนี้แกล้งเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเล็กๆ น้อยๆ ทั้งให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวจูบกัน บอกรักกันก่อนที่เขาจะฉายภาพขึ้นที่จอสกรีนขนาดใหญ่ที่เอาไว้ฉายวีดิโอ เล่าเรื่องราวความรักของเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่ามีที่มายังไง ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ภาพๆ หนึ่ง มันเป็นภาพของเจ้าบ่าวที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ กำลังนั่งซักผ้าอยู่ที่ริมลำธารภายในฐาน และในมือของเขาก็มีเสื้อของผู้หญิงอยู่ คล้ายกับว่าเขากำลังซักเสื้อตัวนี้

                “หมวดนที!” เจ้าบ่าวกัดฟันว่า ไม่คิดว่าลูกน้องจะแกล้งเขาซะแล้ว

                “ภาพนี้ถ่ายโดยผู้หมวดนทีนะครับ ที่มาของภาพเป็นยังไงผมว่าเรามาถามคนที่อยู่ในภาพกันดีกว่า” แล้วพิธีกรก็เดินเข้ามาหาเจ้าบ่าวที่ยืนจ้องผู้หมวดนทีอย่างเอาเรื่องอยู่ สงสัยจะเป็นเขาเสียแล้วที่ต้องเจอนรกก่อนผู้หมวดคณิน สายตาของผู้กองกรันณ์ตอนนี้น่ากลัวเอามากๆ

                “เจ้าบ่าวครับ อธิบายภาพให้แขกในงานฟังหน่อยสิครับ” แล้วพิธีกรที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาก็ได้รับสายตาดุๆ เข้าให้อีกคน

                “อธิบายอะไรครับ ก็แค่ซักผ้า ใครๆ ก็ซักแปลกตรงไหน” เจ้าบ่าวตอบ

                “มันแปลกตรงที่เสื้อผ้าที่ซักเนี่ย มันเป็นเสื้อผ้าของผู้หญิงนะครับ” ราชาวดีแก้มแดงจัด จับมือสามีเอาไว้แน่นอย่างเขินอาย เพราะตอนอยู่ที่ฐานผู้กองกรันณ์จะเป็นคนซักเสื้อผ้าให้เธอบ่อยๆ ถึงเธอจะห้ามเขายังไงเขาก็ไม่ฟังกลัวแต่ว่าเธอจะแพ้ผงซักฟองตลอด มีภาพแบบนี้ออกมามันทำให้เธอรู้สึกอายไม่น้อยที่ทำหน้าที่ของภรรยาได้ไม่ดีพอ

                “ผมว่าให้เจ้าของภาพถ่ายมาอธิบายแทนก็ได้นะครับ” แล้วพิธีกรก็ส่งไมค์ให้กับผู้หมวดนทีทันที เขาจึงรีบวันทยาหัตถ์ขออนุญาตผู้เป็นนายก่อนจะพูด

                “เป็นภาพปกติที่ทุกคนในฐานจะได้เห็นครับ...ผู้กองซักผ้าให้แฟน ตอนนี้แต่งคงได้ซักผ้าให้กันยาวๆ ไปจนแก่เฒ่าแน่ๆ” เขาว่า ทำเอาแขกในงานขำกันอย่างเอ็นดู โดยเฉพาะเพื่อนๆ จากหน่วยซีลของเขาถึงกับหัวเราะลั่น ไม่คิดว่าคนที่แกร่งที่สุดในรุ่นเวลาอยู่กับแฟนจะหงอได้ขนาดนี้ นี่แหละที่เขาว่า อยู่นอกบ้านต่อให้เก่งมากแค่ไหนแต่สุดท้ายก็แพ้เมียอยู่ดี

                “กลัวเมียตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งเลยหรอครับผู้กอง” พิธีกรแซว เจ้าบ่าวก็เลยกอดเจ้าสาวของเขาเอาไว้แน่น

                “ผมแค่ปกป้องดูแลคนรักของผมในแบบของผมต่างหาก” ผู้กองกรันณ์พูดขึ้น “น้องแก้มแพ้ผงซักฟอก เวลาเธอซักผ้าทีมือจะเป็นผื่นแดงแล้วก็จะมีอาการแสบที่มือมาก ผมเห็นแล้วก็อดห่วงไม่ได้ก็เลยเป็นคนซักผ้าให้เธอเอง ผมถือว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นะครับ ถ้าแค่มือเมียตัวเองยังดูแลไม่ได้ แล้วจะมีหน้าไปอาสาปกป้องชายแดนได้ยังไง” คำตอบของเจ้าบ่าวได้ใจแขกในงานไปเต็มๆ หลายๆ คนประทับใจในความรักของเจ้าบ่าวเป็นอย่างมาก

                “แปลว่านับจากนี้ไปผู้กองจะทำหน้าที่ซักผ้าให้เมียตลอดไปใช่มั้ยครับ” พิธีกรถาม

                “ใช่ ตอนนี้ซักผ้าให้เมีย แต่อีกเก้าเดือนข้างหน้าคงต้องซักผ้าอ้อมให้ลูกเพิ่มอีกคน”

                “ฮิ้วววววววว” แขกในงานโห่แซวกันลั่นเมื่อเจ้าบ่าวประกาศว่าจะมีลูกทันทีจนเจ้าสาวอายแล้วก็เขินจัด แอบตีพี่รันของเธอเบาๆ ก่อนที่เขาจะกอดเธอเอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมอย่างแสนรัก

                “สรุปนะครับ แต่งปุ๊บเขาจะมีลูกกันปั๊ม ได้ข่าวมาว่าหลังแต่งงานนี่เจ้าบ่าวลางานเตรียมปั๊มลูกเอาไว้แล้วใช่มั้ยครับผู้การ” พิธีกรหนุ่มหันมาถามผู้บังคับการทหารพราน ผู้บังคับบัญชาของเจ้าบ่าว ซึ่งท่านก็พยักหน้าตอบว่าใช่

                “งั้นก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะครับผู้กอง อีกเก้าเดือนขอให้ได้เห็นว่าที่ซักเนี่ย มีผ้าอ้อมเด็กอยู่ด้วยนะ” พิธีกรหนุ่มพูดติดตลกก่อนจะหันมาทางเจ้าสาวแสนสวยด้วย ซึ่งเจ้าบ่าวกอดเธอเอาไว้ไม่ปล่อยจนน่าหมั่นไส้ อะไรจะรักกันได้อย่างมากมายขนาดนี้

                “เห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวดูรักกันมากขนาดนี้ วันนี้ผมมีคลิปเด็ดมาให้แขกทุกท่านชมครับ ไหนใครอยากเห็นผู้กองกรันณ์ขอสาวแต่งงานบ้างขอเสียงหน่อยครับ!!!” ขอเสียง เสียงก็มาจนราชาวดีอดสงสัยไม่ได้ว่าทหารเรือผู้เป็นพิธีกรอยู่นี่นอกจากเขาจะเป็นทหารแล้วเขายังเป็นศิลปินนักร้องด้วยรึเปล่า เอนเตอร์เทนแขกในงานดีเสียเหลือเกิน

                “แต่ว่า” เขาพูดขึ้นมาอีกเมื่อเสียงในห้องจัดงานเลี้ยงเงียบไป “คิดว่าคนห่ามๆ สายบู๊อย่างผู้กองกรันณ์จะคุกเข่ายื่นช่อดอกไม้ขอสาวแต่งงานหรอครับ ไม่ๆๆ ภาพนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับผู้กองของเราแน่ๆ คลิปนี้ผมได้ดูก่อนหน้านี้แล้ว ถึงในคลิปจะไม่ใช่การคุกเข่าขอคนรักแต่งงานอย่างโรแมนติกเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ แต่คลิปที่ทุกท่านจะได้ชมต่อจากนี้ผมเชื่อแน่ครับว่าทุกท่านก็คงจะรู้สึกเหมือนกันกับผม” พิธีกรหันมามองทางเจ้าสาวอีกครั้ง

                “ในคลิปมันทำให้ผมได้รู้ว่าผู้กองเลือกเจ้าสาวได้ดีมาก อาชีพเสี่ยงตายอย่างพวกเรายากครับที่จะหาคนที่เสียสละมาเคียงคู่ด้วยได้ แต่คุณหมอแก้มก็เลือกที่จะอยู่เคียงข้างผู้กอง ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันทั้งๆ ที่รู้ดีว่าการเป็นเมียทหารตำรวจนั้นเสี่ยงเป็นม่ายสูง แต่คุณหมอแก้มก็ยังเลือกที่จะเสี่ยง ในฐานะคนที่ทำงานให้กับกองทัพ ผมเคารพและนับถือหัวใจของคุณหมอแก้มมากครับ” ว่าจบพิธีกรหนุ่มทหารเรือก็โค้งคำนับให้เจ้าสาวอย่างเคารพและนับถือจริงๆ จนเจ้าสาวต้องรีบถอนสายบัวรับอย่างขอบคุณเช่นกันก่อนที่ไฟในงานจะหรี่ลงแล้วคลิปขอแต่งงานก็ถูกเปิดขึ้น

                ในคลิปมันเป็นเหตุการณ์วันนั้น วันที่ผู้กองกรันณ์แกล้งป่วยหนักจากการปฏิบัติหน้าที่แล้วราชาวดีไม่รู้ คิดว่าเขาป่วยจริงๆ เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร พยายามจะรักษาคนรักแต่ก็รักษาไม่ได้เพราะไม่รู้สาเหตุของอาการที่เขาเจ็บป่วย เธอโทษตัวเองต่างๆ นานาทั้งๆ ที่เป็นหมอดูแลรักษาคนอื่นได้ แต่กลับไม่สามารถรักษาคนรักของตัวเองได้ ทำให้หญิงสาวที่มาร่วมงานหลายๆ คนน้ำตาซึมตามเธอเมื่อเห็นราชาวดีที่อยู่ในคลิปโน้มตัวลงไปกอดคงรักทั้งน้ำตาเอาไว้ปานใจจะขาด

                ‘แก้มขอโทษนะที่ทำให้พี่รันเสียใจมาโดยตลอด ถึงแก้มจะทำให้พี่รันเสียใจแต่พี่รันก็ยิ่งรักแก้ม ยิ่งดีกับแก้มจนหัวใจของแก้มต้องพ่ายแพ้ความดีของพี่ พี่รันอย่าทิ้งแก้มไปนะ ถ้าพี่รันเจ็บหนักแก้มจะคอยอยู่ข้างๆ รักษาพี่รันเอง แก้มจะดูแลพี่รันเหมือนกับที่พี่รันเคยดูแลแก้ม พี่รันเคยถามว่าแก้มพร้อมที่จะเสี่ยงไปกับพี่รันมั้ย แต่งงานกับพี่รันแล้วเสี่ยงเป็นม่ายสูง...แก้มจะบอกพี่รันว่าแก้มยอมเสี่ยง แก้มรักพี่รัน แก้มภูมิใจในตัวคนรักของแก้มคนนี้มาก ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นแก้มก็พร้อมที่จะเสี่ยงและอยู่เคียงข้างพี่รัน ชีวิตนี้แก้มไม่ขออะไรอีกแล้ว แก้มขอแค่ได้รักกับพี่รัน ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแค่นี้ก็พอ พี่รันตื่นขึ้นมาเถอะนะ ตื่นขึ้นมาหาน้องนางไม้นะคะ น้องนางไม้เป็นห่วงพี่ใจจะขาดอยู่แล้ว น้องนางไม้คนนี้จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพี่รันคอยปกป้อง ทั้งชีวิตทั้งหัวใจน้องนางไม้ยกให้พี่รันหมดแล้ว พี่รันตื่นขึ้นมาเถอะนะคะ

                ราชาวดีน้ำตาคลอออกมาเมื่อได้เห็นคลิปนี้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสามี ซึ่งเขาเองก็กำลังก้มลงมามองเธออยู่เช่นกันก่อนจะค่อยๆ ก้มลงมาจูบซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา กดแก้มนวลให้ซุกซบอยู่กับอกแกร่งของเขาด้วยความรักที่มีให้อย่างมากมายล้นใจ ภาพในคลิปต่อมาเป็นตอนที่ผู้กองกรันณ์ยอมตื่นจากการแกล้งป่วยแล้วหยอกล้อกับราชาวดีอย่างหวานซึ้งก่อนที่เขาจะขอให้เธอเป็นเมียของเขาแทนการเป็นแฟน จนราชาวดีถูกกดดันจากหลายๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์และสุดท้ายเธอก็ยอมตกลงแต่งงาน คลิปจึงจบลงที่ภาพของผู้กองกรันณ์ที่แกล้งป่วยอยู่บนเตียงเปลคนไข้แล้วกอดคนรักของเขาเอาไว้แน่น แขกทุกคนในงานตบมือให้อย่างชื่นชมในความรักของเจ้าบ่ายกับเจ้าสาว ถึงแม้ในคลิปเจ้าบ่าวจะดุคนที่ถ่ายคลิปด้วยก็เถอะ แต่ก็นับว่าเป็นคลิปที่ประทับใจใครหลายๆ คนไม่น้อย

                “เป็นยังไงบ้างครับทุกท่าน ถึงจะไม่โรแมนติกแต่ก็อบอวลไปด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่และความเสียสละของคุณหมอแก้มนะครับ ผมเองก็เพิ่งจะทราบนี่แหละครับว่าผู้กองกรันณ์เล่นละครได้แนบเนียนแบบนี้ ถ้าไม่ได้เป็นทหารผมขอแนะนำให้ไปเป็นดารานะครับ รับรองดังแน่ๆ” แขกในงานหัวเราะกับมุขตลกเล็กๆ น้อยๆ ของพิธีกร

                “ตอนนั้นตกใจมากมั้ยครับคุณหมอที่จู่ๆ ก็เห็นผู้กองบาดเจ็บกลับมา” เขาหันมาถามเจ้าสาว ราชาวดีจึงพยักหน้ารับแล้วพูดใส่ไมค์ออกมา

                “ตกใจมากค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าบ่าวอีกครั้ง “พี่รันออกไปทำงานโดยไม่ได้ลาแก้ม หายไปหลายวันติดต่อก็ไม่ได้ แล้วจู่ๆ ก็กลับมาในสภาพอาการบาดเจ็บสาหัสแบบนั้น ที่น่าเจ็บใจคือแก้มไม่สามารถรักษาพี่รันได้ ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยทั้งๆ ที่เป็นหมอแท้ๆ ถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องจริง พี่รันเจ็บหนักจริงๆ แก้มคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต”

                “แล้วถ้าในอนาคตผู้กองต้องกลับมาหาคุณหมอแก้มแบบไม่มีลมหายใจล่ะครับ” คำถามนี้ทำเอาราชาวดีสะอึกไปชั่วครู่เมื่อคิดตาม ก่อนจะมองสามีสุดที่รักของเธออีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ หัวใจของเธอจะทนได้อย่างไรกัน

                “...ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แก้มคง...ทนไม่ได้ แก้มรักพี่รันมาก ไม่มีใครอยากให้คนรักของตัวเองต้องจากไปหรอกนะคะ แก้มไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น แต่แก้มจะไม่ขัดขวางพี่รันในการปฏิบัติหน้าที่ พี่รันรักในการเป็นทหาร พี่รันรักในการทำหน้าที่เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน แก้มภูมิใจในตัวสามีของแก้มมาก ถึงแก้มจะไม่สามารถช่วยงานของพี่รันได้มากมายแต่แก้มก็จะเป็นกำลังใจที่ดีให้พี่รันเสมอ ขอให้พี่รันปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงแก้ม แก้มยอมรับและเข้าใจในหน้าที่ของพี่ดี แก้มจะไม่ทำให้พี่รันต้องเหนื่อยใจกับแก้มเด็ดขาด ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นแก้มก็พร้อมที่จะเสี่ยงไปกับพี่รัน จะอยู่เคียงข้างพี่รันในยามทุกข์และยามสุข จะดูแลพี่รันให้ดีไม่ทอดทิ้งพี่รันไปไหน ให้สมกับที่พี่รันรักแก้ม ดูแลแก้มเป็นอย่างดีมาโดยตลอด” น้ำเสียงของเจ้าสาวสั่นเครือแต่ก็หนักแน่นมั่นคงให้เหล่าทหารและตำรวจภายในงานประทับใจเธอเป็นอย่างมากที่เข้าใจในหน้าที่ของสามีเป็นอย่างดีแม้ว่าเธอจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดเสียเอง ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แสนบอบบางแต่หัวใจของเธอกลับยิ่งใหญ่นัก

                “แต่แก้มไม่คิดว่าพี่รันจะเป็นอะไรไปหรอกนะคะ พี่รันของแก้มเป็นคนเก่ง ทุกครั้งที่พี่รันออกไปทำงาน แก้มเชื่อเสมอว่าพี่รันจะต้องกลับมาหาแก้มอย่างปลอดภัยแน่นอน แก้มเชื่อมั่นและเชื่อใจในตัวพี่รันค่ะ แล้วก็...ถึงชีวิตของพี่รันจะเป็นของประเทศชาติแต่ว่าหัวใจของพี่รันต้องเป็นของแก้มคนเดียวเท่านั้นนะคะ ถ้าเป็นเรื่องงานและหน้าที่แก้มยอมให้พี่รันทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น แก้มไม่ยอมแน่ๆ ค่ะ แก้มรักของแก้มมาก แก้มหวง” ความน่ารักของเจ้าสาวทำให้เจ้าบ่าวซาบซึ้งใจยิ่งนัก ยิ่งเธอบอกว่าเธอรักเขามากและหวงเขาต่อหน้าแขกทุกคนในงานเขาก็ยิ่งมีความสุข รู้สึกภูมิใจที่น้องนางไม้รักเขาได้มากมายถึงเพียงนี้ พ่อของเขาที่นั่งอยู่ด้านหน้าเวทียกนิ้วให้เขาทันทีที่เขาหาเมียได้น่ารักและมีเหตุผลแบบนี้ แบบนี้ชีวิตคู่ในอนาคตของเขาต้องมีแต่ความสุขแน่ๆ

                “ชมรมคนกลัวเมียยินดีต้อนรับครับผู้กอง!” ตำรวจนายหนึ่งที่นั่งอยู่กับภรรยาตะโกนบอกพาให้แขกในงานหัวเราะตาม ผู้กองกรันณ์จึงหันมามายิ้มหวานให้น้องนางไม้แสนน่ารักของเขา

                “พี่สัญญาครับว่าจะไม่เกเรกับแก้ม มีเมียเป็นหมอผ่าตัดเก่งแบบนี้ ขืนเกเรด้วยพี่ได้โดนเมียจับแยกชิ้นส่วนแน่ๆ ถึงพี่จะไม่กลัวโจรผู้ร้าย แต่ถ้าเป็นเมียคนสวยของพี่...ขอบอกเลยว่ากลัวมาก”

                “เอาน่าผู้กอง คนกลัวเมียได้ดีทุกคน เชื่อผม” พิธีกรหนุ่มว่า ก่อนที่เจ้าบ่าวจะก้มลงมาจูบเจ้าสาวของเขาอย่างแสนหวาน แต่คงเพราะเจ้าบ่าวอยากจะเข้าหอมากเขาเลยจูบเจ้าสาวเสียนานจนผู้เป็นเพื่อนที่ทำหน้าที่พิธีกรต้องเข้ามาดึงเจ้าบ่าวออกจากเจ้าสาว อะไรมันจะรักเมียหลงเมียขนาดนั้นกันล่ะเนี่ย

                พิธีลอดซุ้มกระบี่นายร้อยเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์และทรงเกียรติมากสำหรับเจ้าสาวและยังมีความหมายดีๆ อีกคือแสดงถึงความพร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันไม่ว่าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมายแค่ไหนก็จะฝ่าฟันไปด้วยกันให้ได้ และยังเป็นการต้อนรับเจ้าสาวสู่การเป็นภรรยาของนายทหารแห่งกองทัพอย่างเป็นทางการด้วย เมื่อถึงเวลาเริ่มพิธีผู้ถือกระบี่ที่ล้วนแต่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าวรวมถึงรุ่นพี่และรุ่นน้องที่เรียนโรงเรียนนายร้อย จปร. มาด้วยกันก็เดินเรียงแถวอย่างพร้อมเพรียงมาหยุดเป็นคู่ๆ จำนวน 9 คู่ที่พรมดอกไม้อันเชื่อมไปยังลานดอกไม้ที่ตั้งของเค้กแต่งงาน

                ผู้ถือกระบี่ทุกคนแต่งการด้วยชุดขาวนายทหารติดยศและสวมถุงมือสีขาว ก่อนที่นายทหารหนึ่งในนั้นจะสั่งให้ทำการยกกระบี่ทำความเคารพคู่บ่าวสาว เจ้าบ่าวจึงโค้งคำนับและเจ้าสาวก็ถอนสายบัวตอบอย่างเคารพเช่นกัน เมื่อมีคำสั่งจากนายทหารคนเดิมให้ชูกระบี่ กระบี่นายร้อยทั้ง 9 คู่ก็ค่อยๆ ชูขึ้นในแนวเฉียงก่อนจะเป็นซุ้มทีละคู่ กระบี่ที่ถือว่าเป็นของสูง สัญลักษณ์แสดงถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ที่มากด้วยทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีของนายทหารถูกชูขึ้นฟ้า ปลายกระบี่ของแต่ละคู่ชนกันอย่างพอดีโดยหงายคมของกระบี่ขึ้น ผู้กองกรันณ์หันมายิ้มอย่างแสนรักให้กับราชาวดีก่อนจะค่อยๆ พาเธอเดินลอดซุ้มกระบี่โดยมีเธอเดินจับมือควงแขนของเขาเอาไว้ สาวๆ ที่มาร่วมงานต่างก็พากันใฝ่ฝันที่จะได้เดินลอดซุ้มกระบี่แบบนี้บ้างโดยเฉพาะหมอเอื้อยที่ยังกอดแขนผู้พันคีรินทร์เอาไว้แน่น ราชาวดียิ้มหวานน้ำตาคลอเมื่อยามเงยหน้าขึ้นมองสามี ทุกๆ ก้าวที่เขาพาเธอเดินแม้จะเป็นการเดินช้าๆ แต่ก็หนักแน่นราวกับจะบอกว่าชีวิตคู่ของเขาจะเธอที่เริ่มเดินด้วยกันนับจากนี้จะหนักแน่นและมั่นคงเสมอ และด้วยชายกระโปรงเจ้าสาวที่ยาวลากพื้นทำให้เจ้าบ่าวต้องคอยประคองเจ้าสาวของเขาเอาไว้อย่างทะนุถนอมจนกระทั่งมาถึงซุ้มกระบี่คู่สุดท้าย ซึ่งเป็นผู้หมวดคณินและผู้หมวดนที ทั้งสองคนจึงค่อยๆ ลดกระบี่ลงมาพร้อมกันโดยเฉลียงลงพื้นกั้นไม่ให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเดินผ่านไป ผู้กองกรันณ์จึงก้มลงมาจูบเจ้าสาวของเขาเบาๆ และแสนหวาน ผู้หมวดทั้งสองจึงชูกระบี่ขึ้นสูงตามเดิมเพื่อให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเดินผ่านไปได้

                “ยินดีต้อนรับสู่กองทัพครับ คุณหมอราชาวดี” ผู้กองกรันณ์หันมาพูดกับเจ้าสาวของเขาเพื่อเป็นการต้อนรับเธอสู่กองทัพและการเป็นภรรยาของนายทหารอย่างเขาอย่างเป็นทางการ ก่อนที่เขาจะประคองเธอมายังเชิงเทียนเพื่อจุดเทียนมงคลสมรสสีขาวทั้งสามเล่มร่วมกันเป็นการบ่งบอกว่าเขาและเธอพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกันแล้ว

                จากนั้นท่านนายพลปภพก็ส่งกระบี่นายร้อยของเจ้าบ่าวเองมาให้สำหรับใช้ในการตัดเค้กแต่งงาน เค้กแต่งงานทั้งเจ็ดชั้นถูกตัดอย่างบรรจงด้วยปลายกระบี่ของเจ้าบ่าว ซึ่งตอนที่ตัดเค้กได้มีการเปิดเครื่องทำฟองสบู่ด้วย ภาพที่ได้จึงออกมาสวยงามและโรแมนติกไม่น้อย และเมื่อตัดเค้กเสร็จเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็จะกินขนมเค้กชิ้นเดียวกันซึ่งถือว่าเป็นอาหารมื้อแรกของการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่

                “อร่อยจัง” ราชาวดีที่ชอบเค้กอยู่แล้วว่าเมื่อเจ้าบ่าวของเธอป้อนเค้กให้

                “แน่นอน จากร้านขนมเจ้าดัง...”

                “อร่อยเพราะคนป้อนคือพี่รันค่ะ” เธอว่าขึ้นอีกอย่างเขินๆ เจ้าบ่าวจึงยิ้มแป้นแล้วก้มลงมาใช้ปากเล็มคราบครีมเค้กที่เลอะริมฝีปากบางให้เธอพร้อมๆ กับเสียงชัตเตอร์ที่ดังระรัว

                “มึงจะจูบน้องกูบ่อยเกินไปแล้วนะไอ้รัน” ผู้พันคีรินทร์อดว่าขึ้นไม่ได้ หมอเอื้อยจึงหันมามองหน้าเขา

                “อ้าว ก็เขาเป็นผัวเมียกันจูบกันไม่เห็นจะแปลกเลย ผู้พันสิแปลก น้องสาวแต่งงานแล้วยังหวงไม่เลิก ชาตินี้จะมีเมียกับเขามั้ยล่ะเนี่ย”

                “มันเรื่องของฉัน”

                “อย่าทำเป็นพูดดีไป แฟนก็ยังไม่มีระวังแก่ไปจะไม่มีใครดูแล เอาอย่างนี้ดีมั้ยคะ เดี๋ยวฉันจะเป็นเจ้าสาวให้ผู้พันเอง งานแต่งของฉันเอาพิธีลอดซุ้มกระบี่แบบยัยแก้มด้วยนะคะ ระดับผู้พันเอาเค้ก 9 ชั้นไปเลยค่ะ”

                “ฉันไม่แต่งงานกับแรด”

                “ผู้พัน!!!” หมอเอื้อยแหวขึ้นทันทีแล้วทุบอกอีกฝ่ายเข้าให้ แต่คิดว่าเธอจะน้อยใจกับคำพูดของเขาหรอ หึ ไม่มีทาง

                “ซักวันจะได้เมียเป็นแรด”

                “เธอจะวิ่งเอานอมาชนฉันหรอ”

                “ผู้พันต่างหากที่จะต้องเอานอของตัวเองมาชนฉัน”

                “ฉันไม่ใช่แรด...เดี๋ยวนะ!” พอลองทวนความหมายที่หมอเอื้อยสื่อผู้พันหนุ่มก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ยัยหมอบ้านี่ กล้าดียังไงมาพูดเรื่องใต้สะดือกับผู้ชายโต้งๆ แบบนี้ นี่เขาเผลอปล่อยน้องสาวเอาไว้กับคนแบบนี้ได้ยังไงตั้งหลายปี

                “พี่ภู เค้กค่ะ” ราชาวดีเดินเข้ามาหาเมื่อเธอกับเจ้าบ่าวต้องเอาเค้กที่ตัดมามอบให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ หลังจากที่เพิ่งจะเอาเค้กไปให้พ่อกับแม่ของสามีมารวมถึงท่านผบ.ทบ. ประธานของงานและผู้บังคับบัญชาของสามีแล้ว

                “แก้มไม่ต้องห่วงผู้พันเขาแล้วนะ เนี่ย พอแก้มแต่งกับพี่ปุ๊บผู้พันก็มีคุณหมอคนใหม่มาดูแลปั๊บ” ผู้กองกรันณ์แซวขึ้นเมื่อเห็นหมอเอื้อยกอดแขนผู้พันคีรินทร์เอาไว้แน่นโดยที่อีกฝ่ายได้แต่มองตามอย่างสยองๆ

                “งั้นพี่ภูกับเอื้อยก็กินเค้กชิ้นเดียวกันก็แล้วกันนะ”

                “ไม่” ผู้พันคีรินทร์ตอบน้องสาว

                “แรดเป็นสัตว์กินพืช เพื่อนแก้มกินเค้กเหมือนคนอื่นไม่เป็นหรอก”

                “พี่ภู” ราชาวดีว่า “อย่าว่าเพื่อนแก้มนะ”

                “หึ” เขาแสยะยิ้มใส่หญิงสาวอีกคนที่ตอนนี้กอดอกงอนเขาแล้ว

                “ฉันไม่กินเค้กแล้วก็ได้ ไปคุยกับผู้หมวดไกรจักรต่อดีกว่า” แล้วพอหมอเอื้อยจะเดินไปทางนายตำรวจหนุ่ม ผู้พันคีรินทร์ก็ดึงแขนเธอเอาไว้ก่อนจะยัดเค้กใส่ปากเธอทันทีอย่างไม่สนว่าเค้กจะเลอะหน้าสวยๆ ของอีกฝ่าย

                “ให้กินด้วยก็ได้” เขาว่า ราชาวดีจึงรีบส่งกระดาษเช็ดหน้าให้เพื่อนรักของตัวเอง

                “ผู้พันหมาบ้า!!! แกล้งฉัน”

                “ระวังจะถูกหมากัดนะ” เขาว่ากลับ หมอเอื้อยเลยงอนเดินหนีไปจริงๆ ทิ้งผู้พันคีรินทร์ให้หัวเราะชอบใจอยู่คนเดียว

                “ไม่ไปง้อหรอครับ” ผู้กองกรันณ์บุ้ยหน้าไปทางหมอเอื้อย

                “ง้อทำไม ไม่ใช่เรื่อง” ผู้พันคีรินทร์ว่าก่อนจะลูบผมน้องสาวอย่างเอ็นดูแล้วเดินไปหาเพื่อนๆ ของเขา ราชาวดีเลยได้แต่ถอนหายใจ พี่ชายของเธอชาตินี้นอกจากเธอเขาจะรักใครเป็นมั้ยล่ะเนี่ย น่าเป็นห่วงจริงๆ เลย

                ขวัญตาที่อยู่กับคุณหญิงป้าของเธอมาโดยตลอดอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อเห็นพี่หมอแก้มของตนกำลังจะโยนช่อดอกไม้เจ้าสาว มีสาวๆ มากมายที่รอรับช่อดอกไม้อยู่ด้านหน้าเวที แต่เธอยังเด็ก แฟนก็เพิ่งจะบอกเลิกไปเลยไม่กล้าวิ่งเข้าไปรับช่อดอกไม้กับคนอื่นๆ คุณหญิงกรกชที่เห็นหลานสาวได้แต่มองช่อดอกไม้ในมือเจ้าสาวก็เลยบอกให้เธอไปรอรับช่อดอกไม้กับสาวๆ ในงานบ้าง รู้สึกว่าวันนี้แม่หลานสาวจอมแก่นของตัวเองดูจะซึมๆ ไป ขนาดผู้เป็นพี่ชายเดินเข้ามาแกล้งเอาเค้กแต่งงานป้ายหน้าเธอก็ยังไม่โวยวายเลย เหมือนกับมีเรื่องอะไรให้ต้องเศร้าใจนักนี่แหละ

                “มา เดี๋ยวพี่ประคอง” ผู้กองกรันณ์เข้ามาประคองเจ้าสาวของเขาเอาไว้เมื่อเธอจะโยนช่อดอกไม้ให้เพื่อนๆ ก่อนที่ราชาวดีจะโยนช่อดอกไม้เจ้าสาวไปด้านหลังซึ่งมีสาวๆ รอรับอยู่ ขวัญตาที่อยากได้ช่อดอกไม้เจ้าสาวจึงรีบวิ่งมารับช่อดอกไม้ที่ถูกโยนมาทางเธออย่างพอดิบพอดีแต่ทว่า...

                ควับ! ตุ๊บ! เธอล้มลงไปกับพื้นจังๆ เมื่อชนเข้ากับร่างสูงของใครบางคน ซ้ำเขายังเป็นคนรับช่อดอกไม้ที่ถูกโยนมาทางนี้ได้อย่างพอดิบพอดีอีก

                “โอ๊ย! ตาแก่นี่อีกแล้ว” ขวัญตาว่าขึ้นมาอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นผู้หมวดคณินยืนอยู่ตรงหน้า “ตัวเองเป็นผู้ชายเรื่องอะไรมาแย่งดอกไม้กับสาวๆ”

                “ไม่ได้จะมาแย่งดอกไม้ แค่เดินผ่านมาทางนี้พอดีแต่ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้วิ่งเข้ามาชนอีกแล้ว” ว่าจบเขาก็นั่งยองๆ ลงมาข้างๆ เธอก่อนจะยื่นช่อดอกไม้เจ้าสาวที่รับได้ด้วยความบังเอิญให้กับเธอเมื่อเด็กสาวยังคงนั่งหน้างออยู่กับที่

                “อยากได้หรอ อ่ะให้” เขาบอก ขวัญตาเลยเชิดหน้าใส่ ทั้งๆ ที่มีสาวๆ จำนวนไม่น้อยอิจฉาเธออยู่ที่มีผู้หมวดรูปหล่อในชุดเครื่องแบบพร้อมกระบี่นายร้อยมานั่งยองๆ อย่างสง่างามยื่นช่อดอกไม้ให้แบบนี้

                “ไม่เอาหรอ เออดี ยังเด็กอยู่ก็ไม่รู้จะเอาไปทำไมเนาะ” ผู้หมวดคณินว่า “ว่ากันว่าคนที่รับช่อดอกไม้เจ้าสาวได้จะเป็นรายต่อไปที่จะได้แต่งงานแต่ว่า...หนูเพิ่งเลิกกับแฟนไปนี่ ยังเรียนไม่จบด้วยงั้นดอกไม้ก็ไม่ต้องเอานะ” ว่าจบปุ๊บขวัญตาก็รีบแย่งเอาช่อดอกไม้ไปจากมือของเขาทันทีเมื่อเขาทำท่าจะไม่ให้เธอแล้ว ผู้หมวดคณินจึงยิ้มให้อย่างเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับไปหาเพื่อนๆ ของเขาโดยไม่รู้ตัวว่าคนหวงน้องสาวที่ยืนอยู่กับเจ้าสาวของเขากำลังจับตามองอยู่ รู้สึกแปลกๆ กับทั้งสองคน ไม่รู้ว่าไปสนิทกันตอนไหน

                “พี่รันเป็นอะไรคะ หน้ามู่ทู่เชียว” ราชาวดีที่สังเกตเขาอยู่สักพักใหญ่ๆ ถามขึ้นขณะที่โยกตัวไปมาอยู่กลางฟลอเต้นรำกับเขา ก่อนที่จะมีแขกคู่อื่นๆ เข้ามาร่วมเต้นรำด้วย

                “กำลังคิดเรื่องยัยขวัญ”

                “น้องขวัญทำไมหรอคะ” น้องสาวเขาวันนี้ก็เรียบร้อยดีนี่นา ไม่ได้ดื้อได้ซนเหมือนทุกที

                “ยัยขวัญมีอะไรแปลกๆ กับผู้หมวดคณิน” อ้อ อาการหวงน้องกำเริบ เธอเองก็มีพี่ชาย เธอรู้อาการนี้ดี

                “พี่รันคิดมากไปได้ สองคนนี้เขาอายุห่างกันตั้งเยอะนะคะไม่มีอะไรหรอก ผู้หมวดคงแค่เอ็นดูตามประสาผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กมั้งคะ”

                “แต่พี่ว่ามันแปลกๆ ชอบกล” เขาว่าอีก ราชาวดีจึงยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มของเขาเบาๆ

                “หวงน้องสาวเหมือนพี่ภูเลย ถ้ามีลูกสาวคงได้หวงหนักกว่านี้แน่ๆ” เธอว่ายิ้มๆ แล้วซบอกเขาขณะที่ยังเต้นรำอยู่ด้วยกัน ซึ่งพอได้ยินเธอพูดถึงเรื่องลูกเขาก็ต้องยิ้มออกมา

                “แก้มอยากได้ลูกสาวหรอ งั้นเดี๋ยวคืนนี้พี่จะทำให้”

                “กำหนดได้ด้วยคะว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ไหนพี่รันเคยบอกว่าอยากได้ลูกชายแล้วก็อยากให้เป็นทหารไงคะ”

                “ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ แต่ความจริงจุดประสงค์ของคืนนี้ไม่ใช่การทำลูก แต่เป็นทำให้แก้มเป็นเมียพี่อย่างมีความสุขมากๆ ต่างหาก อืม...อีกสองชั่วโมงเข้าหอ คงต้องหาสับปะรดกินซะแล้วสิ” เขามองนาฬิกาก่อนจะมองไปทางโซนอาหารเลี้ยงแขก

                “เกี่ยวอะไรกับสับปะรดคะ”

                “อ้าว เป็นหมอยังไงไม่รู้เรื่องนี้ ไม่รู้หรอว่ามันจะทำให้หวานอร่อย”

                “อะไรหวานอร่อยคะ” ราชาวดียังไม่เข้าใจ “พี่รันหิวหรอคะ งั้นไปทานอะไรก่อนดีมั้ย” แล้วเจ้าบ่าวของเธอก็หัวเราะออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เฮ้อ! เธอเก่งเรื่องผ่าตัดแต่ไม่เก่งเรื่องเพศศึกษาหรอเนี่ย คืนนี้คงต้องสอนกันยาวแน่ๆ ตื่นเต้นเป็นบ้า ไม่เคยนอนกับผู้หญิงที่ไหนแล้วตื่นเต้นเหมือนเมียตัวเองเลย แต่ถ้าเขาจะไปกินสับปะรดตอนนี้เพื่อนๆ ของเขาได้ล้อกันตายแน่ๆ

                แล้วในระหว่างที่ผู้กองกรันณ์กำลังคิดถึงเรื่องสับปะรดอยู่ จู่ๆ ผู้พันคีรินทร์ก็เดินหน้าเครียดเข้ามาหาเขาทันทีจนเขาต้องเลิกคิดถึงเรื่องสับปะรดไป เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวมองหน้ากันทันทีเมื่อเห็นผู้พันหนุ่มหน้าเคร่งเครียด เขามองน้องสาวอย่างสงสารก่อนจะมองน้องเขยอย่างหนักใจ

                “รัน ที่ฐานเกิดเรื่อง ผู้การเพิ่งได้รับแจ้งเมื่อกี้นี้” สิ่งที่ผู้พันคีรินทร์บอกทำให้ราชาวดีใจไม่ดีเลย งานแต่งงานของเธอผ่านไปอย่างราบรื่นมาตลอดทั้งวัน เธอกำลังมีความสุขอยู่กับสามีของเธอ กำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะให้เขาพาไปเที่ยวที่ไหนแต่แล้วทำไมถึงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ขอเถอะนะ ขออย่าให้มีอะไรร้ายแรงเลย

                ภายในห้องรับรองข้างห้องจัดงานเลี้ยง ทหารพรานของกรมทหารพรานที่ 35 ต่างก็อยู่พร้อมหน้ากันทุกคนรวมทั้งเจ้าบ่าวด้วย เมื่อครู่ที่ผ่านมาผู้บังคับการได้รับแจ้งว่าที่ฐานปฏิบัติการที่อยู่ภายใต้ความดูแลของผู้กองกรันณ์ถูกลอบโจมตีโดยคนร้ายได้เผาทำลายอาคารไปหลายหลัง มีอาสาสมัครทหารพรานที่อยู่เฝ้าฐานบาดเจ็บ นอกจากนี้ฐานใกล้เคียงที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาก็โดนด้วยเหมือนกัน แต่ไม่มีใครทราบได้แน่ชัดว่ากองกำลังติดอาวุธที่ลอบเข้ามานั้นเป็นพวกไหน แต่โชคดีคือทหารพรานส่วนหนึ่งออกลาดตระเวนไม่มีใครอยู่ที่ฐาน อีกส่วนก็มาร่วมงานแต่งที่กรุงเทพฯ คนที่อยู่เฝ้าฐานจึงมีไม่มาก และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ที่ทำให้ฐานถูกลอบโจมตีได้อย่างง่ายดาย

                “ตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกมันจะกลับมาโจมตีซ้ำอีกรึเปล่า แต่ผมได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมที่นั่นบางส่วนแล้ว และผมก็คงจะต้องกลับแม่สอดคืนนี้เลย” ผู้บังคับการพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียดเพราะเป็นห่วงในสถานการณ์

                “ผมจะกลับไปพร้อมผู้การด้วยครับ” ผู้พันคีรินทร์ว่า ซึ่งแน่นอน พอได้ยินว่าผู้พันจะกลับแม่สอด ทหารพรานคนอื่นๆ ก็ต้องกลับไปพร้อมกันหมดนี่ หากเป็นเวลาอื่นผู้กองกรันณ์คงจะไม่รอช้ารีบอาสากลับไปที่แม่สอดก่อนใครๆ แต่ตอนนี้...

                “ได้ ผมจะไปด้วย” พอได้ยินคนเป็นเจ้าบ่าวพูดแบบนี้ทุกคนก็ได้แต่มองเขาอย่างเห็นใจ ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันงานแต่งของเขา เขากำลังมีความสุขอยู่กับเจ้าสาวของเขา ยังไม่ทันจะได้เข้าหอเลยแต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน

                “เดี๋ยวผู้กองค่อยตามไปก็ได้ เพิ่งจะแต่งงาน...”

                “ผู้การจะกลับแม่สอดกี่ทุ่มครับ” ผู้กองกรันณ์ถามขึ้นอย่างไม่รอฟังให้จบ ผู้บังคับการกับผู้พันคีรินทร์จึงหันมามองหน้ากัน

                “ดีที่ท่านผบ.ทบ.อยู่ในงานนี้ด้วย พอผมแจ้งท่านไปท่านเลยจะให้เฮลิคอปเตอร์ไปส่งพวกเราถึงที่ฐานด่วน เครื่องพร้อมออกตอนสี่ทุ่ม”

                สี่ทุ่ม...ผู้กองกรันณ์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว

                “เวลาเข้าหอสี่ทุ่มพอดี” ผู้พันคีรินทร์ว่าขึ้น ทุกคนที่ประชุมกันอยู่ก็ยิ่งให้เห็นใจเจ้าบ่าวยิ่งนัก แต่คนเป็นเจ้าบ่าวกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายใดๆ

                “ฐานก็ฐานของผม คนที่บาดเจ็บก็ลูกน้องผม แล้วจะให้ผมเข้าหอทั้งๆ ที่ทุกคนกำลังเสี่ยงอันตรายอยู่ผมทำไม่ได้หรอก หน้าที่ก็คือหน้าที่ผู้พัน” ว่าจบเจ้าบ่าวก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงขึ้นทันทีก่อนจะหันไปทางผู้บังคับการ

                “สี่ทุ่มตรงผมจะกลับแม่สอดไปพร้อมผู้การครับ” น้ำเสียงของเขาแน่วแน่และมั่นคงก่อนจะเดินออกมาจากห้องรับรองให้ทุกคนที่อยู่ประชุมพากันถอนหายใจออกมาอย่างเห็นใจเขานัก ผู้กองกรันณ์รักเจ้าสาวของเขามากแค่ไหนทุกคนรู้ดี คนโหดและเถื่อนอย่างเขาน่ากลัวสำหรับทุกคน แต่กับคนรักของเขา เขากลับอ่อนโยนกับเธอได้ราวกับเป็นคนละคน ซักผ้าทำงานบ้านช่วยหญิงสาว เอาอกเอาใจสารพัด แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่เคยทอดทิ้งหน้าที่ของเขา ก็อย่างที่เจ้าสาวของเขาพูดบนเวที หัวใจของเขาเป็นของเธอก็จริง แต่ชีวิตของเขาเป็นของประเทศชาติ

****************************************************************************************************

แง้!!! สงสารพี่รันอ่ะ เตรียมจะเข้าหอเต็มที่แล้วเชียว

แล้วนี่จะไปบอกน้องนางไม้ยังไงว่าพี่ต้องไปทำหน้าที่แล้ว...

ใครมีแฟนเป็นทหาร ตำรวจแล้วเจอสถานการณ์คล้ายๆ แบบนี้บ้างคะ เล่าสู่กันฟังได้เด้อ

ปล.พรุ่งนี้อาจมาดึกมากนะคะ แต่มาแน่นอนค่ะ