สังคมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลที่ ๑ - ๓ พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๙๔) Show
๓. ขุนนาง คือ กลุ่มบุคคลที่รับราชการแผ่นดิน มีศักดินา ยศ ราชทินนาม และตำแหน่งเป็นเครื่องชี้บอกถึงอำนาจและเกียรติยศ ยศของขุนนางมี ๘ ลำดับ ได้แก่ พัน หมื่น ขุน หลวงพระ พระยา เจ้าพระยา และสมเด็จเจ้าพระยา
๖. ทาส คือ กลุ่มคนที่มีฐานะต่ำสุดในสังคมไทย ไม่มีกรรมสิทธิ์ในชีวิตของตนเอง มีหน้าที่รับใช้แรงงานให้นายโดยไม่ได้รับค่าจ้างตอบแทน นายเงินเจ้าทาสจะลงโทษแต่ห้ามมิให้ถึงตาย ทาสมีศักดินาได้ ๕ ไร่ ทาสเพิ่มจำนวนขึ้นมากส่วนใหญ่เกิดจากการมีหนี้สินจนต้องขายตัวเอง หรือบุตรภรรยาลงเป็นทาส เช่น ได้รับอนุญาตจากนายเงินเจ้านายของทาสให้บวชเป็นพระสงฆ์ หรือตกเป็นภรรยาและลูกกับเจ้าของทาส ลักษณะสังคมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ยุคปรับปรุงประเทศ สมัยรัชกาลที่่ ๔อังกฤษได้ส่งทูตมาเจรจาทำสัญญากับไทยคือ เซอร์ จอห์น เบาว์ริ่ง เรียกว่า สนธิสัญญาเบาว์ริ่ง ซึ่งทำให้ฝ่ายไทยต้องเสียเปรียบฝ่ายอังกฤษอยู่หลายประการ จึงมีผลให้ไทยต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมประเพณีชีวิตความเป็นอยู่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว สมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงปฏิรูปสังคมให้ทันสมัยหลายด้าน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
ทรงปฏิรูปการศึกษาต่อมา เช่น การประกาศพระราชบัญญัติประถมศึกษาปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ซึ่งเป็นการบังคับให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา การเปลี่ยนแปลงทางสังคมไทยในสมัยประชาธิปไตย ศิลปวัฒนธรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม นอกจากนี้ยังให้จัดสร้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงสนพระทัยในการก่อสร้างและตกแต่งตึกรามต่าง ๆ โปรดให้สร้าง "สวนขวา" ขึ้นในพระบรมมหาราชวัง พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม แต่สร้างสำเร็จในสมัยรัชกาลที่ ๓ รัชกาลที่ ๓ทรงสร้างวัดเทพธิดา วัดราชนัดดา วัดบวรนิเวศวิหาร วัดกัลยาณมิตร และวัดประยูรวงศ์ นอกจากนี้ให้สร้างเรือสำเภาซึ่งก่อด้วยอิฐที่วัดยานนาวา ๒. ด้านประติมากรรม พระองค์มิใคร่จะได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธรูปสัมฤทธิ์โบราณที่ทิ้งไว้ทรุดโทรมที่เมืองเหนือลงมาบูรณะปฏิสังขรณ์ถึง ๑,๒๐๐ องค์เศษ รัชการที่ ๒พระพุทธรูปมักมุ่งเอาความสวยงามทางลวดลาย รัชการที่ ๓เครื่องประดับของพระพุทธรูปเป็นหลัก ๓. ด้านจิตรกรรม พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร วัดระฆังโฆษิตาราม รัชกาลที่ ๓ภาพเขียนพระอุโบสถ และพระวิหารวัดสุทัศน์เทพวรารามและในพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม กรุงเทพฯ
๔. ด้านประณีตศิลป์ ๕. ด้านนาฏศิลป์ รัชกาลที่ ๑ ส่งเสริมทางด้านการดนตรีและการฟ้อนรำ มีการจัดตั้งโขนทั้งวังหลวง และวังหน้าของตนเอง ทรงโปรดการฟ้อนรำอย่างโบราณของไทยเป็นอันมาก ทั้งโขนและละคร ทรงปรับปรุงจังหวะแทละท่ารำต่าง ๆ ด้วยพระองค์เอง รัชกาลที่ ๓พระองค์ไม่ทรงโปรดให้มีการแสดงละครภายในพระบรมมหาราชวัง แต่ก็มีผู้มีฐานะมีตระกูลให้ความสนใจกับศิลปะประเภทนี้ ๖. ด้านวรรณกรรม รัชกาลที่ ๑ทรงสนพระทัยในด้านวรรณคดี เช่น รามเกียรติ์ และแปลวรรณกรรมต่างชาติมาเป็นภาษาไทย เช่น สามก๊ก และราชาธิราช รัชกาลที่ ๒เป็นยุคทองของวรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ งานพระราชนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ บทละครเรื่องอิเหนา รัชกาลที่ ๓พระองค์ทรงสนับสนุนวรรณคดีทางศาสนาและประวัติศาสตร์ พระองค์ทรงสนับสนุนการแปลและเรียบเรียงวรรณคดีของประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา เช่น เรื่อง "มิลินทปัญญา" การเปลี่ยนแปลงศิลปวัฒนธรรมสมัยรัชกาลที่ ๔ สถานที่ราชการและพระราชวังเริ่มนิยมสร้างแบบศิลปะตะวันตก เช่น พระราชวังสราญรมย์ และพระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี จิตรกรสมัยนี้เริ่มเขียนภาพเหมือนจริง มีแรเงา และมีรูปทรงความลึก ความกว้าง ตามแบบศิลปะตะวันตก จิตรกรคนแรกที่เขียนภาพแบบนี้คือ พระภิกษุ "ขรัวอินโข่ง" แห่งวัดราชบูรณะ รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้ต่อเรือพายพระที่นั่ง "อนันตนาคราช" โดยหัวเรือทำเป็นพญานาคเจ็ดเศียร โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนแปลงประเพณีบางอย่างที่ล้าสมัย เช่น ทรงอนุญาตให้ชาวต่างประเทศนั่งเก้าอี้เวลาเข้าเฝ้าและแสดงความเคารพโดยการถวายคำนับ และทรงประกาศให้เจ้านายและขุนนางสวมเสื้อเวลาเข้าเฝ้า เป็นต้น การปรับปรุงศิลปวัฒนธรรมให้ทันสมัยในสมัยรัชกาลทีี่ ๕ ผลงานที่สำคัญ คือ พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นศิลปะแบบตะวันตกสร้างด้วยหินอ่อน และพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ก่อสร้างเป็นตึกมีลักษณะเป็นศิลปแบบไทยผสมกับตะวันตก
โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง "หอพระสมุดวชิรญาณ" เป็นสถานที่เก็บรวบรวมหนังสือและเอกสารต่าง ๆ ซึ่งได้พัฒนามาเป็นหอสมุดแห่งชาติในปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ มีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับยุคสมัย เช่น ยกเลิกประเพณีหมอบคลานเวลาเข้าเฝ้าของเจ้านายและขุนนางไทย แต่ให้ยืนหรือนั่งเก้าอี้ตามแบบชาวตะวันตก ยกเลิกผมทรงมหาดไทยของข้าราชการชายในราชสำนัก แต่ให้เปลี่ยนมาไว้ผมทรงสากลแบบฝรั่ง ยกเลิกการนุ่งผ้าโจงกระเบนของข้าราชการฝ่ายทหารทุกกรมกรอง แต่ให้สวมกางเกงขายาว สวมถุงเท้าและรองเท้า
เป็นเครื่องแบบทหารตามแบบอย่างทหารในยุโรป โปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราชที่มีมาแต่เดิมและทรงสถาปนาตำแหน่ง "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร" ขึ้นแทน การปรับปรุงศิลปวัฒนธรรมให้ทันสมัยรัชกาลที่ ๖ รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธ์งานวรรณกรรมไว้หลายประเภท เช่น บทละคร
(เวนิสวาณิช) และงานค้นคว้าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี เป็นต้น มีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยตามแบบอย่างชาติตะวันตก เช่น
การเปลี่ยนแปลงด้านประเพณีวัฒนธรรม
๒. นโยบายสร้างชาติทางวัฒนธรรมของหลวงพิบูลสงคราม ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ดังนี้คือ
๓. ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ (๒๕๐๖ - ๒๕๑๐) ได้มีการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีที่สำคัญของชาติ ดังต่อไปนี้คือ
๔. ในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร (๒๕๐๖ - ๒๕๑๖) ได้มีการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีที่สำคัญของชาติ ดังนี้คือ
๕. ในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี (พ.ศ. ๒๕๒๒ - ปัจจุบัน) ได้มีการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีที่สำคัญของชาติ ดังนี้คือ
วรรณกรรมและศิลปกรรม
ส่วนอาคารแบบตะวันตก เช่น
ประติมากรรม ที่สำคัญ ได้แก่
จิตรกรรม ที่สำคัญได้แก่
ที่มา : กฤษณา วิเชียรเพชร : "ประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์" หน้า ๕๖ - ๖๔ สังคมในสมัยรัตนโกสินทร์มีกี่ช่วงด้านการเมืองการปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ระหว่าง พ.ศ. 2325–2394 สมัยปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย ระหว่าง พ.ศ. 2394–2475 และสมัยประชาธิปไตย ระหว่างพ.ศ. 2475–ปัจจุบัน
ชนชั้นทางสังคมในข้อใดที่เป็นชนชั้นส่วนใหญ่ของประเทศไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น *3. ไพร่ หมายถึง สามัญชนทั่วไป ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ในสังคม มีศักดินา 10 – 25 ไร่ โดยไพร่แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ไพร่สม คือ ไพร่ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานให้กับขุนนาง หรือมูลนายเพื่อให้ขุนนาง หรือมูลนายได้มีผลประโยชน์ โดยไม่มีการกำหนดอายุ
สภาพสังคมในสมัยรัตนโกสินทร์เป็นอย่างไรสภาพสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีลักษณะโครงสร้างไม่แตกต่างจากสมัยอยุธยาและธนบุรี ลักษณะโครงสร้างของสังคมไทยสมัยนี้ มีการแบ่งชนชั้น ถึงแม้จะไม่มีการแบ่งวรรณะอย่างอินเดีย แต่ฐานะความเป็นอยู่ของผู้คนก็แตกต่างกัน องค์ประกอบของสังคมไทยแบ่งเป็น 4 ชนชั้น
โครงสร้างสังคมในช่วงต้นรัตนโกสินทร์เป็นอย่างไรสภาพสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นส่วนใหญ่มีลักษณะโครงสร้างไม่แตกต่างจากสมัยอยุธยาและธนบุรี องค์ประกอบของสังคมไทยประกอบด้วยสถาบันต่างๆ ได้แก่ สถาบันพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชการ ไพร่ และทาส 1. พระมหากษัตริย์ ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีลักษณะเป็นทั้งเทวราชาและธรรมราชา
|