น้าชาติ รู้ไปโม้ด : วันปีใหม่ 1 มกราคมวันปีใหม่ 1 มกราคม – ฉบับวานนี้ (26 พ.ย.) “กุ้งมังกร” ให้ย้อนประวัติ ทำไมวันที่ 1 มกราคม จึงเป็นวันปีใหม่ รวมทั้งของไทย เมื่อวานอ่านที่มาของสากลแล้ว วันนี้ว่าด้วยปีใหม่ประเทศไทย Show
สำหรับประเทศไทย แต่เดิมเรา (สยาม) ถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย (ตรงกับเดือนมกราคม) เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคติพุทธศาสนาที่ถือช่วงเหมันต์หรือหน้าหนาวเป็นการเริ่ม ต้นปี ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงไปตามคติพราหมณ์ฮินดูที่รับมาพร้อมกับศาสนาจากอินเดีย รวมถึงการถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งตรงกับวัน “มหาสงกรานต์” และนับเป็นวันเปลี่ยนรอบนักษัตรเป็นวันขึ้นปีใหม่ เกี่ยวกับการให้ฤดูหนาวเป็นจุดเริ่มต้นปี ใหม่ ด้วยโบราณคิดเห็นว่าฤดูหนาวเป็นเวลาพ้นจากมืดฝน สว่างขึ้นเปรียบเหมือนเวลาเช้า จึงได้คิดนับเอาฤดูหนาวเป็นต้นปี ฤดูร้อนเป็นเวลาสว่างร้อนเหมือนกลางวัน จึงได้คิดว่าเป็นกลางปี ฤดูฝนเป็นเวลามืดครึ้มโดยมาก และฝนพรำเที่ยวไปไหนไม่ใคร่ได้ จึงได้คิดเห็นว่าเป็นเหมือนกลางคืน คนทั้งปวงเป็นอันมากถือว่าเวลาเช้าเป็นต้นวัน กลางคืนเป็นปลายวันฉันใด คนโบราณก็คิดเห็นว่า ฤดูเหมันต์คือฤดูหนาวเป็นต้นปี ฤดูคิมหันต์คือฤดูร้อนเป็นกลางปี ฤดูวัสสาน (วสันต์) คือฤดูฝนเป็นปลายปี เพราะเหตุนั้นจึงได้นับชื่อเดือนเป็น 1 มาแต่เดือนอ้าย สยามนับวันขึ้นปีใหม่อย่างนี้มาจนกระทั่ง ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แต่โดยที่การนับวันปีใหม่หรือวันสงกรานต์ตามวันทางจันทรคติ เมื่อเทียบกับวันทางสุริยคติ ย่อมคลาดเคลื่อนกันไปในแต่ละปี ดังนั้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปี พ.ศ. 2432 ซึ่งตรงกับวันที่ 1 เมษายน รัชกาลที่ 5 จึงให้ถือเอาวันที่ 1 เมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย เพื่อวันปีใหม่จะได้ตรงกันทุกปีเมื่อนับทางสุริยคติ (แม้ว่าวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปีต่อๆ มาจะไม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน แล้วก็ตาม) ดังนั้นจึงถือเอาเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปีนับแต่นั้น ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะในชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ ครั้นเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบ ประชาธิปไตย ทางราชการเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน มักจะไม่มีงานรื่นเริงอะไรมากนัก และเห็นสมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2477 ขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก จนแพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อๆ มา โดยในปี พ.ศ. 2479 ได้จัดงาน ปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด มีชื่อทางราชการ “วันตรุษสงกรานต์” ต่อมามีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีกครั้งใน สมัยรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งมีนโยบายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นสากล คณะรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งพิจารณาเรื่องวันขึ้นปีใหม่ มี หลวงวิจิตรวาทการ เป็นประธาน ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม โดยเหตุผลสำคัญคือ ไม่ขัดกับหลักพุทธศาสนาในการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ, เลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมศาสนาพุทธ, ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก และเป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม จารีตประเพณีของชาติไทย วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2483 รัฐบาลออกประกาศชื่อ “ประกาศ ให้ใช้ วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่” จากประกาศนี้มีผลให้ประเทศไทยเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายน เป็นวันที่ 1 มกราคม ตั้งแต่ พ.ศ. 2484 เป็นต้นมา และทำให้ พ.ศ. 2483 เป็นปีที่สั้นที่สุด จากที่เคยยาวไปถึงวันที่ 31 มีนาคม ก็หดสั้นลงแค่วันที่ 31 ธันวาคม เหลือเพียง 9 เดือน เพราะได้ตัดเอาเดือนมกราคม–กุมภาพันธ์–มีนาคม ซึ่งนับเป็น 3 เดือนสุดท้ายปี พ.ศ. 2483 ตามธรรมเนียมการนับปีเดิม มาเป็นสามเดือนแรกของปี พ.ศ. 2484 แทน และตั้งแต่นั้นมาวันขึ้นปีใหม่ของไทยตรงกับวันที่ 1 มกราคมของทุกปี จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วันขึ้นปีใหม่ เป็นเวลาที่ปฏิทินปีใหม่เริ่มต้นและนับปีปฏิทินเพิ่มขึ้นหนึ่งปี วันขึ้นปีใหม่ในปฏิทินกริกอเรียนที่ใช้กันทั่วโลกปัจจุบัน ตรงกับวันที่ 1 มกราคม อนึ่ง เทศกาลปีใหม่ อาจหมายถึงวันที่นับจากวันหยุดวันแรกในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมปีก่อน จนถึงวันหยุดสุดท้ายในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม สำหรับชาวคริสต์จะหยุดตั้งแต่คริสต์มาสไปจนถึงวันขึ้นปีใหม่ รวม 8 วัน ประวัติวันปีใหม่มีประวัติความเป็นมาซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและความเหมาะสม ตั้งแต่ในสมัยเริ่มแรกเมื่อชาวบาบิโลเนียเริ่มคิดค้นการใช้ปฏิทิน โดยอาศัยระยะต่าง ๆ ของดวงจันทร์เป็นหลักในการนับ เมื่อครบ 12 เดือน ก็กำหนดว่าเป็น 1 ปี และเพื่อให้เกิดความพอดีระหว่างการนับปีตามปฏิทินกับปีตามฤดูกาล จึงได้เพิ่มเดือนเข้าไปอีก 1 เดือน เป็น 13 เดือนทุก 4 ปี ต่อมาชาวอียิปต์ ชาวกรีก และชาวเซมิติก ได้นำปฏิทินของชาวบาบิโลเนียมาดัดแปลงแก้ไขอีกหลายคราวเพื่อให้ตรงกับฤดูกาลมากยิ่งขึ้นจนถึงสมัยของกษัตริย์จูเลียส ซีซาร์ ได้นำความคิดของนักดาราศาสตร์ชาวอะเลกซานเดรียชื่อ เฮมดัล มาปรับปรุง ให้ปีหนึ่งมี 365 วัน ในทุก ๆ 4 ปี ให้เติมเดือนที่มี 28 วัน เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน เป็น 29 วัน คือเดือนกุมภาพันธ์ เรียกว่า ปีอธิกสุรทิน เมื่อเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์มี 29 วันในทุก ๆ 4 ปี แต่วันในปฏิทินก็ยังไม่ค่อยตรงกับฤดูกาลนัก คือเวลาในปฏิทินยาวกว่าปีตามฤดูกาล เป็นเหตุให้ฤดูกาลมาถึงก่อนวันในปฏิทิน วันที่ 21 มีนาคมตามปีปฏิทินของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน คือเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออก และลับลงตรงทิศตะวันตกพอดี เรียกว่า วสันตวิษุวัต แต่ในปี ค.ศ. 1582 (ตรงกับ พ.ศ. 2125) วสันตวิษุวัตกลับไปเกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม แทนที่จะเป็นวันที่ 21 มีนาคม ดังนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 จึงปรับปรุงแก้ไขโดยหักวันออกไป 10 วันจากปีปฏิทิน และให้วันหลังจากวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1582 แทนที่จะเป็นวันที่ 5 ตุลาคม ก็ให้เปลี่ยนเป็นวันที่ 15 ตุลาคมแทน (เฉพาะปีดังกล่าว) ปฏิทินแบบใหม่นี้จึงเรียกว่า ปฏิทินเกรโกเรียน จากนั้นได้ปรับปรุงประกาศใช้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของปีเป็นต้นมา การเฉลิมฉลองและประเพณีทั้งดั้งเดิมและสมัยใหม่วันสิ้นปีดูบทความหลักที่: วันสิ้นปี วันแรกของเดือนมกราคมหมายถึงการเริ่มต้นปีใหม่ หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งการรำลึกถึงปีที่ผ่านมา รวมถึงทางวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ซึ่งจะเริ่มในต้นเดือนธันวาคม ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ มีบทความส่งท้ายปลายปีที่รวบรวมการเปลี่ยนแปลงในช่วงปีที่แล้ว ในบางกรณี สื่อสิ่งพิมพ์อาจกำหนดงานตลอดทั้งปีด้วยความหวังว่าควันที่ปล่อยออกมาจากเปลวไฟจะนำชีวิตใหม่มาสู่บริษัท นอกจากนี้ยังมีบทความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตามแผนหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองทางศาสนา แต่ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1900 เป็นต้นมา ก็ได้กลายเป็นโอกาสเฉลิมฉลองในคืนวันสิ้นปี ในวันที่ 31 ธันวาคม โดยมีงานเฉลิมฉลองในที่สาธารณะ (ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการแสดงดอกไม้ไฟ) และประเพณีอื่น ๆ ที่มุ่งเน้นไปที่เวลาเที่ยงคืนและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง บริการยามค่ำคืนยังคงเป็นที่สังเกตในหลายครั้ง[1] วันขึ้นปีใหม่การเฉลิมฉลองและกิจกรรมที่จัดขึ้นทั่วโลกในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่โดยทั่วไป เช่น การเดินขบวนพาเหรดสำคัญในหลายแห่ง การกระโดดแบบหมีขั้วโลก โดยชมรมหมีขั้วโลกในเมืองทางซีกโลกเหนือหลายแห่ง และการแข่งขันกีฬาสำคัญในสหราชอาณาจักรและสหรัฐ วันขึ้นปีใหม่ในปฏิทินอื่น ๆ
อ้างอิง
ประเทศไทยเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายนมาเป็นวันที่ 1 มกราคมในรัชกาลใดพ.ศ. 2477 ประกาศให้มีงานรื่นเริงขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน เพื่อฟื้นฟูประเพณีวันขึ้นปีใหม่ที่ซบเซา พ.ศ. 2484 มีมติให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายน มาเป็นวันที่ 1 มกราคม
ผู้ที่เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ของไทยเป็นวันที่ 1 มกราคม ตามแบบสากล คือใคร *สำหรับการพิจารณาเปลี่ยน "วันขึ้นปีใหม่" ในครั้งนั้น เกิดขึ้นโดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งมี "หลวงวิจิตรวาทการ" เป็นประธานกรรมการ หลังจากหารือกันแล้วเสร็จ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากเดิม 1 เมษายน ให้เป็นวันที่ 1 มกราคมแทน โดยกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็นวัน ...
ปีใหม่ของไทยก่อนเปลี่ยนมาเป็นวันที่ ๑ มกราคม คือข้อใดเด็กรุ่นหลังอาจเข้าใจว่า วันขึ้นปีใหม่ของไทยเป็นมาตามอย่างสากลมานานแล้ว คือนับเอาวันที่ 1 มกราคม ของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือบางคนรู้มากขึ้นมาอีกนิดว่า วันขึ้นปีใหม่ของไทยนั้น แต่เดิมคือวันสงกรานต์
ในอดีต วันขึ้นปีใหม่ของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้วกี่ครั้งใน อดีต วันขึ้นปีใหม่ของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 4 ครั้งคือ ครั้งแรกถือเอาวันแรม 1 ค ่า เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่ง ตรงกับเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 ก าหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันขึ้น 1 ค ่า เดือน 5 ตาม คติพราหมณ์ ซึ่งตรงกับเดือนเมษายน Page 3 การก าหนดวันขึ้นปี ใหม่ใน 2 ครั้งนี้ ถือเอาทางจันทรคติเป็นหลัก ต่อมาได้ ...
|