เทคนิคเลือก ชุดว่ายน้ำ สำหรับสาวอวบ เทคนิคง่ายๆ “เน้นสีเข้ม ลายเล็ก อวดจุดเด่น พรางจุดด้อย” นั่นก็คือ ควรพรางความอวบช่วงคอ และความอิ่มของลำตัวให้เพรียวบางลง เบี่ยงเบนไปสร้างมุมมองของร่างกายส่วนบนให้ดูเพรียวและยาวขึ้น โดยล่อสายตาของฝ่ายตรงข้ามให้ไปหยุดอยู่ที่ช่วงเรียวขาที่สะท้านใจคู่นั้นให้ได้ เน้นสีเข้มเป็นหลักเพื่อลวงสายตา หรือไม่ก็เน้นลายผ้าแบบเล็กๆ สะกดจิตให้ต้องมนต์ ในความเซ็กซี่ ชุดว่ายน้ำที่เหมาะกับสาวอ้วน ตุ้ยนุ้ย ควรจะเป็นชุดวันพีช ที่ต้องรัดกุมสักหน่อย เพราะส่วนเกินของร่างกายโดยเฉพาะช่วงกลางลำตัว การเลือกคอวี จะช่วยให้ความรู้สึกว่าช่วงบนเรียวขึ้นและเลือกชุดที่มีลวดลายแนวยาวหรือทะแยง จะช่วยทำให้ลำตัวดูบางลง หรือจะเป็นแบบกระโปรงคลุมทับตัวนอก จะให้เหมาะควรเลือกชุดที่มีเสริมยางยืดเพื่อกระชับบริเวณหน้าท้อง Big Zommer ขอแนะนำำเพียงบางส่วนนะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ชุดว่ายน้ำสำหรับคนอ้วนมีแบบให้เลือกเยอะมากมาย 1. สาวสะโพกดินระเบิด
ส่วนท่อนล่างของชุดว่ายน้ำก็ปล่อยให้เป็นสีโทนเข้มไป
จะได้ดึงความสนใจไปที่ช่วงบนมากกว่าท่อนล่าง หรือจะเลือกเป็น ชุดคอวี ลายทาง หรือจะเป็นชุดแบบเกาะอก 2. สาวอกโต
4. คนอ้วนที่มีหน้าท้องใหญ่ ส่วนใหญ่เรื่องหน้าท้องเป็นปัญหาร้อยทั้งร้อยของคนอ้วน คนที่มีหน้าท้อง คุณควรเลือกชุดว่ายน้ำคอวี
จะกระชับรับกับรูปร่างดี พยายามเลือกชุดว่ายน้ำลายทาง หรือชุดลายซิกแซก เพิ่มรายละเอียดที่ท่อนบนเสียหน่อย เพื่อดึงดูดความสนใจไปช่วงบนมากกว่า
6. เลือกชุดว่ายน้ำคนอ้วน ที่มีซับเต้า จำเป็นมากเลยนะคะ สำหรับสาวไซส์ใหญ่อย่างเรา เพราะซับเต้าจะช่วยพรางส่วนที่ไม่ควรเห็นในเวลาเปียกน้ำได้เป็นอย่างดีจ้า 7. ชุดว่ายน้ำคนอ้วนสีเข้ม สีเข้มช่วยได้มากในการพรางตาให้ดูตัวเล็กลง และพรางสัดส่วนที่เราไม่อยากให้ใครเห็นได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเลือกสีเข้มที่มีแต่งลวดลายสีสดบางส่วน เพื่อให้ดูสดใสได้จ๊ะ 8. ชุดว่ายน้ำคนอ้วนแบบกระโปรง ชุดว่ายน้ำคนอ้วนที่เป็นทรงกระโปรง จะช่วยพรางสะโพกและต้นขาของคุณได้เป็นอย่างดี ดีกว่าชุดว่ายน้ำแบบกางเกงที่จะเน้นให้เห็นสัดส่วนของคุณชัดเจน แต่เลือกแบบกระโปรงแล้วอย่าลืมเลือกให้มีซับกางเกงข้างในด้วยนะคะ จะได้ไม่โป๊จ้า 9. ชุดว่ายน้ำคนอ้วนแยกชิ้น ชุดว่ายน้ำคนอ้วนเก๋ ๆ แบบที่แยกเป็น 2 ชิ้นก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะการ แบ่งส่วนออกเป็น 2 ท่อนนั้นจะทำให้เราดูมีช่วงตัวที่บางลงได้ และช่วยพรางหน้า ท้องได้ด้วยค่ะ วิธีำวัดขนาดหน้าอกกับชุดว่ายน้ำที่ถูกต้อง 1. วัดรอบตัว การวัดรอบตัวทำได้ 2 วิธี ซึ่งควรจะวัดทั้ง 2 แบบแล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ถ้าวัดถูกต้อง จะได้ค่าที่เท่ากัน แบบที่ 1 ใช้สายวัด วัดรอบตัวเหนือหน้าอกของเรา รอดใต้แขนวัดเป็นนิ้ว หากได้เลขคี่ ให้ปัดขึ้นเป็นเลขคู่ค่ะ เช่น 31 นิ้ว ปัดเป็น 32 นิ้ว หากได้เลขที่คู่ ก็ใช้เลขนั้นได้เลยค่ะ เช่น วัดได้ 32 ลำตัวของเราก็คือ 32 ค่ะ แบบที่ 2 ใช้สายวัด วัดรอบลำตัว ใต้หน้าอก วัดได้เท่าไหร่ บวกเพิ่มเข้าไปอีก 5 นิ้วนะคะ เช่น หากวัดได้ 27 นิ้ว บวกเพิ่มอีก 5 ค่าลำตัวของเราก้อคือ 32 ถ้าบวกออกได้เลขคี่ ให้ปัดขึ้นเป็นเลขคู่นะคะ *การวัดค่าลำตัว ควรวัดแบบแนบๆ แน่นๆ ติดลำตัว ไม่ต้องหายใจเข้าให้พองๆ แล้ววัดเดียวจะค่าผิดไปนะคะ 2. วัดรอบอก การวัดรอบอกนะคะ ให้เราใช้สายวัดวัดรอบจุดที่ยื่นออกมามากที่สุดของหน้าอก แต่คราวนี้ให้วัดหลามๆ หายใจปกติ วัดเป็นนิ้วค่ะ 3. วัดขนาดเต้า หรือ Cup ด้วยการนำ รอบอก(นิ้ว) - รอบลำตัว(นิ้ว) หรือนำผลที่ได้จากข้อ 2 หักลบด้วยผลที่ได้จากข้อ 1 ผลลัพธ์ที่ได้ จะเป็นค่า CUP ของเสื้อใน A B C D ตามตารางค่ะ ผลต่าง (นิ้ว / inch) CUP 1. นิ้ว หรือน้อยกว่า A 2. นิ้ว B 3. นิ้ว C 4. นิ้ว D ตัวอย่าง รอบอก 33 นิ้ว นะคะ เอามาลบ 32 นิ้ว ขนาดคัพ A เวลาไปซื้อชุดชั้นใน = 32/A เสื้อชั้นในบางยี่ห้อ ใช้เลขลำตัวหน่วยเป็นเซ็นติเมตร ลองเทียบค่าลำตัวจากนิ้วเป็น ซ.ม. ได้จากตารางด้านล่างนี้เลยค่ะ นิ้ว เซ็นติเมตร 30 65 32 70 34 75 36 80 38 85 ไซส์ B70 รอบอกจะอยู่ที่ 70-83 cm. ไซส์ B75 รอบอกจะอยู่ที่ 75-88 cm. ไซส์ C70 รอบอกจะอยู่ที่ 70-85 cm. ไซส์ C75 รอบอกจะอยู่ที่ 75-90 cm. ไซส์ D70 รอบอกจะอยู่ที่ 70-88 cm. ไซส์ D75 รอบอกจะอยู่ที่ 75-93 cm. ไซส์ E70 รอบอกจะอยู่ที่ 70-90 cm. ไซส์ E75 รอบอกจะอยู่ที่ 75-95 cm. วิธีการวัดนี้เป็นวิธีแบบสากลนะคะ เขาใช้วัดขนาดของชุดชั้นในกัน แต่ก้อพบว่ามีผู้หญิงหลายคนวัดแล้วไม่ค่าคัพตรงกับไซส์ชุดชั้นในที่ตนเองใส่อยู่จริงๆ เช่นปกติใส่คัพ C แต่พอลองวัดกับวิธีนี้ ต้องกลายเป็นใส่ คัพ A สัดส่วนของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง และเสื้อชั้นในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Push-Up Bra หรือ บราดันทรงที่มีโครงลวด มีแผ่นฟองน้ำเสริมทรง มีแผ่นดันทรงวางไว้ใต้หน้าอกอีกที ทำให้ผู้หญิงมักจะต้องใส่เสื้อชันในขนาดคัพใหญ่กว่าปกติ 1 ไซส์ เนื่องจากมีอุปกรณ์Support เหล่านี้เข้ามาช่วยเสริมให้อกดูอวบอิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ ฉะนั้นถ้าหากขนาดคัพที่ได้ไม่กับที่ใส่อยู่จริง เราก้อควรใช้ค่าลำตัว ไปใช้ซื้อชุดชั้นในหรือชุดว่ายส่วนจะใส่ไซส์ใด หรือ คัพใด ก้อคงต้องไปลองกันเองนะคะ 4. ขนาดคัพเท่ากัน ขนาดลำตัวแตกต่างกัน ควรเลือกใส่ตามความเหมาะสม และสามารถยืดหยุ่นได้ค่ะ ส่วนใหญ่ชุดชั้นในหรือ ชุดว่ายน้ำ มีขายหลากหลายยี่ห้อนะคะ แต่ละยี่ห้อ ก้อมีรูปแบบ และสไตส์ที่แตกต่างกันไป จึงไม่แปลกถ้าเราใส่ชุดยี่ห้อหนึ่งขนาด 34/75 แต่เมื่อไปซื้ออีกยี่ห้อ กลับใส่ 36/80 A แล้วพอดีกว่า เพราะขนาดเต้า/ cup ของเสื้อในขนาด 36/80 A ใหญ่เท่ากับชุดชั้นในขนาด 34/75B และยังเท่ากัน 32/70 C อีกด้วย ขนาดคัพเท่ากัน แต่ขนาดลำตัวต่างกันขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของตัวเนื้อผ้า และรูปทรงการตัดเย็บของแต่ละยี่ห้อ ดังนั้นการซื้อเสื้อผ้าชุดชั้นใน หรือชุดว่ายน้ำ อย่าไปยึดติดกับไซส์เดิมๆ สำคัญที่ใส่คัพของเสื้อในต้องแนบสนิทกับเนื้อหน้าอกของเรา ไม่เหลือช่องว่าง ถ้าเหลือแสดงว่าคัพใหญ่ไป แต่ก้อไม่เล็กแน่นจนล้น (ยกเว้นจงใจนะคะ) ส่วนขนาดลำตัวสามแล้วควรพอดี ไม่แน่นจนรู้สึกอึดอัด และถ้าลองยกแขนทั้งสองขึ้นบิดซ้ายบิดขวา แถบลำตัวชุดว่ายน้ำต้องไม่ถลนขึ้นมา ตารางเปรียบเทียบขนาดคัพ (ปริมาตร) ที่เท่ากัน แต่ลำตัวต่างกัน (ดูตามแนวดิ่ง) 32/70A 34/75A 36/80A 38/85A 38/85B 30/65B 32/70B 34/75B 36/80B 36/80C 30/65C 32/70C 34/75C 34/75D 5. ขนาดหน้าอกเราเปลี่ยนแปลงได้ ตามน้ำหนัก และฮอร์โมน เช่น ถ้าหากน้ำหนักขึ้น หน้าอกก้อใหญ่ขึน เช่นเดียวกับน้ำหนักลง หน้าอกก้อเล็กลงไปด้วยเช่นกัน จะมากหรือน้อยแล้วแต่คน นอกจากนี้ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงก้มีผลต่อขนาดของหน้าอกด้วยเช่นเดียวกัน เช่น ผู้หญิงหลายๆ คน จะตึงคัดเต้านม หรือเจ็บหน้าอกและขนาดหน้าอกขยายขึ้นเล็กน้อยช่วงก่อนมีประจำเดือน ช่วงมีประจำเดือน รวมถึงช่วงตั้งครรภ์ด้วย สำหรับกรณีที่เจ็บและคัดหน้าอกมาก และหน้าอกขยายค่อนข้างมากในช่วงเวลาดังกล่าว อาจหาซื้อชุดว่ายน้ำ ในขนาดที่คัพใหญ่ขึ้น เพื่อใส่ในช่วงวันนั้นๆ เพื่อความสบายตัว ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าคุณจะต้องใส่ชุดว่ายน้ำในขนาดเดิมหรือขนาดเดียวไปตลอดค่ะ 6. ควรมีการวัดขนาดหน้าอกตนเอง ทุกๆ 1-2 ปี และ/หรือ คอยเฝ้าสังเกตว่ารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเวลาสวมใส่ชุดชั้นในหรือชุดว่ายน้ำหรือไม่ เพราะอาจเป็นสัญญาณบอกให้น้องๆ ต้องเปลี่ยนขนาด เปลี่ยนแบบ หรือจำเป็นต้องซื้อชิ้นใหม่ซะแล้วค่ะ **************************** วิธีการดูแลรักษา และ การทำความสะอาดชุดว่ายน้ำ วิธีการดูแลรักษาชุดว่ายน้ำ ที่เราอยากจะแนะนำจริงๆ ก็คือ การซักมือด้วยน้ำเปล่าธรรมดา ๆ ก็พอค่ะ ไม่ต้องขยี้ ไม่ต้องลงแปรง ไม่ต้องบิดแห้ง ไม่ต้องถอด pad หรือฟองน้ำเสริมออก จากนั้น แขวนตากไว้ในที่ร่ม ก็เพียงพอแล้วค่ะ ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องซักผ้า เพราะดูจะรุนแรงเกินไปสำหรับชุดว่ายน้ำของเรานะคะ ส่วนผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักแห้ง หรือ " bleach" ชนิดต่างๆ ล้วนไม่จำเป็น ไม่เป็นผลดีกับยางยืดด้านใน ของชุดว่ายน้ำเลยค่ะ ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ใช้สบู่แทนนะคะ ล้างน้ำเยอะ ๆ ตากในที่ร่มที่มีลมโกรก แห้งเรียบร้อยแล้ว ก็เก็บพับใส่ถุงไว้ พร้อมใช้งานได้ในครั้งต่อไป ถ้าดูแลอย่างนี้ อายุการใช้งานของชุดว่ายน้ำจะยาวนานมาก จนลืมไปเลยแหล่ะว่า ซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ |