ด้วยเหตุนี้จึงปรากฏว่าอย่างน้อยก็เมื่อ พ.ศ. ๑๙๘๑ ที่แคว้นสุโขทัยทั้งหมด ได้กลายเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา ที่ชาวอยุธยาเรียกว่าเมืองเหนือแล้ว เพราะในปีนี้เป็นปีที่ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (สมเด็จเจ้าสามพระยา) ได้ส่งโอรสที่สมภพจากพระชายาราชวงศ์สุโขทัย มาครองเมืองพิษณุโลก ในตำแหน่งพระราเมศวร อันเป็นตำแหน่งพระมหาอุปราช ปกครองกลุ่มเมืองเหนือทั้งมวล โดยขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยาอีกทีหนึ่ง Show
อาณาจักรสุโขทัย …………….สวัสดีคะทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม……………. บล็อกนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอาณาจักรสุโขทัย อาทิเช่น พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ในสมัยสุโขทัย การติดต่อทำการค้าขายกับต่างประเทศ ด้านศิลปะวัฒนธรรม ฯลฯ เนื้อหาในส่วนนี้จะเกี่ยวเนื่องกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งนักเรียนทุกระดับชั้น และผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาชมและศึกษาได้ ประวัติศาสตร์สุโขทัยอาณาจักรสุโขทัย (1762-1981)อาณาจักร สุโขทัยได้รับการสถาปนาขึ้น ใน พ.ศ. 1762 เมื่อพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยาง และพ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด ได้รวมกำลังกันขับไล่ขอมสมาดโขลญลำพงออกจากดินแดนสุโขทัยได้สำเร็จ ซึ่งแต่เดิมกรุงสุโขทัยเคยมีผู้นำคนไทยปกครองมาก่อนคือพ่อขุนศรีนาวนำถม หลังจากพ่อขุนศรีนาวนำถมสิ้นพระชนม์ ขอมก็ได้มายึดอำนาจการปกครองไป ดังนั้นทั้งสองพระองค์จึงมายึดอำนาจการปกครองคืน และได้สถาปนาให้พ่อขุนบางกลางหาวขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองสุโขทัยทรงพระนามว่า “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย และในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้มีการขยายอาณาเขตไปอย่างกว้างขวางจนทำให้กรุงสุโขทัยเป็นปึกแผ่นมั่นคง (ที่มา:http://server.thaigoodview.com/files/u19918/246PX-_1.jpg) ปัจจัยที่เอื้อต่อการสถาปนากรุงสุโขทัย
พระมหากษัตริย์ของสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วงของอาณาจักรสุโขทัยและมีพระมหากษัตริย์ปกครองสืบต่อมารวมทั้งสิ้น 9 พระองค์ ดังต่อไปนี้
ลักษณะการเมืองการปกครองของอาณาจักรสุโขทัย1. การปกครองแบบปิตุราชา หรือ พ่อปกครองลูก ระยะแรกของการก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยมีจำนวนประชากรไม่มากนักโดยเฉพาะสามรัชกาลแรกแห่งสุโขทัยตอนต้น ที่มีคำนำหน้าพระนามว่า พ่อขุนได้ใช้รูปแบบการปกครองที่ยึดหลักความสัมพันธ์ของครอบครัว พระมหากษัตริย์ทรงวางพระองค์เป็นเสมือนพ่อของประชาชนที่มีความใกล้ชิดกับราษฎร ยามใดที่ราษฎรเดือดร้อน สามารถสั่นกระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูวังเพื่อร้องทุกข์ พระมหากษัตริย์สามรัชกาลแรกที่ใช้การปกครองแบบปิตุราชา ได้แก่ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนบานเมือง และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (ที่มา http://www.bloggang.com/data/mystorymontonmai/picture/1226471623.jpg) 2. การปกครองแบบธรรมราชา ธรรมราชา หมายถึง พระราชาผู้ปฏิบัติธรรมหรือกษัตริย์ผู้มีธรรม ในสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 1 มีกำลังทหารที่ไม่เข้มแข็ง ประกอบกับอาณาจักรอยุธยาที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ได้แผ่อิทธิพลมากขึ้น พระองค์ทรงเกรงภัยอันตรายจะบังเกิดแก่อาณาจักรสุโขทัย หากใช้กำลังทหารเพียงอย่างเดียว พระองค์จึงทรงนำหลักธรรมมาใช้ในการปกครอง โดยพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างในด้านการปฏิบัติธรรม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา นอกจากนั้นพระมหาธรรมราชาที่ 1 ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ที่ปรากฏแนวคิดแบบธรรมราชาไว้ด้วย สมัยสุโขทัยตอนต้น (พ.ศ.1762-1840)คือช่วงต้นของการสถาปนากรุงสุโขทัย จนสิ้นสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยมีลักษณะการเมืองการปกครอง ดังนี้ การปกครอง มีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับราษฏรมีลักษณะเหมือนพ่อกับลูกดังจะเห็นได้จาก
(ที่มา http://www.sahavicha.com/UserFiles/Image/IMG_0004%281%29.jpg) อาณาเขตการปกครอง อาณาเขตการปกครองใน สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีการขยายออกไปกว้างขวางที่สุด ได้แก่ – ทิศเหนือ มีอาณาเขตไปถึงเมืองหลวงพระบาง แผนที่สุโขทัยสมัยพ่อขุนรามคำแหง (ที่มา http://4.bp.blogspot.com/_gHZdLP0ORF4/TDGn9X5PYUI/AAAAAAAABGQ/RRKjMHjv0_…) แบบแผนการปกครอง การจัดแบบแผนการปกครองในราชอาณาเขตของอาณาจักรสุโขทัย
(ที่มา http://203.172.204.162/intranet/1046_e-learning/www.e-learning.sg.or.th/act4_3/pic/Picture.jpg) สมัยสุโขทัยตอนปลาย (พ.ศ.1841-1981)คือช่วงตั้งแต่สมัยพญาเลอไทไปจนถึงสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) การเมืองการปกครอง หลังสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีการจัดรูปแบบการปกครองใหม่ ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 ทรงยึดหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นข้อปฏิบัติ คือ “หลักทศพิธราชธรรม” อันกล่าวถึงลักษณะของกษัตริย์ที่เรียกว่า “ธรรมราชา” หรือ พระราชาผู้ประพฤติธรรม โดยพระองค์ทรงมุ่งใช้หลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาให้เกิดประโยชน์ในการปกครองบ้านเมืองซึ่งลักษณะธรรมราชานี้ปรากฏอยู่ใน “ไตรภูมิพระร่วง”คือ วรรณกรรมที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใน พ.ศ. 1888 อาณาเขตการปกครองของ สุโขทัยตอนปลาย หลังสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อาณาจักรสุโขทัยเริ่มเกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ขณะเดียวกันอาณาจักรอยุธยาเริ่มเข้มแข็ง บรรดาหัวเมืองต่าง ๆ ก็ตั้งตนเป็นอิสระ อาณาจักรสุโขทัยจึงมีอาณาเขตลดน้อยลง แบบแผนการปกครองของ สุโขทัยตอนปลาย ยังคงปกครองบ้านเมืองแบบเดิม แต่ได้นำเอาคติธรรมราชามาใช้ในการปกครองบ้านเมืองด้วย ซึ่งทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข มีความสัมพันธ์อย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกษัตริย์กับราษฎร และหลักธรรมทางศาสนาและหลักธรรมทางศาสนาที่นำมาใช้ได้แก่ทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตร และราชจรรยานุวัตร ลักษณะทางสังคมและศิลปวัฒนธรรมของอาณาจักรสุโขทัยลักษณะทางสังคมของอาณาจักรสุโขทัย 1.ชนชั้นปกครอง ประกอบด้วย ลำดับที่ 1 กษัตริย์หรือเจ้านายมีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรสุโขทัย เป็นผู้บำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน สร้างความเป็นปึกแผ่นในอาณาจักร ตลอดจนการดำรงชีวิต และการทำมาหากินของประชาชน เป็นผู้นำกองทัพส่งเสริมทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลำดับที่ 2 ราชวงศ์ชั้นสูงมีเชื้อสายเดียวกับพระมหากษัตริย์และเป็นชนชั้นที่พระมหากษัตริย์ทรงไว้วางใจ และมีความใกล้ชิดพระองค์ โดยกษัตริย์จะส่งไปปกครองหัวเมืองต่างๆ ที่สำคัญ ลำดับที่ 3 ขุนนางหรือข้าราชการ มีหน้าที่ดูแลบ้านเมืองปกครองประชาชน ตามพระบรมราชโองการของกษัตริย์ โดยพระมหากษัตริย์ทรงโปรดใหขุนนาง ข้าราชการ มีส่วนร่วมในการปกครองแต่ไม่มีอำนาจใดๆ ต้องรับนโยบายปกครอง และการตัดสินพระทัยจากพระมหากษัตริย์ 2.ชนชั้นใต้ปกครอง ประกอบด้วย ลำดับที่ 1 ไพร่ คือราษฎรสามัญชนธรรมดา มีอิสระในการดำรงชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมของขุนนาง ตามพระราชโองการของพระมหากษัตริย์ จะถูกขุนนางเกณฑ์แรงงานไปรับใช้แก่ราชการเป็นครั้งคราว เช่น การเกษตรกรรม การก่อสร้าง และการชลประทาน นอกจากนั้นไพร่ในสุโขทัยได้รับสิทธิหลายด้านได้แก่ สิทธิในการประกอบอาชีพ ทรัพย์สิน การรับมรดก จากหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 เรียกชนชั้นนี้ว่า ลูกบ้านลูกเมือง ลำดับที่ 2 ข้า พวกข้ามิใช่พวกทาส ข้าในสมัยสุโขทัยเป็นผู้ติดตาม คอยรับใช้ชนชั้นปกครอง มีอิสระในการดำรงชีวิตของตนเองอยู่บ้าง 3.ชนชั้นนักบวชในศาสนา ลำดับที่ 1 พระสงฆ์ เป็นผู้สืบทอดเผยแผ่พระพุทธศาสนา สั่งสอนประชาชน ให้ความศรัทธาต่อพระสงฆ์ ตลอดจนเป็นผู้เชื่อมโยงให้ชนชั้นปกครอง และชนชั้นใต้ปกครองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ลักษณะทางเศรษฐกิจของอาณาจักรสุโขทัยลักษณะเศรษฐกิจสมัยสุโขทัย ขึ้นอยู่กับอาชีพหลักของราษฎร คือ การเกษตรกรรม หัตถกรรม และ ค้าขาย การเกษตร อาชีพหลักของชาวสุโขทัย คือ เกษตรกรรมได้แก่ ทำนา ทำไร่ ทำสวน และการเลี้ยงสัตว์ ชาวสุโขทัยมีการสร้างระบบชลประทานที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เนื่องจากสุโขทัยมีปัญหาความแห้งแล้งในฤดูแล้ง เพราะดินเป็นดินปนทราย ทำให้ดินไม่อุ้มน้ำ จึงมีการสร้างเขื่อนดินทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองสุโขทัย เขื่อนดินนี้ เรียกว่า สรีดภงส์ หรือ ทำนบพระร่วง สำหรับเก็บกักน้ำไว้ภายในหุบเขา และขนระบายน้ำเข้าไปใช้ภายในตัวเมือง และบริเวณใกล้เคียงตัวเมือง นอกจากนี้ภายในตัวเมืองยังมีการขุดสระน้ำที่เรียกว่า ตระพัง เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้สอย พืชที่ปลูกมาก คือ ข้าว รองลงมาเป็นผลไม้ เช่น มะม่วง มะขาม มะพร้าว หมากพลู เป็นต้น โดยพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญ ได้แก่ บริเวณที่ราบลุ่มทางแถบเมืองศรีสัชนาลัย ชากังราว สองแคว และนครชุม (ที่มา http://2.bp.blogspot.com/_MbRYxkD-emI/Suf9Uo4S_DI/AAAAAAAAKbE/WzKV2sRqUo…) อุตสาหกรรม ผลผลิตทางด้านอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงมากของสุโขทัยคือ เครื่องสังคโลก มีแหล่งผลิตอยู่ที่เมืองศรีสัชนาลัย และเมืองสุโขทัย สินค้าเครื่องสังคโลกที่ผลิต ได้แก่ ถ้วย โถ จาน ไห กระปุก เป็นต้น นอกจากค้าขายกันภายในประเทศแล้ว ยังส่งออกไปขายต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งจากการสำรวจทางโบราณคดีได้พบแหล่งเตาเผามากมาย โดยเฉพาะบริเวณทิศเหนือนอกกำแพงเมืองสุโขทัย น้ำโจน และเมืองศรีสัชนาลัย ริมฝั่งแม่น้ำยม ที่รู้จักกันดี คือ เตาทุเรียงสุโขทัย เตาทุเรียงป่ายาง และเตาทุเรียงเกาะน้อย เตาทุเรียง(ที่มา http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192264874.jpg) เครื่องสังคโลกที่มา http://www.amulet1.com/showimg.php?img=detail&id=47 การค้าขาย การค้าขายในสุโขทัยที่ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 แสดงให้เห็นว่ามีการค้าขายอยู่ 2 ประเภท คือการค้าขายภายในอาณาจักรและการค้าขายกับต่างประเทศ การค้าภายในอาณาจักรเป็นการค้าแบบเสรี มีตลาดเป็นศูนย์กลางการค้า เรียกว่า ” ปสาน “ไว้สำหรับประชาชนจากถิ่นต่างๆ ที่เดินทางมาแลกเปลี่ยนสินค้ากัน การค้าขายระหว่างเมืองจะไม่มีการเก็บภาษีผ่านด่าน ที่เรียกว่า ” จกอบ ” ดังศิลาจารึก กล่าวว่า “เจ้าเมืองบ่เอาจกอบในไพร่ลู่ทาง” ทำให้ประชาชนค้าขายได้อย่างเสรี ปสาน(ที่มา http://www1.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/sukhotai/img24.jpg) การค้าขายกับต่างประเทศ เช่น การค้ากับหงสาวดี ขอม มลายู ชวา ซึ่งสินค้าออกที่สำคัญได้แก่ เครื่องเทศและของป่า เช่น พริกไทย ไม้ฝาง งาช้าง หนังสัตว์ ไม้หอม นอแรด ส่วนสินค้าเข้าเป็นประเภทผ้าไหม เครื่องประดับ โดยเฉพาะผ้าไหมที่พ่อค้าจีนนำมาขายเป็นที่ต้องการของเจ้านายเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงและขุนนางสุโขทัย ระบบเงินตรา สุโขทัยมีการค้าขายในชุมชนของตนเองและกับพ่อค้าต่างบ้านต่างเมือง จึงมีการแลกเปลี่ยนสินค้าและการซื้อขายในระบบเงินตรา เงินตราที่ใช้ คือ “เงินพดด้วง” ซึ่งทำจากโลหะเงิน ก้นเบี้ยหอย มีขนาดตั้งแต่ 1-4 บาท โดยมีการใช้เงินตราเป็นสื่อการในการแลกเปลี่ยน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการซื้อขาย (ที่มา http://www.izeeyou.net/images/862_6.jpg ) การเก็บภาษีอากร สุโขทัยไม่มีการเก็บภาษีผ่านด่าน หรือ จกอบ แต่จะเก็บภาษีอื่น ๆ เช่น ธรรมเนียมต่าง ๆ ภาษีรายได้การค้า ค่านา เป็นต้น ด้านภาษาการประดิษฐ์ตัวอักษรไทย ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1826 คือ ลายสือไทย สันนิษฐานว่า ดัดแปลงมาจากตัวอักษรขอมหวัด และมอญโบราณ นับว่าเป็นมรดกอันยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรมสุโขทัย อักษรไทยที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดิษฐ์ขึ้น มีลักษณะการวางรูปตัวอักษร คือ สระ พยัญชนะ จะอยู่บรรทัดเดียวกัน สระจะอยู่หน้าพยัญชนะ มีวรรณยุกต์เพียง 2 รูป คือ เสียงเอกและเสียงโท ในสมัยต่อมาได้มีการปรับปรุง โดยนำสระเขียนไว้ ข้างล่าง ข้างบน ข้างหน้า และข้างหลังของพยัญชนะ เพิ่มวรรณยุกต์จนออกเสียงได้ครบ และได้มีวิวัฒนาการมาเป็นลำดับจนเป็นอักษรที่ใช้กันทุกวันนี้ เมื่อพ่อขุนรามคำแหงมหาราชประดิษฐ์ตัวอักษรแล้ว โปรดฯให้จารึกเรื่องราวสมัยสุโขทัยลงในหลักศิลาจารึก โดยมีหลักศิลาจารึก หลักที่ 1 เป็นหลักแรก ที่แสดงถึงเรื่องอักขรวิธีของภาษาไทยและเรื่องราวต่างๆ ด้านการปกครอง เศรษฐกิจ ประเพณี ศิลปวัฒนธรรมของสุโขทัย (ที่มา http://203.144.136.10/service/mod/heritage/king/sukhotai/th28.jpg ) ด้านวรรณกรรมวรรณกรรมในสมัยกรุงสุโขทัยมีอยู่หลายประเภท ส่วนใหญ่ออกมาในรูปของ การสดุดีวีรกรรม ศาสนา ปรัชญา โดยมีวรรณกรรม ที่สำคัญ ดังนี้
(ที่มา http://www.thaisecondhand.com/view/productpic/09/01/p7193226n1.jpg)
(ที่มา http://www.info.ru.ac.th/province/sukhotai/Pasit2.jpg)
(ที่มา http://i365.photobucket.com/albums/oo93/chirapattras/loykrathong.jpg) ลักษณะทางศิลปและวัฒนธรรมของอาณาจักรสุโขทัยสุโขทัยมีความเจริญรุ่งเรืองด้านศิลปะ มีช่างที่ชำนาญหลายสาขา มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีความงดงามมาก ได้แก่ ด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรม ดังปรากฏจากซากโบราณสถาน โบราณวัตถุ นับได้ว่าเป็นมรดก อันล้ำค่าที่คนไทยต้องช่วยกันอนุรักษ์ให้คงอยู่ตลอดไป ศิลปะสมัยสุโขทัยที่ยังหลงเหลืออยู่ มีดังนี้ ด้านสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมสมัยสุโขทัย เป็นสิ่งก่อสร้างทางพระพุทธศาสนา ได้แก่
1. เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงดอกบัวตูม เจดีย์รูปทรงนี้ส่วนฐานสร้างเป็น รูปสี่เหลี่ยมย่อมุม บนยอดเจดีย์เป็นรูปดอกบัวตูม เช่น เจดีย์วัดตระพังเงิน จังหวัดสุโขทัย เจดีย์พระศรีมหาธาตุ อำเภอศรีสัชนาลัย และเจดีย์ทรงพุ่ม ข้าวบิณฑ์ เป็นแบบเฉพาะของศิลปะสุโขทัย ที่มา http://mcrutak.ob.tc/picture/12413/1241309812mcrutak.jpg 2. เจดีย์ทรงกลมหรือทรงลังกา (ทรงระฆังคว่ำ)เจดีย์รูปทรงนี้เป็นพระเจดีย์ทรงกลม ลายกลีบบัวประกบบริเวณส่วนล่างขององค์ระฆัง เช่น เจดีย์วัดช้างล้อม อำเภอศรีสัชนาลัย นอกจากนั้นเจดีย์ทรงกลมนิยมสร้างมากในกรุงสุโขทัย ที่มา http://static.panoramio.com/photos/medium/32022618.jpg 3. เจดีย์ทรงเรือนธาตุ เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศรีวิชัยผสมลังกา เจดีย์รูปทรงนี้มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมสถูปแบบศรีวิชัย ตอนบนเป็นเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา เช่น เจดีย์ที่วัดเจดีย์เจ็ดแถว อำเภอศรีสัชนาลัย ที่มา http://www.pixpros.net/forums/attachment.php?attachmentid=206301&stc=1&d…
ที่มา http://www.pixpros.net/forums/attachment.php?attachmentid=219307&stc=1&d…
ด้านประติมากรรม ผลงานด้านประติมากรรมของอาณาจักรสุโขทัย ส่วนใหญ่เป็นการสร้างพระพุทธรูป มักนิยมหล่อด้วยสำริดและปั้นด้วยปูน โดยนิยมสร้างด้วยอริยาบททั้ง ๔ คือ ยืน นอน นั่ง และเดิน ร่องรอยที่ปรากฏแรกๆ การสร้างพระพุทธรูป มักสร้างด้วยปูน เช่น พระอจนะ ซึ่งประดิษฐานภายในมณฑปวัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย ต่อมาได้รับอิทธิพลการสร้างพระพุทธรูปมาจากศิลปะลังกา ได้มีการหล่อด้วยสำริด และโลหะ เช่น พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก พระอจนะ วัดศรีชุมที่มา http://upload.wikimedia.org/wikipedia/th/9/96/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B… ลักษณะของพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เป็นศิลปะแบบไทยแท้จะต่างจากศิลปะของลังกาและอินเดีย มีลักษณะเด่น คือ มีลักษณะส่วนโค้งที่งามสง่าอ่อนช้อย ประณีต มีพระเกศาทำขมวดเป็นก้นหอยแหลมสูง ยอดพระเมาลีเป็นเปลวเพลิง พระพักตร์รูปไข่สงบ มีรอยยิ้มเล็กน้อย พระเนตรฉายแววเมตตา พระนาสิกแหลมงุ้ม และมีพระสังฆาฏิที่ยาวจรดพระนาภี นอกจากงานประติมากรรมของสุโขทัยที่มีการสร้างพระพุทธรูปแล้ว ยังมีการหล่อเทวรูปด้วยสำริดและโลหะ มักนิยมสร้างเป็นรูปพระอิศวร พระนารายณ์ พระวิษณุ ประดิษฐานไว้ที่หอเทวาลัยมหาเกษตร เพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู สาขาจิตรกรรม จิตรกรรมที่พบสมัยสุโขทัยมีทั้งภาพลายเส้น และภาพสีฝุ่น มีภาพจำหลักลายเส้นลงในแผ่นหินชนวนเป็นภาพชาดก พบที่วัดศรีชุมเมืองสุโขทัย ที่มา http://www.jitdrathanee.com/thaksinawat/suwat/images/sri-chum_26.jpg ด้านศาสนาศาสนาเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งในสมัยสุโขทัย เพราะถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย นอกจากนั้นยังมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมอื่น เช่น การปกครอง ประเพณี เริ่มแรกคนไทยในสุโขทัยนับถือผีสางเทวดา ต่อมาได้มีชนชาติอื่นนำศาสนาที่มีหลักปฏิบัติที่มีแบบแผนเข้ามาเผยแผ่ จึงได้นำความเชื่อของศาสนาเหล่านั้นมาผสมผสานกับความเชื่อเดิมของตน เช่น จากขอม จากศาสนาพราหมณ์ จากพุทธนิกายมหายานจากจีน ความเจริญทางพระพุทธศาสนา
ความเจริญทางพระพุทธศาสนาในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1
ประเพณีที่สำคัญของอาณาจักรสุโขทัย
พระราชพิธีที่สำคัญของอาณาจักรสุโขทัย
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศของไทยสมัยสุโขทัยจุดมุ่งหมายของการสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศของไทยสมัยสุโขทัย
สร้างความสัมพันธ์กับดินแดนใกล้เคียง.รูปแบบของการสร้างความสัมพันธ์ อาณาจักรล้านนา ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์ของอาณาจักรล้านนาได้แก่ พญามังราย เป็นพระสหายสนิทกันรวมทั้งพญางำเมืองแห่งเมืองพะเยา ได้ผูกมิตรไมตรีกันอย่างแน่นแฟ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกมองโกล นอกจากนั้นพ่อขุนรามคำแหงมหาราชและพญางำเมือง ยังเสด็จขึ้นไปช่วยพญามังรายเลือกชัยภูมิที่เหมาะสมและวางผังเมืองแห่งใหม่ของอาณาจักรล้านนา คือ เมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) อาณาจักรสุโขทัยกับอาณาจักรล้านนา ได้มีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมทาง พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์ โดยพระเจ้ากือนาแห่งอาณาจักรล้านนา ได้แต่งทูตมาขอพระสุมนเถระ ซึ่งเป็นพระภิกษุของอาณาจักรสุโขทัยขึ้นไปสืบทอดและเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่อาณาจักรล้านนา ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 2 ตรงกับสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพระงั่ว) กษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยาได้ยกทัพไปตีหัวเมืองหลายแห่ง และพระมหาธรรมราชาที่ 2 ทรงขอกำลังทัพสนับสนุนจากเจ้าเมืองล้านนาในขณะนั้น ก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดีและในขณะนั้นอาณาจักรสุโขทัยมีกำลังอ่อนแอมาก เกรงว่าอาณาจักรล้านนาจะเข้ามาครอบครองอาณาจักรสุโขทัย พระมหาธรรมราชาที่ 2 จึงยกทัพเข้าโจมตีอาณาจักรล้านนาจนได้รับความเสียหายมาก ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสุโขทัยกับล้านนายุติลง การสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในทวีปเอเชียความสัมพันธ์กับลังกา ลังกามีที่ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียตอนใต้ เป็นเกาะในมหาสมุทรอินเดียอาณาจักร สุโขทัยกับลังกามีความสัมพันธ์กันทางด้าน พระพุทธศาสนาโดยสุโขทัยถ่ายทอดวัฒนธรรม การนับถือพระพุทธศาสนาให้กับสุโขทัย ในชั้นแรกผ่านมาทางแคว้นนครศรีธรรมราช และหัวเมืองมอญ ต่อมาในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 ได้มีพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามณี พระภิกษุสงฆ์ที่มีเชื้อพระวงศ์กษัตริย์สุโขทัยได้ไปศึกษาพุทธศาสนาที่ลังกาโดยตรง นอกจากนั้นสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 แห่งอาณาจักรสุโขทัย ยังได้ส่งคณะทูตจากสุโขทัยไปอาราธนามหาสามีสังฆราชจากเมืองพัน(เมืองเมาะตะมะ) ซึ่งมีวัตรปฏิบัติแบบลังกามายังสุโขทัย อาณาจักรสุโขทัยกับลังกาส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กันทางด้านพระพุทธศาสนา ในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ สุโขทัยได้รับพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์มาจากเมืองนครศรีธรรมราช พระองค์ได้ทรงส่งราชทูตไปยังลังกาพร้อมกับราชทูตของเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อขอพระพุทธสิหิงค์มาไว้สักการบูชาที่อาณาจักรสุโขทัย ทำให้อาณาจักรสุโขทัย ได้แบบอย่างพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์มาถือปฏิบัติกันในอาณาจักรสุโขทัยอย่างจริงจัง ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง เป็นสมัยที่ให้การยอมรับพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ โดยพระองค์ทรงนิมนต์พระสงฆ์มาจากเมืองนครศรีธรรมราชมาประจำอยู่ที่สุโขทัยและแสดงธรรมในวันธรรมสวนะ (วันพระ) ที่กลางดงตาลให้กับประชาชนชาวสุโขทัย และช่วยส่งเสริมทางการศึกษาทางศาสนาและการปฏิบัติทางวินัย นอกจากนั้นยังมีประเพณีในด้านศาสนาเกิดขึ้นแล้ว เช่น การทำบุญ การทอดกฐิน ในสมัยพระเจ้าเลอไท พระสงฆ์บางรูป เช่น พระมหาเถรศรีศรัทธา ได้เดินทางไปศึกษาพระไตรปิฎกในประเทศลังกา เมื่อเดินทางกลับได้นำพระศรีมหาโพธิ์ พระศีวาธาตุ (กระดูกส่วนบนร่างกาย เช่น กรามหรือไหปลาร้า) และพระทันตธาตุมาประดิษฐานไว้ที่กรุงสุโขทัย นอกจากนั้นพระองค์ยังนำพระวินัยที่เคร่งครัดของพระสงฆ์ในนิกายมหาวิหาร มาเผยแผ่ในกรุงสุโขทัย ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) เป็นสมัยที่อาณาจักรสุโขทัยมีความเจริญด้านพระพุทธศาสนามากที่สุด โดยพระองค์ได้โปรดให้พิมพ์รอยพระพุทธบาท จากประเทศศรีลังกามาจำหลักลงบนแผ่นหิน แล้วนำไปประดิษฐานยังยอดเขาสุมณกุฎ (ปัจจุบันคือ “เขาหลวง” อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองสุโขทัยเก่า) และเมื่อครั้งพระองค์ฯ เสด็จออกผนวชก็ได้โปรดให้เชิญพระอุทุมพรบุปผาสวามีชาวลังกามาเป็นพระอุปัชฌาย์ ความสัมพัน์กับจีน ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรสุโขทัยกับจีน มีความสัมพันธ์ในลักษณะการค้าระบบรัฐบรรณาการ โดยเริ่มในสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สุโขทัยได้ส่งคณะทูตพร้อมกับเครื่องราชบรรณาการไปจีน จากการที่สุโขทัยมีความสัมพันธ์กับจีน ทำให้สุโขทัยได้รับประโยชน์จากจีนหลายอย่าง เช่น ทางการค้า ความรู้เรื่องการเดินทะเล เรียนรู้เรื่องเทคนิคการทำเครื่องปั้นดินเผา (การทำสังคโลก) จนสามารถส่งขายเป็นสินค้าออก นอกจากนั้นพ่อค้าจากสุโขทัยที่ไปค้าขายยังเมืองจีน จะได้รับความสะดวกและสิทธิพิเศษในเรื่องการซื้อการขาย ทำให้การค้าระหว่างไทยกับจีนระยะต่อมามีความเจริญเป็นลำดับ ผลจากการเปิดสัมพันธภาพกับจีน
พระมหากษัตริย์สุโขทัยที่สำคัญกับพระราชกรณียกิจพระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยหลายพระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่เสริมสร้าง ความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นปึกแผ่น ของอาณาจักรก่อให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎรและอาณาจักร ปรากฏหลักฐานอย่างเด่นชัด พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์สุโขทัยพระองค์ต่างๆ ที่สำคัญ ดังนี้ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัยหรือราชวงศ์พระร่วง พระนามเดิม คือ พ่อขุนบางกลางหาว แห่งเมืองบางยาง พระองค์ทรงร่วมกับ พระสหาย พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด ช่วยกันรวบรวมคนไทย ยึดเมืองสุโขทัยจากขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งเข้าครอบครองเมืองสุโขทัยอยู่ขณะนั้นจนเป็นผลสำเร็จ และตั้งเมืองสุโขทัยเป็นราชธานี พ่อขุนบางกลางหาวทรงได้รับการสถาปนาจากพ่อขุนผาเมืองขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ทรงมีพระมเหสี พระนามว่าพระนางเสือง มีพระราชโอรสที่ครองราชย์ต่อจากพระองค์อยู่ 2 พระองค์ คือ พ่อขุนบานเมือง และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระราชกรณียกิจ
พระมหาธรรมราชาที่ 1พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 6 แห่ง อาณาจักรสุโขทัย เป็นพระราชโอรสของพญาเลอไท และเป็นพระราชนัดดาของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระองค์ขึ้นครองราชย์ด้วยการปราบดาภิเษก พระราชกรณียกิจ
พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งอาณาจักรสุโขทัย ทรงเป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพระนางเสือง พระองค์ทรงได้รับการยกย่องเป็น “มหาราช” เนื่องจากพระองค์ทรงทำคุณประโยชน์อย่างมากแก่ชนชาวไทย นับว่าเป็นการวางรากฐานความมั่นคง ทางการเมือง และทางวัฒนธรรม พระราชกรณียกิจ
ความเสื่อมของอาณาจักรสุโขทัยอาณาจักร สุโขทัยมีการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองมาโดยตลอด โดยเฉพาะสมัยกรุงสุโขทัยตอนต้น ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงวาง รากฐานการปกครองแบบปิตุราชา (พ่อปกครองลูก) และในสมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย ได้นำหลักธรรมมาใช้ในการปกครอง เป็นการปกครองแบบธรรมราชา ทำให้อาณาจักรสุโขทัยมีกำลังทหารเข้มแข็ง จนกระทั่งสิ้นสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อาณาจักรสุโขทัยเริ่มเสื่อมอำนาจและสูญเสียอำนาจโดยถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาในที่สุด เนื่องมาจากสาเหตุดังนี้
ผู้จัดทำนางสาวอภัสรา มูลมณีแหล่งข้อมูล
ประวัติศาสตร์สุโขทัย พญางั่วนำถุม พญาเลอไท พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) พระมหาธรรมราชาที่ 2 พระมหาธรรมราชาที่ 3 (ไสยลือไทย) พระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) พ่อขุนบานเมือง พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ สังคมศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม สื่อการเรียนรู้ สุโขทัย อาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรสุโขทัยอยู่ในภาคอะไรภูมิศาสตร์ ตามการแบ่งจังหวัดเป็นภาคโดยคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติและราชบัณฑิตยสภา จังหวัดสุโขทัยตั้งอยู่ในภาคกลาง บริเวณตอนบนของภาค หากแบ่งเขตตามการพยากรณ์อากาศและเศรษฐกิจ สังคม จะจัดอยู่ในภาคเหนือตอนล่าง ห่างจากกรุงเทพมหานครตามระยะทางหลวงแผ่นดินประมาณ 440 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้
อาณาเขตของกรุงสุโขทัยมีอย่างไรบ้างที่ตั้งและอาณาเขต อาณาจักรสุโขทัย ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าผ่านคาบสมุทรระหว่างอ่าวเมาะตะมะ และที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงตอนกลาง มีอาณาเขตดังนี้ ทิศเหนือ มีเมืองแพร่ (ปัจจุบันคือแพร่) เป็นเมืองปลายแดนด้านเหนือสุด ทิศใต้ มีเมืองพระบาง (ปัจจุบันคือนครสวรรค์) เป็นเมืองปลายแดนด้านใต้
อาณาจักรสุโขทัยมีศูนย์กลางอยู่บริเวณใด *อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยซึ่งมีอำนาจ อยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า (เขตเทศบาลตำบลเมืองเก่า) อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยปัจจุบัน (เขต ...
เมืองสุโขทัยและเชลียงตกอยู่ใต้อิทธิพลของอาณาจักรใดเมืองสุโขทัยกำเนิดขึ้นในช่วงที่อิทธิพลขอมได้แผ่เข้าครอบครองดินแดนลุ่มน้ำ ม 1761) เนื่องจากพบร่องรอยการแผ่อิทธิพลของขอมจะเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ.1724- ซึ่งมีทั้งโบราณสถานและโบราณ วัตถุ เช่น ซุ้มประตูวัดพระบรมธาตุเชลียงที่เมืองศรีสัชนาลัย ศาลตาผาแดง วัดศรีสวาย และวัด
|