ลงทะเบียนลดค่าไฟฟ้า 3 เดือน

เหลือแค่อีก 3 เดือนเท่านั้นก็จะหมดเขตแล้ว ! สำหรับใครที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ “บัตรคนจน” และมียอดชำระค่าไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาท แล้วยังไม่ได้ไปกดลงทะเบียนขอลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา  โดยยังมีสิทธิเหลืออีก 3 เดือนทุกคนทั่วไทย 

ที่จริงมาตรการนี้เริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ปีที่แล้ว สำหรับผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มียอดชำระค่าไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนาน 12 รอบบิล 

คือถ้าลงทะเบียนตั้งแต่ช่วงนั้น ก็จะได้สิทธิ 12 เดือนเต็มๆ  แต่ใครที่เพิ่งมาลงทะเบียนวันนี้  ก็จะได้สิทธิลดแค่ 3 เดือน กรกฎาคม ถึง กันยายน เท่านั้น ( แต่ก็ยังดีกว่าไม่ลงทะเบียนไว้เลย )

ฉะนั้น ใครที่มี “บัตรคนจน” หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แล้วถึงวันนี้ยังไม่เคยลงทะเบียนรับสิทธินี้ ก็สามารถลงทะเบียนขอลดค่าไฟ-ค่าน้ำบ้างได้ภายใน 30 กันยายน 2565 นี้  

แล้วก็จะได้รับสิทธิตามมาตรการฯ ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาสำหรับเดือนที่ลงทะเบียน ไปจนถึงเดือน กันยายน 2565 ( ซึ่ง ณ ตอนที่ลงข่าวนี้ 30 มิถุนายน 2565 ก็เหลืออีกเพียง 3 เดือนแล้ว ! )

และต้องย้ำว่าส่วนลดนี้  ต้องเป็นผู้ถือ “บัตรคนจน” หรือชื่อเต็มๆว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น โดย 1 ครัวเรือน ใช้ได้เพียง 1 สิทธิเท่านั้น

ลงทะเบียนลดค่าไฟฟ้า 3 เดือน

ค่าไฟฟ้า

รูปแบบการรับสิทธิส่วนลดค่าไฟฟ้าก็คือ ต้องชำระเงินค่าไฟฟ้าเต็มจำนวน ตามที่ระบุในใบแจ้งค่าไฟฯก่อน แล้วจากนั้นกรมบัญชีกลางจึงจะจ่ายเงินคืนผ่านทางบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในช่องทางกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ช่อง e-Money)ให้ต่อไป

เงื่อนไขสิทธิส่วนลด

ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับสิทธิ 1 สิทธิต่อครัวเรือนต่อบิลเดือน และต่อหนึ่งหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้าเท่านั้น

ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มียอดชำระค่าไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาท ต่อครัวเรือนต่อเดือน จะได้รับเงินช่วยเหลือตามยอดที่ชำระจริงผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม 2564 ถึงกันยายน 2565

* แต่ถ้าค่าไฟฟ้าเกิน 315 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จะไม่ได้สิทธิจากมาตรการนี้ *

ทั้งนี้ผู้ที่ลงทะเบียนใหม่ จะได้รับสิทธิตามมาตรการฯ ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าของเดือนที่ลงทะเบียนจนถึงเดือนกันยายน 2565  ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนไว้เดิมได้รับสิทธิต่อเนื่องโดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่

ทั้งนี้ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และต้องการใช้สิทธิในการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ต้องลงทะเบียนผ่านช่องทางที่กำหนด และให้ข้อมูลถูกต้องครบถ้วน

ถ้าใครอยู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก็จะใช้เงื่อนไขของการไฟฟ้านครหลวง  ส่วนถ้าใครอยู่ต่างจังหวัด ก็ต้องใช้เงื่อนไขของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะมีรายละเอียดและเงื่อนไขต่างกันเล็กน้อยดังนี้

การไฟฟ้านครหลวง

ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการที่ยังไม่เคยลงทะเบียนสามารถลงทะเบียนเพื่อแจ้งความจำนงในการรับสิทธิโอนเงินชดเชยค่าไฟฟ้าคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ ผ่านแบบฟอร์มที่ meagate1.mea.or.th/welfareregis  จากนั้นขั้นตอนก็คือ

 …

 – กรอกข้อมูลรหัสเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า (เลขมิเตอร์ไฟฟ้า เฉพาะหมายเลข 8 หลัก)

 – กรอกบัญชีเเสดงสัญญา (เฉพาะหมายเลข 9 หรือ 10 หลัก)

 – กรอกชื่อ นามสกุล เเละที่อยู่จะแสดงตามที่ระบบค้นหาจากรหัสเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า

 – กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลักตามที่ระบุในบัตรสวัสดิการเเห่งรัฐ

 – ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ และ e-mail ของผู้ลงทะเบียน (ถ้ามี)

– กดปุ่ม “ลงทะเบียน”

ลงทะเบียนลดค่าไฟฟ้า 3 เดือน

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในส่วนภูมิภาคจังหวัดต่างๆทั่วไทย ที่ยังไม่เคยลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนเพื่อแจ้งความจำนงในการรับสิทธิโอนเงินชดเชยค่าไฟฟ้าคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ที่ eservice.pea.co.th/WelfareRegister  จากนั้นขั้นตอนก็คือ

  – กด “ยอมรับเงื่อนไข”

 – กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

 – กรอกเลขบัตรสวัสดิการเเห่งรัฐ

 – กรอกเลขเบอร์โทรศัพท์มือถือ

 – กรอกหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า

 – กรอกรหัสเครื่องวัดไฟฟ้า

 – เลือกบิลประจำเดือน

 – กรอกจำนวนเงินค่าไฟฟ้าตามบิลประจำเดือนที่เลือกไว้

 – กด “ยืนยันข้อมูล”

. . . . . . . . . .

ลงทะเบียนลดค่าไฟฟ้า 3 เดือน

ค่าน้ำประปา

เช่นเดียวกับค่าไฟฯ คือรูปแบบการรับส่วนลดกับการประปานครหลวงหรือการประปาส่วนภูมิภาคนั้น ผู้ใช้น้ำต้องชำระเงินค่าน้ำประปาตามที่ระบุในใบแจ้งค่าน้ำประปาตามปกติก่อน  

แล้วจากนั้นกรมบัญชีกลางจะโอน “เงินการสนับสนุนวงเงินค่าน้ำประปา” ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ลูกค้าในช่วงกลางเดือนถัดไป ในช่องทางกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ช่อง e-Money) ต่อไป

ค่าน้ำประปาที่จะได้รับสิทธิส่วนลด จะครอบคลุมค่าน้ำประปาประจำเดือน ตุลาคม 2564 – กันยายน2565 (ใบแจ้งค่าน้ำประปาเดือนพฤศจิกายน 2564 – ตุลาคม 2565) รวมระยะเวลา 12 เดือน

และอย่างที่ได้พูดถึงไปแล้วในช่วงต้นของข่าว  ก็คือ ใครที่ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว  ก็จะได้สิทธิ 12 เดือนเต็มๆ  แต่ใครที่เพิ่งมาลงทะเบียนวันนี้  ก็จะได้สิทธิลดแค่ 3 เดือน กรกฎาคม ถึง กันยายนเท่านั้น

และอีกหมายเหตุที่สำคัญที่ต้องบอกไว้ก่อนคือ  สิทธิส่วนลดค่าน้ำประปานี้ ไม่ครอบคลุมสำหรับผู้ใช้น้ำในหอพักหรือคอนโดมิเนียม

เงื่อนไขสิทธิส่วนลดค่าน้ำประปา

– ถ้ามีการใช้น้ำประปาไม่เกิน 100 บาท จะได้รับการสนับสนุนวงเงินค่าน้ำประปาตามจำนวนค่าน้ำประปาที่ใช้จริง

– ถ้ามีการใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท จะได้รับการสนับสนุนวงเงินค่าน้ำประปาจำนวน100 บาท

– ถ้ามีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท จะไม่ได้รับการสนับสนุนวงเงินค่าน้ำประปา

– ส่วนลดจะไม่มีผลย้อนหลังกับใบแจ้งค่าน้ำประปาของเดือน*ก่อนที่มีการลงทะเบียน

– สิทธินี้ไม่ครอบคลุมสำหรับผู้ใช้น้ำในหอพักหรือคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ถ้าใครอยู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก็จะใช้เงื่อนไขของการประปานครหลวง  ส่วนถ้าใครอยู่ต่างจังหวัด ก็ต้องใช้เงื่อนไขของการประปาส่วนภูมิภาค  ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะมีรายละเอียดและเงื่อนไขต่างกันเล็กน้อยดังนี้

การประปานครหลวง

– ลงทะเบียนที่เว็บไซต์ eservicesapp.mwa.co.th/welfareregist

– หรือสาขาสำนักงานประปานครหลวง 18 แห่ง

– หรือศูนย์บริการภาครัฐ 4 แห่ง (เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน, เดอะมอลล์บางแค และเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ)

– หรือกองจัดเก็บพิเศษ ฝ่ายมาตรวัดน้ำ การประปานครหลวง

การประปาส่วนภูมิภาค

– ลงทะเบียนแจ้งใช้สิทธิที่สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ

– หรือลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ register.pwa.co.th/welfare-register

– สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1662 ( PWA Contact Center )

โดยทั้ง 2 ส่วนนี้มีขั้นตอนไม่ต่างกันนัก คือ …

 – กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ชื่อ-นามสกุลของผู้ลงทะเบียน (ตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ)

 – กรอกเลขบัตรประชาชนของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 – กรอกอีเมล์ผู้ลงทะเบียน (ถ้ามี), เบอร์โทรศัพท์ของผู้ลงทะเบียน (ถ้ามี)

 – เลือกสาขาของบ้านที่จะใช้สิทธิสวัสดิการ

 – กรอกเลขที่ผู้ใช้น้ำ เลขที่ผู้ใช้น้ำของบ้านที่จะใช้สิทธิสวัสดิการ

 – เลือกรูปภาพที่ปรากฏให้ถูกต้อง

 – คลิกที่ปุ่ม “ตกลง”

และสรุปทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟหรือค่าน้ำ  ไม่ว่าจะใน กทม. หรือต่างจังหวัด  …ถ้าใครมีข้อสงสัย  ก็สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ … 

– ศูนย์บริการประชาชน 1125 

– หรือ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 02-1092345 

– หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 02-2706400