Show
บทความ: ยกระดับการจัดการขยะของโรงเรียนด้วยแนว คิดปลอดขยะแบบองค์รวม - กรณีศึกษาโรงเรียนรางราชพฤกษ์นุชมีอุทิศ กรุงเทพมหานครการอ้างอิง: สุจิตรา วาสนาดำรงดี และ อรอุษา สุขสุมิตร. (2564). ยกระดับการจัดการขยะของโรงเรียนด้วยแนว คิดปลอดขยะแบบองค์รวม: กรณีศึกษาโรงเรียนรางราชพฤกษ์นุชมีอุทิศ กรุงเทพมหานคร. วารสารสิ่งแวดล้อม, ปีที่ 25 (ฉบับที่ 3). บทความ: ยกระดับการจัดการขยะของโรงเรียนด้วยแนว คิดปลอดขยะแบบองค์รวม - กรณีศึกษาโรงเรียนรางราชพฤกษ์นุชมีอุทิศ กรุงเทพมหานคร สุจิตรา วาสนาดำรงดี และ อรอุษา สุขสุมิตร 1.
บทนำ จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ปี พ.ศ.2562 ประเทศไทยมีขยะมูลฝอยเกิดขึ้นประมาณ 28.71 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ 3) หรือประมาณ 78,665 ตัน/วัน อัตราการเกิดขยะมูลฝอยชุมชนโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1.18 กิโลกรัม/คน/วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 1.15 กิโลกรัม/คน/วัน ในจำนวนนี้ เป็นขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ประมาณ 13,583 ตัน/วัน คิดเป็นร้อยละ 17 ของปริมาณขยะมูลฝอยทั้งหมด ทั้งนี้ ปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครส่วนใหญ่ถูกนำไปกำจัดโดยการฝังกลบที่จังหวัดนครปฐมและจังหวัดฉะเชิงเทรา แม้ว่าจะเป็นการฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาลแต่กระบวนการเก็บขนและฝังกลบก็ยังสร้างความเสี่ยงทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนในสองจังหวัดดังกล่าวและยังเป็นการจัดการขยะที่ไม่ยั่งยืน ในแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ ได้ระบุบทบาทหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการที่จะต้องออกนโยบายให้ผู้บริหารโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกแห่งดำเนินการลดปริมาณการเกิด การคัดแยกขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และสร้างจิตสำนึกและวินัยให้กับเด็กและเยาวชน และพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในการลดและคัดแยกและนำกลับมาใช้ประโยชน์ ให้มีหลักสูตรการเรียน โดยสอดแทรกความรู้เรื่องการลด คัดแยกและการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายในบทเรียนหรือการเรียนการสอน ด้วยเหตุนี้ คณะผู้วิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนำโดยสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จึงได้ดำเนินโครงการยกระดับการจัดการขยะของโรงเรียนด้วยแนวคิดปลอดขยะแบบองค์รวม: กรณีศึกษาโรงเรียนรางราชพฤกษ์นุชมีอุทิศ กรุงเทพมหานคร ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินระดับการจัดการขยะของโรงเรียนระดับประถมศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานครและทำการทดลองการยกระดับการจัดการขยะด้วยแนวคิดปลอดขยะแบบองค์รวม (Zero-Waste under Whole School Approach) ซึ่งเป็นวิธีการที่คาดว่าจะช่วยสร้างจิตสำนึกและวินัยการลดและคัดแยกขยะให้กับเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถขยายไปสู่บ้านและชุมชนได้ 2. แนวคิดปลอดขยะแบบองค์รวม (Zero-Waste under Whole-School Approach) โรงเรียนนับว่าเป็นองค์กรที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะบ่มเพาะและปลูกฝังจิตสำนึกของเยาวชนให้ใส่ใจเรื่องขยะและสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่พลเมืองเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ลดการพอกพูนของภูเขาขยะที่ปัจจุบันสูงเท่าตึก 10 ชั้น และยังช่วยลดปัญหาขยะในทะเลที่จะส่งผลต่อระบบนิเวศและชีวิตของสัตว์ทะเลได้อีกด้วย แนวคิดปลอดขยะจึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแนวคิดสากล เป็นองค์ความรู้สำคัญที่พลเมืองแห่งอนาคตต้องตระหนักรู้ เพราะฉะนั้น ควรเริ่มต้นตั้งแต่ในโรงเรียนซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้และปลูกฝังเจตคติที่ดีต่อเยาวชน รูปที่ 1 แนวคิดลำดับขั้นของการจัดการขยะ (Waste Management Hierarchy) การผสานแนวคิดปลอดขยะ (Zero-Waste) ภายใต้ร่มของหลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education) ที่ยึดหลักการเรียนการสอนแบบองค์รวม (Whole-School Approach) นำมาสู่การพัฒนาแนวคิดปลอดขยะแบบองค์รวมสำหรับการยกระดับการจัดการขยะของโรงเรียน ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญ เรียกสั้น ๆ ว่า “4ป.” ได้แก่ 1. ประกาศนโยบายและแผนงาน เช่น ประกาศมาตรการลดขยะอย่างชัดเจน อาทิ งดแจกถุงพลาสติก รวมทั้งแต่งตั้งคณะทำงานในเรื่องการจัดการขยะ 2. ปรับการเรียนการสอนให้เชื่อมโยงกันทั้งในและนอกห้องเรียน เช่น สอดแทรกแนวคิดปลอดขยะในวิชาต่าง ๆ ทุกระดับชั้นอย่างสอดรับกัน และสามารถวัดผลการเปลี่ยนแปลงได้ 3. เปลี่ยนสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เอื้อต่อการสร้างพฤติกรรมและบ่มเพาะนิสัยในการลดการสร้างขยะ คัดแยกขยะ รวมถึงจัดการขยะบางประเภท เช่น การปรับปรุงตู้กดน้ำดื่มสร้างความมั่นใจให้เด็กและบุคลากรพกกระบอกน้ำมาเติมน้ำแทนการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติก การจัดระบบถังขยะแบบแยกประเภทโดยติดป้ายและใช้สีถังขยะตามมาตรฐานเพื่อให้มีการสื่อสารที่ตรงกันและเข้าใจง่าย เป็นต้น 4. ปูทางไปสู่บ้านและชุมชน เช่น การจัดกิจกรรมธนาคารขยะหรือตลาดนัดขยะรีไซเคิลที่เปิดรับขยะรีไซเคิลจากบ้าน ทำให้เด็กนักเรียนได้มีการสื่อสารและกระตุ้นให้ผู้ปกครองแยกขยะที่บ้านด้วย รวมทั้งการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ลดการสร้างขยะพลาสติก โดยโรงเรียนทำกิจกรรมเป็นตัวอย่างให้กับผู้ปกครอง (ดูรูปที่ 2) กระบวนการยกระดับการจัดการขยะในโรงเรียนจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้บริหาร คุณครู และนักเรียน โดยเริ่มจากการสำรวจสภาพปัจจุบันของโรงเรียนในการจัดการขยะด้วยแบบประเมินโรงเรียนปลอดขยะ (Zero-Waste School) 13 ข้อ (ภาคผนวก) ซึ่งช่วยให้โรงเรียนมีการทบทวนการดำเนินงานตามกรอบแนวคิดปลอดขยะแบบองค์รวมและช่วยให้โรงเรียนมีการวางแผนดำเนินงานได้ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน และสามารถนำแบบประเมินมาใช้ในขั้นตอนการติดตามประเมินผลการยกระดับของโรงเรียน รูปที่ 2 กรอบแนวคิดโรงเรียนปลอดขยะแบบองค์รวม ที่มา: พัฒนาโดยผู้เขียนร่วมกับทีมโครงการ Chula Zero Waste 3. กรณีศึกษา 3.1 การประเมินการจัดการขยะของโรงเรียน (ก่อนการยกระดับ) 3.2 ผลการสำรวจองค์ประกอบขยะ รูปที่ 3 องค์ประกอบขยะในโรงเรียนรางราชพฤกษ์นุชมีอุทิศ เดือนกันยายน 2563 (ก่อนเริ่มโครงการยกระดับ) 3.3
กระบวนการยกระดับการจัดการขยะของโรงเรียนด้วยแนวคิดปลอดขยะแบบองค์รวม กิจกรรมที่ 1 “สำรวจขยะในถัง” เพื่อให้นักเรียนทราบถึงปัญหาขยะของตนเอง โดยให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เข้าร่วมในกิจกรรมสำรวจองค์ประกอบขยะ ครั้งที่ 2 ที่คณะผู้วิจัยต้องดำเนินการอยู่แล้วโดยแบ่งเป็นทีมรับผิดชอบแยกขยะแต่ละชนิด การทิ้งกล่องนมที่ทานไม่หมดในถังปะปนกับเศษอาหารประเภทอื่น ๆ ส่งกลิ่นเหม็นในระหว่างการทำกิจกรรม คณะผู้วิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า มันเป็นผลจากการบริโภคและการทิ้งขยะโดยไม่คัดแยกของนักเรียนซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ มีความตระหนักในการบริโภคและจัดการขยะมากขึ้น นอกจากนี้ ได้มีการสอนคำนวณการชั่งน้ำหนักและบันทึกข้อมูลด้วยซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในการเรียนได้ รูปที่ 4 นักเรียนร่วมสำรวจองค์ประกอบขยะในการสำรวจครั้งที่ 2 ของโครงการ กิจกรรมที่ 2 “กิจกรรมการแยกขยะ 4 ฐาน 4 ถัง” เพื่อให้นักเรียนรู้จักประเภทและปลายทางของขยะและสีมาตรฐานของถังขยะ 4 ชนิด เพื่อให้มีการแยกขยะได้ถูกต้อง ได้แก่ ขยะอินทรีย์ (ถังขยะสีเขียว) ขยะรีไซเคิล (ถังขยะสีเหลือง) ขยะทั่วไป (ถังขยะสีฟ้า) และขยะอันตราย (ถังขยะสีส้ม) รูปที่ 5 นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมการแยกขยะ 4 ฐาน 4 ถัง กิจกรรมที่ 3 “ขยะกล่องนม” เพื่อให้นักเรียนรู้จักวิธีการตัด-ล้างกล่องนม และการนำกล่องนมไปใช้ประโยชน์ โดยในช่วงเวลาดื่มนมของโรงเรียน ได้ปรับวิธีการจากการพับกล่องนมโดยไม่ล้างซึ่งก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น บูดเน่าจากคราบนมที่เหลือก้นกล่องมาเป็นการใช้กรรไกรตัดปากกล่องแล้วล้างกล่องแล้วคว่ำกล่องให้แห้ง นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนแกะล้างเก็บกล่องนมที่ดื่มที่บ้านด้วยเพื่อนำมาส่งให้กับโรงเรียนร่วมกับกล่องนมโรงเรียน รูปที่ 6 นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมขยะกล่องนม กิจกรรมที่ 4 “อะไรอยู่ในทะเล” กิจกรรมเล่านิทานจากหนังสือที่สร้างความตระหนักเรื่องปัญหาขยะพลาสติกในทะเล เพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักถึงปัญหาขยะทะเลที่มีต้นทางมาจากตนเอง โดยเด็ก ๆ จะช่วยสัตว์ทะเลได้ หากสามารถลดการสร้างขยะ คัดแยกขยะที่ต้นทางและช่วยเก็บขยะที่พบตามถนนหรือชายหาด เป็นต้น รูปที่ 7 นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมอะไรอยู่ในทะเล กิจกรรมที่ 5 “ขยะอาหารกับโลกร้อน” ให้เด็กเล็ก (ป.1-ป.3) วาดรูปเกี่ยวกับอาหารที่ชอบทานแล้วเชื่อมโยงปัญหาเศษอาหารกับการเกิดภาวะโลกร้อนซึ่งนักเรียนมีส่วนในการช่วยแก้ปัญหาได้ด้วยการตักอาหารแต่พอดี รับประทานข้าวให้หมดจาน ปรับนิสัยการเลือกรับประทาน ส่วนเด็กโตให้ทำสื่อรณรงค์เรื่องขยะอาหารแล้วสื่อสารกับเพื่อน ๆ รูปที่ 8 นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมขยะอาหารกับโลกร้อน กิจกรรมที่ 6 “การแข่งขันเก็บขยะรอบโรงเรียน” แบ่งกลุ่มนักเรียน แจกอุปกรณ์เก็บขยะ ได้แก่ ถุงมือ ไม้คีบขยะและถุงขยะ แล้วจับเวลาให้นักเรียนแข่งกันเก็บขยะรอบบริเวณโรงเรียนแล้วให้รางวัลกับกลุ่มที่สามารถเก็บขยะได้มากที่สุด จากนั้น จึงมีการสรุปกิจกรรมโดยถามถึงประเภทขยะที่พบมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นถุงพลาสติก และผู้นำกิจกรรมได้อธิบายถึงผลกระทบของขยะพลาสติกที่สามารถสลายและแตกตัวเป็นไมโครพลาสติกแล้วปนเปื้อนในอาหารที่เรารับประทานได้ นั่นคือ หากเราไม่รับผิดชอบกับขยะ ขยะก็จะย้อนกลับมาทำลายพวกเราในท้ายที่สุด รูปที่ 9 นักเรียนเก็บขยะรอบโรงเรียน กิจกรรมที่ 7 “แยกให้ถูก ทิ้งให้เป็น” ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มไปสำรวจการทิ้งขยะของเพื่อน ๆ น้อง ๆ ในห้องเรียนต่าง ๆ แล้วนำสิ่งที่พบมาระดมสมองหาแนวทางการลดและคัดแยกขยะประเภทต่าง ๆ ให้นักเรียนได้เป็นผู้ถ่ายทอดวิธีการลดและแยกขยะที่ถูกต้องให้แก่ผู้อื่น ฝึกทักษะในการคิด การแสดงออกและการทำงานร่วมกับผู้อื่น รูปที่ 10 นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมแยกให้ถูก ทิ้งให้เป็น • เปลี่ยนสภาพแวดล้อมในโรงเรียน 3.4 ผลการดำเนินงาน รูปที่ 11 ก่อนและหลังการปรับปรุงถังขยะบริเวณชั้น 1 ของโรงเรียน 2) ถังขยะในห้องเรียน โครงการได้ตั้งถังขยะประเภทรีไซเคิล อุปกรณ์การเรียน กระดาษ และทำการติดป้ายสติ๊กเกอร์หน้าถังขยะ รูปที่ 12 ก่อนและหลังการปรังปรุงถังขยะในห้องเรียน 3) โรงปุ๋ยหมัก โครงการได้ปรับพื้นที่ว่างให้เป็นบริเวณโรงปุ๋ยหมักจากเศษอาหารและใบไม้ รูปที่ 13 ก่อนและหลังการทำโรงปุ๋ยหมัก 4) จุดตัด-ล้างกล่องนม ทางโครงการติดตั้งจุดตัด-ล้างกล่องนม บริเวณใกล้จุดซักล้างของโรงเรียน รูปที่ 14 ก่อนและหลังการตั้งจุดตัด-ล้างกล่องนม 3.4.2 ผลการสำรวจด้วยแบบสอบถาม ตารางที่ 1 ผลการสำรวจนักเรียนในด้านพฤติกรรมการลดและแยกขยะ ในด้านการได้รับความรู้ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอย พบว่า โรงเรียนเป็นสถาบันหลักในการสอนให้นักเรียนลดและแยกขยะ แต่ในครอบครัวบางส่วนไม่มีการสอนเลยหรือมีการสอนอยู่บ้างในระดับปานกลาง ดังแสดงในตารางที่ 2 ตารางที่ 2 ผลการสำรวจนักเรียนในด้านการได้รับความรู้ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอย 3.4.3 ผลการสังเกตพฤติกรรมนักเรียน 3.4.4 ผลเชิงปริมาณขยะ รูปที่ 15 ปริมาณขยะเหลือทิ้งในรอบ 5 วันในแต่ละเดือน 3.5 บทเรียน
ปัญหาอุปสรรคที่พบ 3.6 บทสรุปและข้อเสนอแนะ ที่สำคัญที่สุด คือ ผู้บริหารที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่นำไปสู่โรงเรียนปลอดขยะได้ ผู้บริหารควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานเป็นระยะ และอีกหนึ่งเงื่อนไขคือแผนปฏิบัติการต้องยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามบริบทของแต่ละโรงเรียน ซึ่งจะช่วยให้เกิดความร่วมมือจากบุคลากรทุกกลุ่มได้มากขึ้น โดยการมีส่วนร่วมที่มากขึ้นจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ โรงเรียนที่ประสบความสำเร็จแล้วสามารถเป็นต้นแบบและแหล่งเรียนรู้ให้แก่โรงเรียนและชุมชนใกล้เคียงได้ ความยั่งยืนของการจัดการโรงเรียนปลอดขยะ (Zero-Waste School) จะต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ ในที่นี้ คือ สำนักการศึกษาและสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ซึ่งควรมีการดำเนินนโยบายและจัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการยกระดับการจัดการขยะของโรงเรียนสู่โรงเรียนปลอดขยะ โดยควรต้องดำเนินการกิจกรรมที่สร้างความตระหนักและองค์ความรู้ให้กับผู้บริหารของโรงเรียนและครูก่อนผ่านโครงการฝึกอบรมต่าง ๆ และควรมีการจัดกิจกรรม Train the Trainer เพื่อให้เกิดการขยายผลได้ เมื่อผู้บริหารและครูมีความตระหนักก็จะมีการสื่อสารให้กับเจ้าหน้าที่และนักเรียนภายในโรงเรียน รวมทั้งผู้ปกครองต่อไปซึ่งจะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมในท้ายที่สุด กิตติกรรมประกาศ รายการอ้างอิง ภาคผนวก เพิ่มเติม เอกสารดาวน์โหลดej_2564_3_5สารบัญ |