แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน

แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญจากนิทาน
ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
 ID: 2874009
Language: Thai
School subject: ภาษาไทย
Grade/level: ม.1
Age: 13-16
Main content: ภาษาไทย
Other contents: การอ่านจับใจความจากนิทาน

แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
 Add to my workbooks (0)
แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
 Download file pdf
แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
 Embed in my website or blog
แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
 Add to Google Classroom
แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
 Add to Microsoft Teams
แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
 Share through Whatsapp

Link to this worksheet:  Copy
แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน

wipawee2543


แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน

What do you want to do?

แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
แบบฝึกการอ่านจับใจความ สํา คั ญ จากนิทาน
Check my answersEmail my answers to my teacher

Enter your full name:

Group/level:

School subject:

Enter your teacher's email or key code:

Cancel

Please allow access to the microphone
Look at the top of your web browser. If you see a message asking for permission to access the microphone, please allow.

Close

แบบฝกึ ทักษะ
การอา่ นจบั ใจความ
สาคญั จากนทิ าน

ชอื่ -สกุล..............................................................ชัน้ ป.๖

สารบญั หนา้

เรอื่ ง ๑
คานา ๓
คาชีแ้ จง ๕
แบบฝกึ ทักษะการอา่ นจับใจความสาคญั จากนิทาน ๙
แบบทดสอบก่อนเรียน ๑๑
ใบความรู้ ๑๒
แบบฝึกหัดท่ี ๑ ๑๓
แบบฝึกหัดที่ ๒ ๑๕
แบบฝึกหัดท่ี ๓ ๑๙
แบบฝกึ หดั ที่ ๔ ๒๐
แบบฝึกหดั ท่ี ๕ ๒๔
แบบทดสอบหลังเรยี น ๒๕
ภาคผนวก ๒๖
เฉลยแบบทดสอบก่อน ๓๑
แนวการตอบ แบบฝึกหดั ท่ี ๑ – ๕ ๓๒
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน
บรรณานกุ รม

คาชแี้ จง

แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสาคัญเพื่อพัฒนาการ
อ่าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสาหรับนักเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ ๖ มีทั้งหมด จานวน ๑ เรื่อง ดังนี้ เรื่อง การ
อ่านจับใจความสาคัญจากนิทาน แบบฝึกทักษะการอ่านจับ
ใจความสาคัญเพื่อพัฒนาการอ่าน กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทยสาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เรื่องนี้เป็น
เรื่อง การอ่านจับใจความสาคัญจากนิทาน ประกอบด้วย
แบบฝึกหดั จานวน ๕ แบบฝึกหดั และแบบทดสอบกอ่ นเรียนและ
หลงั เรียน

สว่ นประกอบของแบบฝกึ ทกั ษะการอา่ นจบั ใจความ

สาคญั เพอ่ื พฒั นาการอา่ น

➢ สว่ นที่ ๑ ประกอบด้วย

๑.๑ แบบฝกึ หัด จานวน ๕ แบบฝกึ หดั
๑.๒ แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรยี น จานวน ๑๐ ข้อ

➢ สว่ นท่ี ๒ ประกอบดว้ ย

๒.๑ ภาคผนวก
๒.๑.๑ เฉลยแบบฝึกหัด และแนวการตอบแบบฝึกหัด
๒.๑.๒ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน

๒.๒ บรรณานกุ รม
แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสาคัญเพื่อพัฒนาการอ่านใช้เป็นแบบฝึกทักษะ

การอ่าน จับใจความสาคัญในรายวิชาภาษาไทยพ้ืนฐานชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ หน่วยการ
เรียนรู้ที่ ๑ อยู่อย่างพอเพียง แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ ๒ การอ่านจับใจความสาคัญจาก
นิทาน เวลาในการสอนจานวน ๒ ชวั่ โมง ใชส้ อนในข้ันกจิ กรรมการเรยี นการสอน ตลอด
จนถึงการวดั ผล และประเมนิ ผล สาหรับ การนาแบบฝกึ ไปใช้ สามารถนาไปใชไ้ ด้ทั้งเวลา
เรียนและนอกเวลา หรือทาเป็นการบ้านเพื่อเป็นการฝึกทักษะในการเรียนรู้เรื่องการอ่าน
จบั ใจความสาคัญ

ก่อนการทาแบบฝึกทักษะนักเรยี นควรได้รับคาแนะนา และคาช้ีแจงจากครูให้เข้าใจ
ถงึ ขั้นตอน และวธิ ีการทาแบบฝึกทกั ษะก่อนแล้วจึงลงมอื ปฏิบตั ิตามคาชแ้ี จงในแบบฝึก

ขอ้ สงั เกต

แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสาคัญเพื่อพัฒนาการอ่าน บางแบบฝึกหัดเป็น
คาถามปลายเปิด ดังนั้น แนวการเขียนตอบแสดงความคิดเห็นของนักเรียนครูผู้สอนควรใช้
ดุลยพินิจในการตรวจคาตอบเมื่อตรวจแล้ว ควรแจ้งให้นักเรียนทราบผลทันทีเพื่อนักเรียน
จะไดม้ ีกาลังใจและครจู ะไดน้ าไปพัฒนาการจัดการเรยี นการสอนตอ่ ไป

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเลอื กคาตอบที่ถกู ต้องทส่ี ดุ เพียงข้อเดียว โดยกาเครือ่ งหมาย
กากบาท (x) ลงในกระดาษคาตอบ ๑๐ ข้อ (๒๐ คะแนน)
อ่านขอ้ ความต่อไปนี้ แลว้ ตอบคาถามขอ้ ๑ – ๓

“ชาวสวนมีลูกมากคนหนึ่ง เมื่อเจ็บใกล้จะตายใคร่จะสอนลูกให้รู้จัก
บารุงสวน ครั้นจะสอนตรงๆ ก็เกรงว่าลูกจะไม่ทาจึงคิดสอนในทางอ้อม
บอกกับลูกว่า สมบัติของพ่อฝังไว้ในสวนให้เจ้าไปขุดเอาเองเถิด แล้ว
ชาวสวนก็ตายไป พวกลูกๆ อยากได้สมบัติของพ่อ จึงพากันไปขุดหาดูจน
ทว่ั สวนก็ไมพ่ บ พอสน้ิ ปนี น้ั ตน้ ไม้ในสวนเมื่อได้รับการพรวนดินก็งอกงาม
ออกผลดก ลูกของชาวสวนไดเ้ ก็บเอาไปขายไดเ้ งนิ มากกว่าปีก่อนๆ”

๑. เรื่องน้เี ป็นนิทานประเภทใด ข. นทิ านเทพนิยาย
ก. นทิ านขบขนั ง. นิทานปรัมปรา
ค. นทิ านสภุ าษติ
ข. ชาวสวนกับลกู
๒. ควรต้งั ชอื่ เร่ืองนว้ี ่าอย่างไร ง. สมบตั ิชาวสวน
ก. ชาวสวนเจา้ ปัญญา
ค. ชาวสวนลกู มาก

๓. ข้อคิดทีไ่ ด้จากเรื่องนี้คอื อะไร
ก. ควรสอนคนโลภโดยทางอ้อม
ข. ควรสอนคนโง่โดยทางอ้อม
ค. ควรมีความเพยี รจงึ จะประสบความสาเร็จ
ง. ควรมีความสามัคคีจงึ จะประสบความสาเรจ็

อา่ นนทิ านตอ่ ไปนแี้ ล้วตอบคาถามขอ้ ๔ - ๕

“ณ ชายป่าแหง่ หนง่ึ มีสตั วอ์ าศยั อยมู่ ากมายหลายชนิด มกี วางตัวหนึ่งมนั จะ
ช่ืนชมและภาคภมู ใิ จในเขาอันสวยงามของมนั มาก มันจะเที่ยวอวดใครตอ่
ใครวา่ มันมเี ขาที่สวยงามกวา่ สัตวท์ ุกตัวในป่า และมนั จะเกลยี ดเทา้ ของมัน
มาก เพราะมนั คิดวา่ เทา้ ของมนั น่าเกลียด ไมส่ วยงาม จนอยู่มาวันหน่งึ มี
นายพรานออกลา่ สตั ว์ สตั ว์ท้งั หลายต่างวิง่ หนีอย่างไม่คดิ ชวี ติ กวางตวั น้ันก็
ว่ิงหนเี ข้าไปในป่า เขาของมันติดกับเถาวัลย์ ทาให้มันหนไี ด้ช้ากวา่ สตั ว์
อื่นๆ มันจึงคดิ ไดว้ า่ เขาท่สี วยงามของมนั ทาใหเ้ กือบตาย แต่เท้าทีน่ ่าเกลียด
ของมนั ทาให้มันรอดชีวติ มาได้”

๔. จากข้อความนข้ี อ้ ใดคือความหมายของคาว่า “เถาวลั ย์”

ก. ใบไม้ ข. รากไม้

ค. ก่ิงไม้ ง. เครอื ไม้

๕. จากข้อความนม้ี ีความหมายตรงกบั สานวนใด

ก. วานรไดแ้ ก้ว ข. ผกั ชีโรยหนา้

ค. เส้นผมบงั ภเู ขา ง. สวยแตร่ ูปจูบไมห่ อม

อา่ นนิทานตอ่ ไปนีแ้ ล้วตอบคาถามข้อ ๖ – ๗

มีชายคนหนึ่งนั่งรอที่สถานีกับเพ่อื น รถจะมาเวลาเที่ยง ชายคนนั้น
กบ็ อกให้เพ่ือนไปดเู วลา เพื่อนกไ็ ปดูแลว้ บอกวา่ ยงั ไม่เท่ยี ง ชายคนนน้ั ก็
น่งั รอต่อไปอีกจนตะวนั คลอ้ ยไปแลว้ เขาจึงถามเพอ่ื นวา่ นาฬิกาอยู่ไหน
เขาจะไปดเู อง เพื่อนกพ็ าไปดู เขาก็ถามวา่ “ไหนละ่ ” เพื่อนก็ชี้ให้ดู เขา
อุทานออกมาด้วยความตกใจวา่ “นม่ี ันตาชง่ั นีห่ วา่ ”

๖. นทิ านเรือ่ งนีจ้ ัดเป็นนทิ านประเภทใด

ก. นทิ านปรมั ปรา ข. นทิ านตลกขบขนั

ค. นทิ านท้องถิ่น ง. นิทานเทพนยิ าย

๗. ผู้เขียนมีจุดมงุ่ หมายอย่างไรในการเขยี น

ก. เพื่อใหข้ อ้ คิดแกผ่ ู้อ่าน

ข. เพื่อให้เกดิ ความสนกุ สนาน

ค. เพ่ือเสียดสี คนที่ชอบใช้ผอู้ น่ื

ง. เพ่ือเตอื นให้มคี วามรอบคอบ

อา่ นนทิ านตอ่ ไปนี้แล้วตอบคาถามข้อ ๘ - ๑๐

ไกต่ ัวผ้สู องตัวอยูใ่ นเลา้ เดียวกัน ในเล้าน้ันมีไกต่ วั เมียอยู่หลายตวั
แตว่ สิ ยั ของไกต่ ัวผู้ พ่อเลา้ ซ่ึงมักไมย่ อมจะก้มหัวใหแ้ กก่ นั มันจงึ มักจะตกี ัน
อยเู่ สมอ เพราะสาเหตุทจี่ ะแยง่ เป็นพ่อเล้าครอบครองไกต่ วั เมียทงั้ หมดแต่
เพียงผูเ้ ดยี ว วนั หนงึ่ ไก่ตัวผทู้ ั้งคู่กเ็ กดิ ปะทะกันอย่างหนัก ถงึ ขนาดแพช้ นะ
ไกต่ วั ทแ่ี พ้ต้องหนไี ป หลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในมมุ มดื ไม่กลา้ ออกมาตอี กี ส่วน
ไก่ ตวั ท่ีชนะนัน้ ก็ลิงโลดใจวา่ ตนเองเป็นผู้ชนะถึงกับกระโดดขึ้นไปยนื
เกาะอยู่บนเสาร้วั เล้า แล้วตีปกี ส่งเสยี งดงั ลั่น บอกความเปน็ ผู้ชนะนกอินทรี
ตวั หนง่ึ บนิ ผา่ นมาเหน็ เข้า กบ็ ินลงมาโฉบเอาไก่พ่อเล้าตัวนน้ั ดว้ ยกรงเลบ็
แหลมคมของมันขึน้ ไปทนั ที แล้วพาไปจากทน่ี นั่ ไก่ตวั ที่แพเ้ ลยได้เป็นพ่อ
เลา้ แทน

๘. พฤติกรรมของไก่ทั้งสองตวั เปรยี บได้กับสานวนในข้อใด

ก. หวั เราะทหี ลงั ดังกว่า ข. แพเ้ ป็นพระ ชนะเปน็ มาร

ค. เสอื สองตัวอย่ถู า้ เดียวกันไม่ได้ ง. คนโง่ยอ่ มเป็นเหยื่อของคนฉลาด

๙. ไก่ตวั ทช่ี นะเปน็ เหยอ่ื ของนกอินทรีเพราะอะไร

ก. ทะนงตน ข. หลงตวั เอง

ค. ประมาท ง. เยอ่ หยิ่ง

๑๐. ขอ้ คดิ ทีไ่ ดจ้ ากเร่ืองนี้คอื ข้อใด

ก. ไม่ควรรงั แกผ้ทู ี่อ่อนแอกวา่ ข. ไม่ควรยดึ ติดกบั อานาจวาสนา

ค. ควรผูกมติ รดกี วา่ สรา้ งศตั รู ง. ควรมีความสามัคคีในหมูค่ ณะ

กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
การอา่ นจบั ใจความสาคญั

เรอ่ื ง หลกั การอา่ นจบั ใจความสาคญั

คาชแี้ จง จงเลือกและใสเ่ คร่อื งหมายกากบาท (X) ในข้อท่ีถกู ท่ีสุด

ขอ้ ก ข ค ง









๑๐

ใบความรู้

เร่อื ง นทิ าน

ความหมาย
นิทาน หมายถึง เรื่องเล่าที่เล่าสืบต่อกันมา มุ่งให้เห็นความบันเทิง แทรก

แนวคิด คติสอนใจจนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทยอย่างหนึ่งอาจเรียก
นิทานพนื้ บ้าน นิทานพ้นื เมอื ง นิทานชาวบา้ น เปน็ ตน้

นิยาย พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ใหค้ วามหมาย
ของนิยายไว้ว่าหมายถึง เรื่องที่เล่าต่อกันมา หมายถึงความไม่แน่นอนหรือไม่ใช่
ความจริงทั้งหมด มีการแต่งเติมเสริมต่อบางตอนเรื่องราวนั้นจะต่างไปจากชีวิต
จริง เช่น เกิดเป็น ลูกสัตว์แล้วมาใช้เวทย์มนต์คาถาให้กลายเป็นมนุษย์ได้ใน
ภายหลัง เป็นต้น จากความหมายของนิทาน นิยาย ดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่ามี
ความคล้ายคลึงกัน จนบางครัง้ แยกกนั ไม่ออก
ที่มาของนทิ าน

๑.มาจากความต้องการให้เกิดความสนุกสนาน บันเทิง จึงผูกเรื่องขึ้นหรือ
นาเร่ืองไปผสมผสานกับ เรอื่ งที่มอี ยู่เดมิ

๒.มาจากความต้องการอบรมสั่งสอนในแง่ของพุทธศาสนาให้ความรู้ ด้าน
คติธรรม เพื่อให้การอบรมสั่งสอนให้คนประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม อยู่ใน
กฎระเบียบของสงั คม เช่น นิทานธรรมบท นิทานอสี ป เป็นตน้
๓.มาจากการยกตัวอยา่ งประกอบคาอธบิ าย จึงมกี ารสมมตุ เิ ร่อื งราวขน้ึ มา เพ่ือให้
เข้าใจชดั เจนยิ่งข้ึน

ประเภทของนทิ าน
ประเภทของนิทานแบ่งออกตามรปู แบบได้ ๕ ประเภท คอื
๑.นิทานปรัมปรา (Faily tale) เป็นนิทานที่มีเรื่องค่อนข้างยาว เป็นเรื่อง

สมมุติว่าเกิดขึ้นในที่ใดที่หนึ่ง ไม่กาหนดชัดเจนว่าที่ไหน ตัวเอกของเรื่องเป็นผู้
ที่มีคุณสมบัติพิเศษประการใดประการหนึ่ง เช่น เป็นผู้มีอานาจ มีบุญ มีฤทธ์ิ
เดช ทาให้ศัตรูพ่ายแพ้ได้ ถ้าเป็นหญิงมักได้แต่งงานกับชายสูงศักดิ์ เช่นปลาบู่
ทอง สโนวไวท์ และซินเดอเรลลา และมักนิยมขึ้นต้นว่า “ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”
หรือ “ในกาลครั้งหนง่ึ ...”

๒.นิทานท้องถิ่น (Legend) เป็นนิทานที่มีเร่ืองส้ันกว่านิทานปรัมปรา มัก
เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณี โชคลาง หรือคตินิยม แต่
วา่ เป็นเรื่องท่เี กดิ ขึน้ จรงิ หรือมเี ค้าความจรงิ มบี ุคคลจริงๆ มสี ถานที่จรงิ ๆ

๓.นิทานเทพนิยาย (Myth) เป็นนิทานที่มีเทวดา นางฟ้า เป็นตัวเอกของ
เรอ่ื ง เชน่ เมขลา รามสูร ทา้ วมหาสงกรานต์

๔.นิทานเรื่องสัตว์ (Animal tale) เป็นนิทานที่มีตัวเอกเป็นสัตว์ และมี
ความคิดและการกระทาต่างๆ ตลอดจนพูดจาอย่างคน หรืออาจมีคนเกี่ยวข้องอยู่
ด้วย ทั้งคนทั้งสัตว์สามารถพูดจาโต้ตอบและปฏิบัติต่อกันได้ นิทานประเภทน้ี
แบง่ ไดเ้ ปน็ ๒ ประเภท

๔.๑นิทานเร่อื งสตั ว์ประเภทคตธิ รรม (Fable) ไดแ้ ก่ นทิ านอสิ ป ชาดกตา่ งๆ
๔.๒นิทานเรื่องสัตว์ประเภทเล่าซ้า หรือเล่าไม่รู้จบ (Commutative
tale) เช่น เร่ือง ยายกะตา

๕.นิทานตลกขบขัน (Jest) เป็นนิทานเรื่องสั้นๆ จุดสาคัญของเรื่องอยู่ท่ี
ไม่น่าจะเป็นไปได้ต่างๆ อาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับความโง่ กลโกง การแก้เผ็ด การ
แสดงปฏภิ าณไหวพรบิ
คุณค่าของนิทาน

๑.นิทานให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน การเล่านิทานในโอกาสต่างๆ
ทาให้เกิดความเพลิดเพลิน ช่วยผ่อนคลายความเครียดขณะทางาน หรือหลังจาก
การทางานหนกั มา

๒.นิทานช่วยกระชับความสัมพันธ์ ทาให้ผู้ใหญ่และเด็ก หรือแม้แต่ผู้ใหญ่
กบั ผใู้ หญ่ดว้ ยกัน กไ็ ด้ใกล้ชดิ สนทิ สนมกัน

๓.นิทานให้การศึกษาและเสริมสร้างจิตนาการ เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้
ลักษณะมนุษย์จากตัวละครในนิทาน เรียนรู้เกี่ยวกับอุปสรรคตลอดจนการ
เอาชนะอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต นิทานที่มีเรื่องนางฟ้า อภินิหารต่างๆ ยังช่วย
เสรมิ สร้างจิตนาการของเด็กๆ ทาใหม้ คี วามคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์

๔.นิทานให้ข้อคิดและคติเตือนใจ นิทานไม่ได้ให้แต่ความสนุกสนาน
เพลิดเพลินแก่ผู้ฟังเท่านั้น มีนิทานเป็นจานวนมากโดยเฉพาะนิทานคติ จะให้
ขอ้ คดิ แงใ่ ดแงห่ น่ึง เป็นการปลกู ฝังคณุ ธรรมต่างๆ ทส่ี งั คมพงึ ประสงค์แกผ่ ฟู้ งั ด้วย

๕.นิทานช่วยสะท้อนให้เห็นสภาพของสังคมในอดีตในหลายๆ ด้าน เช่น
วิถีชีวติ ตลอดจนประเพณี คา่ นยิ ม ความเชือ่ เปน็ ตน้ ถ้าผู้ฟังรจู้ ักสังเกต วเิ คราะห์
นิทานต่างๆ เหล่านั้น ก็จะทาให้เกิดความเข้าใจสภาพวิถีชีวิตของประชาชนใน
ทอ้ งถนิ่ ต่างๆ อยา่ งแท้จรงิ

แบบฝกึ หดั ท่ี ๑

คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนจับคขู่ อ้ ความ โดยนาตัวอกั ษรที่อยูด่ ้านหลังมาเขยี น
ไวด้ ้านหน้าของขอ้ ความท่สี มั พนั ธก์ นั

๑..........................นิทาน ก. นทิ านปรมั ปรา
๒.........................ทีม่ าของนิทาน ข. นทิ านท้องถิน่
๓.........................ประโยชน์ของนทิ าน ค. นิทานเทพนิยาย
๔.........................นิทานพน้ื บ้าน ง. นทิ านเรื่องสตั ว์
๕.........................ซนิ เดอเรลลา จ. นิทานตลกขบขัน
๖..........................เมขลา รามสูร ฉ. นิทานคตธิ รรม
๗.........................นทิ านอสิ ป ช. ท้าวมหาสงกรานต์
๘..........................เนื้อเรอ่ื งมีเค้าความจรงิ ซ. เรอ่ื งเลา่ ในท้องถ่ิน
๙..........................ความโง่ กลโกง ฌ. สโนวไวท์
๑๐......................สัตว์พดู ได้ ญ. ความสนกุ สนาน
ฎ. เรอ่ื งท่ีเล่าสบื ตอ่ กันมา
ฐ. อบรมส่งั สอนคตธิ รรม

แบบฝกึ หัดที่ ๒

คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนอา่ นนทิ านเรอื่ ง หมาฮุย (หมาขนคา) แล้วเขียนเติมคาใน
ช่องว่าง

หมาฮยุ (หมาขนคา)
นานมาแล้ว มีพ่อหม้ายคนหนึ่งอาศัยอยู่กับลูกชาย ชื่อบุญปันและลูกหมาอีกตัว
หนึ่ง ต่อมาพ่อหม้ายได้แต่งงานใหม่ ภรรยาใหม่ชื่อนางกาไว นางเกลียดลูกเลี้ยง
จึงหาทางกาจัดโดยการใส่ความทาให้ผู้เป็นพ่อโกรธลูกชายมาก จึงหลอกพาลูก
ชายไปปล่อยป่า โดยหลอกเอาไปทิ้งในหลุมมันที่ถูกขุดเอามันไปกินแล้ว ฝ่าย
หมาฮุย เมื่อเห็นพ่อของบุญปันกลับมาแล้วแต่ไม่เห็นบุญปันจึงดมกลิ่นและตาม
ไปช่วยบุญปันให้ขึ้นมาจากหลุมมันได้ เมื่อนางกาไวเห็นบุญปันกลับมาพร้อม
หมาฮุย ก็โกรธยิ่งนักบอกให้สามีรีบนาลูกไปปล่อยอีกครั้ง ครั้งนี้บุญปันรู้ตัวดวี า่
จะถูกเอาไปปล่อยป่าอีก จึงชวนหมาฮุยไปด้วย และพากันหนีไปตายเอาดาบ
หน้า จนกระท่ังได้พบกับยกั ษส์ องสามีภรรยา ยักษ์เกิดความสงสารจงึ เอาบุญปัน
และหมาฮุยไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม และมีเมืองหนึ่ง เจ้าเมืองมีพระธิดาถึง ๗
องค์ เจ้าเมืองได้ไปล่าสตั ว์ในป่า และพบกบั ยักษ์กินอาทิตย์ละคน แลว้ เจ้าเมืองก็
ส่งพระธิดามาให้ยักษ์กินทุกวันจนถึงธิดาคนสุดท้าย ซึ่งกาลังจะนาไปให้ยักษ์
กินเช่นกัน ขณะเดียวกันก็เป็นเวลาที่บุญปันซึง่ โตเป็นหนุ่มได้ขออนุญาตพ่อแม่
ยักษ์มาเที่ยวพรอ้ มกับหมาฮุยพอดี จึงพบและช่วยเหลือพระธิดาจากการถูกยักษ์
กินได้ บุญปันจึงได้แต่งงานกับพระธิดาและครองเมืองอย่างมีความสุขต่อมาบุญ
ปันก็คิดถึงพ่อของตนจึงได้สร้างศาลาและเขียนเล่าชีวิตของตนเองไว้ที่ศาลาแห่ง
นี้ เมื่อนางกาไวรู้ว่าลูกเลี้ยงได้เป็นเจ้าเมืองก็กลัวความผิด จึงคิดจะหนี นางจึงถูก
แผน่ ดนิ สูบเสียชวี ิต บญุ ปนั จึงไปรับตัวผ้เู ป็นพอ่ มาอยดู่ ้วยอยา่ งมีความสขุ

(นิทานทอ้ งถิน่ อ.แม่สาย)

๑. แม่เลยี้ งของบญุ ปันช่ือ
....................................................................................................................................
๒. พอ่ ของบุญปันโกรธลูกชายเพราะ
....................................................................................................................................
๓. หลงั จากโกรธลูกชายแลว้ เขาทาอย่างไรกบั ลูกของตนเอง
....................................................................................................................................
๔. บญุ ปนั กลบั บ้านของตนเองไดอ้ ยา่ งไร
....................................................................................................................................
๕. หลงั เกิดเหตกุ ารณน์ ้ันบญุ ปนั ตัดสนิ หนีออกจากบา้ นไปพร้อมกบั ใคร
....................................................................................................................................
๖. ผู้ทชี่ ่วยเหลอื บุญปันหลังหนีออกจากบ้านคอื
....................................................................................................................................
๗. หลงั จากที่บญุ ปันและหมาฮุยได้ชว่ ยเหลือพระธิดาแลว้ ผลทีต่ ามมาคอื
....................................................................................................................................
๘. บุญปนั ตามหาบดิ าดว้ ยวิธใี ด
....................................................................................................................................
๙. นางกาไวได้รบั การลงโทษอยา่ งไร
....................................................................................................................................
๑๐. ใจความสาคญั ของนทิ านเรือ่ งน้ีคือ
....................................................................................................................................

แบบฝกึ หดั ท่ี ๓

คาชแี้ จง นกั เรียนอา่ นนิทานต่อไปน้แี ล้วตอบคาถาม
แมวสวย

มีตากับยายสองคนอยู่กันตามลาพัง นานเข้าก็เกิดความเหงา วันหนึ่งยาย
จึงบอกกับตาว่า ให้ตาไปหาแมวมาเลี้ยงแก้เหงาสักตัวหนึ่งเถิด ตารีบรับคาแล้ว
ออกจากบ้านเพื่อไปหาแมวมาเลี้ยง ตาแก่เดินมาไม่นานก็พบแมวฝูงใหญ่ ซ่ึง
มองดตู ัวไหนก็มแี ตต่ วั สวยๆ น่ารักทง้ั นัน้ แกตดั สนิ ใจไม่ได้วา่ จะเลอื ก
ตัวไหนดี อุ้มไปอุ้มมาจนกระทัง่ แมวเต็มอ้อมแขน จนสุดท้ายแมวทั้งฝูงก็เดินตาม
แกจนหมด แมต้ าจะบอกว่าอยา่ ไปเลยเลี้ยงไมไ่ หว แต่แมวกไ็ ม่ยอมฟัง

ตาพาฝูงแมวเดินมาจนถึงบ้าน ยายออกมาต้อนรับด้วยความยินดี แต่พอ
แกมองเห็นฝูงแมวมหึมายายก็ผงะด้วยความตกใจและถามตาว่า เอาแมวมาทา
อะไรมากมายอย่างนี้จะไปมีอะไรให้มันกินได้พอ ตาก็ตอบว่า ไม่ได้เอามา แต่
มันพากนั เดินตามมาเอง และก็ตัดสินใจไม่ไดว้ า่ ตัวไหนสวยทสี่ ดุ

ยายจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นเลือกตัวที่สวยที่สุดสักตัวก็แล้วกัน ตาก็ร้องถาม
แมวว่าตัวไหนสวยที่สุด เจ้าแมวทั้งฝูงก็ร้องลั่นว่า “ฉันสวยที่สุด” และตะโกน
แข่งขันกันแล้วก็เกิดการแย่งตาแหน่ง “แมวสวย” แมวทั้งฝูงกระโดดเข้ากัดกัน
ชุลมนุ เสียงดังปานแผ่นดินจะถลม่ ยายกับตากก็ ลับเข้าบ้านเพราะความกลวั

ไม่ช้าเสียงแมวกัดกันก็ค่อยๆ เงียบลงจนสนิท ยายกับตาจึงเปิดประตูโพล่
หน้าออกมาดู ก็ปรากฏว่าแมวตายไปหมด ยายกับตาออกมาจากบ้านยืนราพึง
ดว้ ยความเศรา้ สลดและเสยี ดายแมวขณะนน้ั ก็ได้ยนิ เสยี งร้องเหมียวๆ อยไู่ มไ่ กลตวั

นัก แกก็ช่วยกนั มองหา และมองเหน็ ลูกแมวสีดาตวั เล็กๆ เปน็ ลกู แมวแสนจะข้ีเหร่
นั่งแอบอยู่ที่พุ่มไม้ ยายจึงเดินไปอุ้มขึ้นมา และถามว่า ทาไมเจ้าจึงไม่เป็นอะไร
กับเขา ลูกแมวตอบว่า “ฉันรู้สึกว่าฉันไม่สวย เพราะฉะนั้นก็ไม่ร้องแข่งกับใคร
ก็เลยไม่มีใครมากัดฉัน” ยายก็อุ้มลูกแมวขี้เหร่เข้าบ้านเลี้ยงดูอย่างดี ไม่นานนัก
จากแมวทีแ่ สนขีเ้ หร่ก็เปน็ แมวทีแ่ สนสวย และอยู่กับตายายอยา่ งมีความสขุ
คาถาม

๑.ใครเปน็ ต้นเหตุท่ที าใหเ้ กดิ เหตกุ ารณ์ในเร่ืองนี้
....................................................................................................................................

๒.ทาไมตาจงึ ตดั สินใจไมไ่ ด้ว่าจะเลือกแมวตัวไหน
....................................................................................................................................

๓.สาเหตทุ ี่ทาให้แมวกดั กันตายเพราะอะไร
....................................................................................................................................

๔.ถา้ แมวเล็กเป็นคน นา่ จะมนี ิสัยอย่างไร
........................................................................................................

๕.ลูกแมวขี้เหร่กลายเปน็ ลูกแมวแสนสวยไดอ้ ยา่ งไร
...................................................................................................................

แบบฝกึ หดั ท่ี ๔

คาชี้แจง ให้นักเรียนอา่ นนทิ านพนื้ บา้ นอสี าน เร่อื งจาปาส่ีตน้ แลว้ ตอบคาถาม

นทิ านเร่ืองสน้ั จาปาสตี่ ้น
เมืองจักขินมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีพ่อค้าวาณิชไปมาค้าขายเนืองแน่น
อยู่ต่อมีพญาฮุ้ง ได้มาจับผู้คนในเมืองกินทุกวัน เจ้าเมืองไม่อาจจะต่อกรกับ
พญาฮงุ้ ได้ มผี ู้วเิ ศษอาสาต่อกรกับพญาฮงุ้ กถ็ กู จับกินจนหมดสน้ิ เจ้าเมืองจึงนา
พระธิดาชื่อนางปทุมมา ซ่อนไว้ในกลองยักษ์กลางเมือง พญาฮุ้งได้มาจับผู้คน
กินจนกลายเป็นเมืองร้าง ประชาชนท่เี หลอื อยูต่ ่างกห็ นไี ปอยู่เมืองอ่ืน
ท้าวจุลนี ครองเมืองปัญจานครออกประพาสป่าล่าสัตว์ ได้หลงเข้ามายัง
เมืองร้าง จึงพาเสนาสารวจบา้ นเมอื งพบกลองใบใหญ่อยกู่ ลางเมือง จึงได้ตีกลอง
เพื่อจะเป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีคนมา ครั้นตีกลองได้ยินเสียงหญิงสาวร้องอยู่ใน
กลองจงึ ใชพ้ ระขรรค์ผา่ หนงั หนา้ กลองพบนางปทุมมาจงึ
นาออกมาถามไถไ่ ด้ความว่าพญาฮ้งุ จะมากินคนเม่ือไดย้ นิ เสียงกลอง พระบิดานา
นางมาไว้ในกลองเพราะโหรได้ทานายว่าจะมีผู้วิเศษมาปราบพญาฮุ้งได้ เมื่อ
พญาฮงุ้ บินมา ทา้ วจุลนีกฆ็ า่ ตายต่อหน้านางปทุมมา
ท้าวจุลนีจึงรับนางปทุมมามาเป็นชายาพากลับเมืองปัญจานคร ท้าวจุลนีมี
เมหสีฝ่ายขวากอ่ นแลว้ ช่ือว่า นางอคั คี ทั้งสองก็รกั ใครป่ รองดองกันดี ครัง้ เมอื่ นาง
ปทุมมาตั้งครรภ์ ฝันว่าพระอินทร์เอาแก้วมาให้ 4 ดวง โหรทานายว่าจะได้โอรส
มีบุญบารมีมาก นางอัคคีอิจฉาเพราะนางไม่มโี อรส แต่กระนั้นก็ตาม นางก็ยังทา
ดีต่อนางปทุมมาเสมอตน้ เสมอปลาย

ครั้นเมื่อนางปทุมมา จะประสูติโอรส นางอัคคีก็ออกอุบายเอาผ้าปิดตาปิดหูนาง
ปทุมมา โดยอ้างว่าเป็นพระราชประเพณีของเมืองปัญจานคร นางก็เอาลูกสุนัข
มาเปลี่ยนลูกนางปทุมมา แล้วให้นางทาสีนากุมารทั้งสี่ไปลอยแพทิ้งน้าไป เมื่อ
ท้าวจุลนีทราบว่านางปทุมมาคลอดบุตรเป็นสุนัขก็กริ้ว กล่าวหาว่านางสมสู่กับ
สุนัขจึงขับไล่ไปจากเมือง นางปทุมมาอุ้มลูกสุนัขโดยเข้าใจว่าเป็นลูกของตนไป
อาศยั อยู่กับหญงิ ม่ายซง่ึ เปน็ คนใจรา้ ย ใช้นางทางานหนกั จนซูบผอม

กลา่ วถงึ กุมารท้ังส่ีท่ีถูกลอยแพ แพได้ลอยไปตดิ อยู่ทที่ ่านา้ บ้านตายาย ตา
ยายเห็นเป็นกุมารหน้าตาดีจึงเลี้ยงไว้ด้วยความเอ็นดู ความทราบถึงนางอัคคีว่า
กุมารท้ังสย่ี ังไม่ตาย จงึ ให้นางทาสีนาอาหารใส่ยาพิษมาใหก้ ุมาร ตายายกับจาก
นาเห็นกุมารทั้งสี่นอนตายกอดกันกลม ก็โศกเศร้าสงสาร จึงนาไปเรียงฝังกันทงั้
4 ศพ

กาลเวลาผ่านไปไม่นานก็เกิดเป็นต้นจาปาสี่ต้น ตายายดีใจที่ยังเห็น
หลานทั้งสี่มีชีวิตอยู่จึงหมั่นรดน้าพรวนดินต้นจาปาจนงอกงาม นางอัคคีทราบ
ความอีกจึงสั่งให้เสนามาโค่นต้นจาปาน้าไปทิ้งน้า ต้นจาปาลอยน้าไปติดอยู่
หน้าอาศรมของฤๅษี ฤๅษีใช้มีดตัดต้นจาปาเห็นมีเลือดออกจึงรู้ว่าไม่ใช้ต้น
จาปาทั่วไป พระฤๅษีจึงต่อนิ้วเพชรให้นิ้วเพชรมีอิทธิฤทธิ์ “ชี้เป็นชี้ตาย” พระ
ฤๅษีสอนวิชาอาคมต่าง ๆ แก่กุมารทั้งสี่ ตั้งชื่อว่า จาปาทอง จาปาเงิน จาปานิล
และคนเลก็ ชือ่ เจา้ นล

พระอินทร์ทราบว่านางปทุมมาได้รับความลาบากมาก จึงปลอมเป็น
ชีปะขาวเล่าเรื่องให้กุมารทั้งสี่ฟัง กุมารทั้งสี่จึงขอลาพระฤๅษีติดตามมารดา
ระหวา่ งทางเดินเข้าเมอื งยักษ์ เจา้ นลได้ใช้นิ้วเพชรปราบยกั ษ์และชบุ ชวี ิตยกั ษ์
จนยักษ์ยกเมืองและธิดาให้ เจ้านลก็ให้พี่ ๆ ได้ครองเมืองได้ พระธิดาเป็นชายา
ท้ังสามเมอื งทผี่ า่ นมา แตก่ ไ็ ด้พานักอย่แู ตล่ ะเมอื งไมน่ านก็ลาไปติดตามมารดา

พระอินทร์ชีปะขาวมาส่งถึงเมืองปัญจานคร และบอกให้สี่กุมารปลอมตัว
เป็นยาจกไปอาศัยอยู่กับยายเฒ่าเฝ้าสวน และสืบหามารดาและพบว่าเป็นทาสี
ซูบผอม เมื่อทราบที่อยู่ของมารดาแล้วก็แต่งเครื่องทรงกษัตริย์สั่งให้ยายเฒ่าเฝ้า
สวนพาไปพบมารดา เมื่อแม่ลูกพบกันและเล่าเรื่องแตห่ นหลังก็โศกเศร้าอาดูร ส่ี
กุมารให้ทรัพย์สินตอบแทนยายเฒ่าเฝ้าสวนจานวนมาก และลงโทษหญิงหม้าย
ใจร้ายท่ที ารณุ กรรมมารดาอย่างสาสม

เจ้านลยังคิดแค้นนางอัคคีมาก จึงชวนพี่องค์ท่ีสามเหาะไปยังปราสาทแล้ว
เขียนสารถึงบิดาไว้ที่แท่นบรรทม ให้ส่งตัวนางอัคคีและนางทาสีคนสนิทไป
ลงโทษและบอกความจริงทุกประการ

ท้าวจุลนีทราบดังนั้นก็ดีพระทัยที่โอรสทั้งสี่ยังมีชวี ิตอยู่ วันรุ่งขึ้นจึงจับนาง
อคั คแี ละนางทาสีไปให้ส่กี ุมารลงโทษ สีก่ มุ ารจึงตดั สินใจให้ลอยแพนางอัคคีและ
นางทาสีไปในทะเลตามยถากรรม หลังจากนั้นพระองค์ก็นาราชรถไปรับนาง
ปทุมมากลบั นคร

สี่กุมารก็พาพระมารดาเข้าเมืองพร้อมกับท้าวจุลนีและให้ไปรับตายายท่ี
เลี้ยงดูตนมาอยู่ในวัง ส่วนพี่ทั้งสามก็ลาไปปกครองบ้านเมืองกับพระชายาส่วน
เจา้ นลกค็ รองเมืองปัญจานครแทนบดิ าสืบไป

แบบฝกึ หดั

นิทานเรื่องจาปาสต่ี น้

คาชแี้ จง เมื่อนักเรยี นอา่ นนทิ านเรอื่ งจาปาส่ตี น้ แลว้ ตอบคาถามตอ่ ไปน้ี

1. จากเรอ่ื งทีอ่ า่ นข้อใดไม่ถกู ตอ้ ง
ก. นางอคั คมี นี ิสัยอิจฉาริษยา
ข. เกดิ มพี ญาเหยี่ยวจับกนิ ชาวบ้านจนหมด
ค. นางปทมุ มาซอ่ นตัวอยู่ในกลอง
ง. นางอคั คเี ป็นผ้วู างยาพิษฆ่ากุมารทัง้ ส่ี

2. ข้อใดคอื จุดประสงค์ของผ้แู ตง่ เรอ่ื งนี้
ก. ใหค้ วามรูเ้ ก่ยี วกับตน้ จาปา
ข. ให้คติสอนใจเกีย่ วกบั จติ ใจมนุษย์
ค. ใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั ลักษณะการดารงชีวิต
ง. ใหค้ วามรู้เพมิ่ เติมเกี่ยวกบั คตธิ รรม

3. ถ้านักเรียนเป็นกุมารทั้งสี่เมื่อมีชีวิตขึ้นอีกครั้งนักเรียนจะจัดการกับ
คนทท่ี ารา้ ยตนเองอย่างไร

ก. อโหสิกรรมให้ ยกโทษให้
ข. คดิ แก้แคน้
ค. เคียดแคน้
ง. จองเวรจองกรรม

4. นางอัคคีเปน็ บคุ คลประเภทใด
ก. อจิ ฉาริษยาและใจอาฆาตพยาบาท
ข. เห็นแกต่ วั
ค. โอบอ้อมอารี
ง. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ

5. สาเหตุใดท่ีทาให้ท้าวจุลนีขับไลน่ างปทมุ มาออกจากเมอื ง
ก. เช่อื คายยุ งจากนางอัคคี
ข. เช่ือคนงา่ ย
ค. โกรธเคืองที่นางคลอดลูกเปน็ สนุ ขั
ง. เข้าใจผิดและเชอื่ คากลา่ วของนางอัคคี

6. จากเร่อื งที่อ่านข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. ทา้ วจลุ นีมีใจคอหนกั แนน่
ข. นางอัคคีมีพฤติกรรมทดี่ ีขึน้
ค. นางอคั คีทาแต่สิง่ ช่ัวร้าย ดังนัน้ นางจงึ ได้รับแต่ความเลวร้าย
ง. ท้าวจลุ นยี กโทษให้แกน่ างอคั คี

7. จากเร่อื งทอ่ี า่ นขอ้ ใดเป็นลกั ษณะของทา้ วจุลนี
ก. พระองคไ์ ม่เช่อื คนงา่ ย
ข. พระองคม์ ีความคิดที่เป็นเหตุผล
ค. พระองคม์ ีความคิดเห็นของบคุ คลอื่น
ง. ไวใ้ จคนใกลช้ ิดและไมท่ นั เลห่ เ์ หลย่ี มของนางอัคคี

8. ทัศนะแง่คิดทีไ่ ด้จากเรือ่ งน้ี
ก. ไม่มใี ครไม่เคยทาผิด
ข. การใหอ้ ภยั ดีกว่าการใหท้ งั้ ปวง
ค. ทาดไี ด้ดี ทาชวั่ ได้ชว่ั
ง. ความรู้และความสามารถทาให้ประสบความสาเร็จ

9. จากหลักคาสอนของพุทธศาสนาเห็นดว้ ยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
ก. ไม่เหน็ ดว้ ย เพราะควรละเว้นจากความช่ัว
ข. ไมเ่ หน็ ดว้ ย เพราะนาความเดือดรอ้ นมาสู่คนอนื่
ค. เห็นด้วย เพราะเป็นแนวทางในการทาความดี
ง. เห็นดว้ ย เพราะเป็นการทาจติ ใจใหบ้ ริสุทธิ์

10. ประโยชน์ทีไ่ ด้รบั จากเร่อื งทีอ่ ่านมีอะไรบ้าง
ก. ความบนั เทงิ และแนวคิด
ข. ความรแู้ ละความบันเทงิ
ค. ความบันเทิงและความรู้
ง. คาเตือนและความรู้

แบบฝกึ หดั ที่ ๕

คาช้แี จง ให้นักเรียนอา่ นนทิ านเรื่องคนเลย้ี งลงิ แลว้ ตอบคาถามจากนิทาน

คนเลย้ี งลงิ
ในรัฐซ้อง มีคนเลี้ยงลิงคนหนึ่ง แกเป็นคนรักลิงมาก ไปไหนมาไหน จะมี
ลงิ ว่งิ ตามเป็นพรวนว่ากันวา่ สามารถรู้ใจลิง และสอ่ื สารกนั รู้เรือ่ งเป็นอยา่ งดี
ต่อมาไม่นาน ครอบครัวแกยากจนลงเนื่องจากมีเงนิ ทองเท่าไร ก็นาไปซ้ือ
อาหารมาเลี้ยงลิง จนหมด แกจึงตัดสินใจเรียกประชุมลิง เพื่อปรึกษาหารือ ขอ
ลดค่าเลี้ยงดู เมื่อวานรมาพร้อมหน้ากัน แกจึงเอ่ยขึ้นขรึมๆว่า “สหายทั้งหลาย
พวกท่านคงเห็นแล้วว่า ขณะนี้ข้ายากจนลง อยากขอลดจานวนอาหารเช้า - เย็น
ของพวกท่านลงสักเล็กน้อย คือ มื้อเช้าให้ลูกเกาลัดตัวละสามผล มื้อเย็นตัวละส่ี
ผลจะตกลงไหม ?”
ได้ยินดังนั้น บรรดาพญาวานรทั้งหลาย ต่างก็ส่งเสียงเจี๊ยกจ๊ากๆ แสดง
อาการไม่พอใจ
“เอาละ ๆ” เขาโบกมือหา้ ม
“ถา้ ไมต่ กลง ขา้ ขอเปลี่ยนใหม่ เป็นมื้อเช้าสี่ มอ้ื เย็นสาม เอาไหม ?”
พวกมันเต้นหยองๆ แสดงความดีอกดใี จทไี่ ด้อาหารเพิ่ม

คาถาม

ใคร :
.........................................................................................................................

ทาอะไร :
.........................................................................................................................

เพราะเหตุใด:
.........................................................................................................................

ผลเปน็ อยา่ งไร :
.........................................................................................................................

สรปุ ใจความสาคญั
....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
....................................................................................................................................

แบบทดสอบหลงั เรียน

คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงขอ้ เดียว โดยกาเครื่องหมาย
กากบาท (x) ลงในกระดาษคาตอบ ๑๐ ขอ้ (๒๐ คะแนน)

อา่ นนิทานตอ่ ไปนแี้ ล้วตอบคาถามขอ้ ๑ – ๒

มีชายคนหนึ่งนั่งรอที่สถานีกับเพื่อน รถจะมาเวลาเที่ยง ชายคนนั้นก็บอก
ให้เพื่อนไปดูเวลา เพื่อนก็ไปดูแล้วบอกว่ายังไม่เที่ยง ชายคนนั้นก็นั่งรอต่อไป
อีกจนตะวันคล้อยไปแล้ว เขาจึงถามเพื่อนว่า นาฬิกาอยู่ไหนเขาจะไปดูเอง
เพ่อื นก็พาไปดู เขากถ็ ามวา่ “ไหนละ่ ” เพอ่ื นกช็ ี้ให้ดู เขาอุทานออกมาด้วยความ
ตกใจว่า “นีม่ นั ตาชัง่ นหี่ วา่ ”

๑. นิทานเรอ่ื งนจี้ ดั เป็นนิทานประเภทใด

ก. นิทานปรัมปรา ข. นิทานตลกขบขัน

ค. นิทานทอ้ งถน่ิ ง. นทิ านเทพนิยาย

๒. ผู้เขียนมจี ุดมงุ่ หมายอยา่ งไรในการเขียน

ก.เพื่อใหข้ อ้ คิดแก่ผู้อ่าน

ข. เพอ่ื ให้เกดิ ความสนกุ สนาน

ค. เพื่อเสียดสี คนทช่ี อบใชผ้ อู้ นื่

ง. เพ่ือเตอื นให้มคี วามรอบคอบ

อ่านขอ้ ความต่อไปนี้ แลว้ ตอบคาถามข้อ ๓ – ๕

“ชาวสวนมีลูกมากคนหนึ่ง เมื่อเจ็บใกล้จะตายใคร่จะสอนลูกให้รู้จักบารุง
สวน ครั้นจะสอนตรงๆ ก็เกรงว่าลูกจะไม่ทาจึงคิดสอนในทางอ้อม บอกกับลูกว่า
สมบัติของพ่อฝังไว้ในสวนให้เจ้าไปขุดเอาเองเถิด แล้วชาวสวนก็ตายไป พวก
ลูกๆ อยากได้สมบัติของพ่อ จึงพากันไปขุดหาดูจนทั่วสวนก็ไม่พบ พอสิ้นปีน้ัน
ตน้ ไม้ในสวนเมอื่ ได้รบั การพรวนดินก็งอกงามออกผลดก ลูกของชาวสวนได้เก็บ
เอาไปขายไดเ้ งนิ มากกว่าปีกอ่ นๆ”

๓. เรื่องนเี้ ปน็ นิทานประเภทใด

ก. นทิ านขบขัน ข. นิทานเทพนยิ าย

ค. นทิ านสภุ าษิต ง. นิทานปรัมปรา

๔. ควรต้ังชอื่ เร่ืองน้ีว่าอยา่ งไร

ก. ชาวสวนเจ้าปญั ญา ข. ชาวสวนกับลกู

ค. ชาวสวนลูกมาก ง. สมบัติชาวสวน

๕. ขอ้ คดิ ที่ไดจ้ ากเรอื่ งนคี้ อื อะไร

ก. ควรสอนคนโลภโดยทางออ้ ม

ข. ควรสอนคนโงโ่ ดยทางอ้อม

ค. ควรมคี วามเพียรจงึ จะประสบความสาเร็จ

ง. ควรมคี วามสามคั คจี ึงจะประสบความสาเรจ็

อ่านนทิ านต่อไปนแ้ี ลว้ ตอบคาถามข้อ ๖ – ๗

“ณ ชายป่าแห่งหนึ่งมีสัตว์อาศัยอยู่มากมายหลายชนิด มีกวางตัวหนึ่งมัน
จะชื่นชมและภาคภมู ิใจในเขาอันสวยงามของมันมาก มันจะเที่ยวอวดใครต่อใคร
ว่า มันมีเขาที่สวยงามกว่าสัตว์ทุกตัวในป่า และมันจะเกลียดเท้าของมันมาก
เพราะมันคิดวา่ เท้าของมันน่าเกลยี ด ไม่สวยงาม จนอยมู่ าวันหน่งึ มีนายพรานออ
กล่าสัตว์ สัตว์ทั้งหลายต่างวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต กวางตัวนั้นก็วิ่งหนีเข้าไปในปา่
เขาของมันติดกับเถาวัลย์ ทาให้มันหนีได้ช้ากว่าสัตว์อื่นๆ มันจึงคิดได้ว่าเขาท่ี
สวยงามของมันทาให้เกือบตาย แต่เท้าที่น่าเกลียดของมันทาให้มันรอดชีวิตมา
ได”้

๖. จากข้อความนข้ี อ้ ใดคือความหมายของคาวา่ “เถาวลั ย์”

ก. ใบไม้ ข. รากไม้

ค. กง่ิ ไม้ ง. เครอื ไม้

๗. จากข้อความน้ีมคี วามหมายตรงกับสานวนใด

ก. วานรไดแ้ กว้ ข. ผกั ชโี รยหนา้

ค. เสน้ ผมบังภเู ขา ง. สวยแต่รูปจบู ไม่หอม

อา่ นนิทานตอ่ ไปนแี้ ลว้ ตอบคาถามขอ้ ๘ – ๑๐

ไก่ตัวผู้สองตัวอยู่ในเล้าเดียวกัน ในเล้านั้นมีไก่ตัวเมียอยู่หลายตัว แต่วิสัย
ของไก่ตัวผู้พ่อเล้า ซึ่งมักไม่ยอมจะก้มหัวให้แก่กันมันจึงมักจะตีกันอยู่เสมอ
เพราะสาเหตุที่จะแย่งเป็นพ่อเล้าครอบครองไก่ตัวเมียทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว วัน
หน่ึง ไก่ตัวผทู้ ้ังคู่ก็เกิดปะทะกันอย่างหนัก ถึงขนาดแพช้ นะ ไก่ตัวท่ีแพ้ต้องหนี
ไป หลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในมุมมืด ไม่กล้าออกมาตีอีกส่วนไก่ตัวที่ชนะนั้น ก็ลิงโลด
ใจว่าตนเองเป็นผู้ชนะถึงกับกระโดดขึ้นไปยืนเกาะอยู่บนเสารั้วเล้า แล้ว
ตีปีกส่งเสียงดังลั่น บอกความเป็นผู้ชนะนกอินทรีตัวหนึ่งบินผ่านมาเห็นเข้า ก็
บินลงมาโฉบเอาไก่พ่อเล้าตัวนั้นด้วยกรงเล็บแหลมคมของมันขึ้นไปทันที แล้ว
พาไปจากท่ีนน่ั ไกต่ วั ท่แี พเ้ ลยได้เปน็ พอ่ เล้าแทน

๘. พฤติกรรมของไกท่ ั้งสองตัวเปรยี บไดก้ ับสานวนในข้อใด

ก. หวั เราะทีหลังดงั กวา่

ข. แพ้เปน็ พระ ชนะเปน็ มาร

ค. เสือสองตวั อยู่ถา้ เดยี วกันไมไ่ ด้

ง. คนโง่ย่อมเปน็ เหยื่อของคนฉลาด

๙. ไก่ตัวทช่ี นะเปน็ เหย่ือของนกอนิ ทรเี พราะอะไร

ก. ทะนงตน ข. หลงตวั เอง

ค. ประมาท ง. เยอ่ หยง่ิ

๑๐. ขอ้ คิดท่ไี ด้จากเรื่องนีค้ อื ข้อใด

ก. ไม่ควรรังแกผ้ทู อี่ อ่ นแอกว่า

ข. ไม่ควรยดึ ตดิ กับอานาจวาสนา

ค. ควรผกู มติ รดกี วา่ สร้างศตั รู

ง. ควรมีความสามคั คีในหมคู่ ณะ

กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรยี น
การอา่ นจบั ใจความสาคญั

เรอ่ื ง หลกั การอา่ นจบั ใจความสาคญั

คาชแี้ จง จงเลือกและใสเ่ คร่อื งหมายกากบาท (X) ในข้อท่ีถกู ท่ีสุด

ขอ้ ก ข ค ง









๑๐