👫🔍 สาระน่ารู้จากกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล . “รู้เรื่องสิทธิ ง่ายนิดเดียว” EP. 3.2 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม Right... Show
บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล โรงพยาบาลศิครินทร์มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 976 ถนนลาซาล แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260 ประเทศไทย (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท”)โดยบริษัทได้จัดทำนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ขึ้นเพื่อให้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมการใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิของเจ้าของข้อมูลในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, อายุ, เพศ, ศาสนา, เลขประจำตัวประชาชน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวบุคคล ซึ่งแสดงถึงข้อมูลระบุตัวตนหรือทำให้ทราบและสามารถยืนยันตัวบุคคลได้โดยตรงหรือเมื่อนำไปรวมกับข้อมูลอื่น ๆจะทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลได้อย่างแน่นอนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมและให้หมายความรวมถึงที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่เกี่ยวกับการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร รวมถึงอีเมล (E-mail) เป็นต้น 2.ข้อมูลที่เกี่ยวกับทางบัญชีและการทำธุรกรรม เช่น หมายเลขบัญชีธนาคารข้อมูลบนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตรายการเกี่ยวกับการทำคำสั่งซื้อ การชำระเงิน และรายละเอียดของสินค้าและบริการที่ได้ทำหรือได้ใช้บริการผ่านแพลตฟอร์ม 3.ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ที่อยู่ไอพี (IP Address) ข้อมูลการเข้าใช้ชนิดและรุ่นของบราวเซอร์ เขตที่ตั้ง เวลาสถานที่ชนิดและรุ่นของโปรแกรมเสริมของบราวเซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์มรหัสสากลประจำอุปกรณ์เคลื่อนที่ (IMEI) หมายเลขประจำเครื่องและข้อมูลและเทคโนโลยีอื่นของอุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์มของบริษัท 4.ข้อมูลที่เกี่ยวการเข้าใช้งานในแพลตฟอร์ม เช่น ข้อมูลที่ใช้งานเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการอย่างไร หรือที่มีความสนใจเนื้อหา 5.ข้อมูลที่เกี่ยวกับการตลาดและการสื่อสาร เช่นช่องทางที่พึงพอใจในการได้รับการทำการตลาดจากบริษัทและบุคคลภายนอกและวิธีการสื่อสารใดที่พึงพอใจ ข้อ 1. วัตถุประสงค์บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1.1 เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการของบริษัทเป็นไปอย่างประสิทธิภาพ 1.2 เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ จำแนก และนำเสนอบริการ นำเสนอหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ 1.3 เพื่อการวิเคราะห์และวางแผนทางการตลาดของบริษัทและ/หรือร่วมกับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นใด 1.4 เพื่อแจ้งข้อมูล ข่าวสาร รายการกิจกรรมทางการตลาด การส่งเสริมการขาย และข้อเสนอต่าง ๆการสมัคร หรือการให้บริการต่าง ๆของบริษัท 1.5 เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายและเหตุจำเป็นอื่นใดเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท 1.6 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายให้อำนาจในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 1.7 เพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตน หรือเพื่อสมัครลงทะเบียนและเข้าใช้งานในแพลตฟอร์มนี้ 1.8 เพื่อชำระค่าบริการและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ 1.9 เพื่อให้บริการตอบข้อสงสัยสนับสนุนการใช้งาน ให้ข้อมูล รับเรื่องร้องเรียน ชดเชยค่าเสียหายและแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ 1.10 เพื่อการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลรวมถึงตรวจสอบระบบและกิจกรรมที่เป็นอันตรายใดๆ ต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัท 2. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล2.1 บริษัทมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยการจัดเก็บแบบเป็นเอกสารและ/หรือ จัดเก็บในระบบอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแต่กรณีโดยบริษัทมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการสูญหายเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากเหตุอันสมควรหรือโดยมิชอบด้วยกฎหมาย 2.2 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลไว้สำหรับพนักงาน ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัทที่ต้องการข้อมูลนั้นเพื่อทำการประมวลผลข้อมูลโดยผู้ที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับและอาจถูกลงโทษหรือดำเนินการตามกฎหมายหากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว 2.3 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่กฎหมายกำหนดไว้หรือเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลดังกล่าวหรือเพื่อให้เป็นการดำเนินการทางกฎหมายเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วหากไม่ยินยอมให้บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นที่ไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องตามวิธีการและขั้นตอนการทำลายข้อมูลและจะดำเนินการให้เสร็จโดยไม่ชักช้า 2.4 เว้นแต่จะถูกกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นโดยกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่บริษัทรวบรวมได้อาจถูกใช้และถูกเปิดเผยต่อบุคคล นิติบุคคล และเพื่อวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น 3. การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล3.1 บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่นใดโดยปราศจากความยินยอมและจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้ในข้างต้น เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทและการให้บริการบริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศเช่นผู้ให้บริการต่าง ๆ ที่ต้องดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลโดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับและไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้ 3.2 บริษัทอาจเปิดเผย ส่ง โอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลที่อยู่ภายในหรือภายนอกประเทศไทย ตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ให้บริการจะดำเนินการเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม หรือให้เป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์การใช้งานแพลตฟอร์ม 3.3 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้หลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแลรวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่นการร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมายหรือการร้องขอจากหน่วยงานเอกชน หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย 4. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ 4.1 สิทธิในการถอนหรือยกเลิกความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ความยินยอมไว้ ทั้งนี้การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว 4.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงการขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ได้ให้ความยินยอม 4.3 สิทธิในการแก้ไข ลบ ระงับ หรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล 5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลในระหว่างที่ยังใช้บริการอยู่หรือจนกว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะยกเลิกการใช้บริการแพลตฟอร์มของบริษัท และบริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทและตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด 6. กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาดบริษัทอาจส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ การบริการต่าง ๆ ของบริษัทให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถยกเลิกความยินยอมในการรับแจ้งข้อมูลข่าวสารได้ตามช่องทางที่บริษัทกำหนด 7. การเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะทำการพิจารณาตรวจสอบและทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้บริษัทขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 8. กฎหมายที่ใช้บังคับนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นไปตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย 9. การติดต่อและการประสานงานกรณีมีคำถามหรือปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานสามารถติดต่อมายังบริษัทโดยการติดต่อดังต่อไปนี้
10.ผลของการเพิกถอนความยินยอมเจ้าของข้อมูลอาจเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ รักษาไว้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (หรือบางส่วนของข้อมูลส่วนบุคคล) ตามที่ระบุไว้ในคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยการแจ้งให้ทราบอย่างเหมาะสม หากท่านเพิกถอนความยินยอม ที่ท่านยินยอมให้เก็บรวบรวม ใช้ รักษาไว้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอันเนื่องมาจากเหตุผลที่ไม่ใช่สำหรับการดำเนินการด้านการตลาดอาจไม่สามารถดำเนินการในขั้นตอนต่างๆหรือบริการ และ/หรือบริหารจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือความสัมพันธ์ หรือเพิกถอนจากโปรแกรมใดๆ ก็ตามที่เจ้าของข้อมูลกำลังเข้าร่วมอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เสียประโยชน์ เนื่องจากอาจสูญเสียผลประโยชน์อันมีค่าที่จะได้รับจากเจ้าของข้อมูลการเข้าร่วมในโปรแกรมใดๆหรืออาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับการเวนคืน หรือ อาจไม่สามารถได้รับความคุ้มครองในระดับเดียวกับความคุ้มครองตามเงื่อนไขเดิมในอนาคตได้อีก นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิด (CCTV)บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) มีการติดตั้งและใช้งานกล้องวงจรปิดตามอาคารและบริเวณสถานที่ของบริษัท และด้วยความเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของบุคคลใด ๆ ที่เข้ามาในพื้นที่ของบริษัทเพื่อใช้ในการตรวจสอบรักษาความปลอดภัยรวมไปถึงการสังเกตการณ์และบันทึกภาพบุคคลที่อยู่ในและบริเวณโดยรอบสถานที่ของบริษัท บริษัทจึงได้จัดให้มีนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิด (CCTV) โดยได้เผยแพร่นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิดนี้เพื่อเป็นการชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงวิธีการในการปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแนวทางการจัดการข้อมูลดังกล่าวอย่างเหมาะสมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)
การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิดของบริษัทจะทำโดยเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องของบริษัทหรือบุคคลใด ๆ ซึ่งมีความเกี่ยวข้อง หรือที่จะกระทำการแทนในนามบริษัทเท่าที่จำเป็นในการควบคุมและรักษาความปลอดภัยในอาคารและบริเวณสถานที่ของบริษัทเพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวังและเพื่อการรักษาความปลอดภัย โดยอาศัยฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) และฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
บริษัทติดป้ายแจ้งเตือนว่ากล้องวงจรปิดทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้วยกล้อง วงจรปิด โดยกล้องจะถูกติดตั้งอยู่บริเวณทางเข้าออกอาคาร บริเวณสถานที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และบริเวณโดยรอบสถานที่ของบริษัท โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเมื่ออยู่ในและบริเวณโดยรอบสถานที่ของบริษัท ข้อมูลจะถูกบันทึกผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทด้วยระบบกล้องวงจรปิด โดยจะถูกจัดเก็บเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว
บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมไว้ผ่านระบบกล้องวงจรปิดดังกล่าวข้างต้นให้แก่บุคคลภายนอก อย่างไรก็ตามบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างระมัดระวังเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามนโยบายนี้ หรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกเฉพาะกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ดำเนินการได้เท่านั้น
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลไว้เพียงระยะเวลาหนึ่ง หรือระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน นับแต่วันที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลการเข้าออกอาคารหรือสถานที่ของบริษัทภาพที่บันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดจะถูกลบโดยอัตโนมัติ หรือกรณีที่เป็นข้อพิพาทหรือการดำเนินกระบวนการตามกฎหมาย หลังจากครบกำหนดอายุความตามข้อพิพาทหรือการดำเนินกระบวนการตามกฎหมายนั้นได้สิ้นสุดแล้ว ภาพที่บันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดจะถูกลบไปหรือถูกจัดเก็บตามที่กฎหมายกำหนดแล้วแต่กรณี
สิทธิตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 5.1 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในความดูแลของบริษัทเฉพาะข้อมูลที่ได้ให้ความยินยอมหรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มา ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โดยจะต้องทำคำขอเป็นหนังสือส่งมาที่ยังบริษัท และบริษัทจะพิจารณาและจัดทำส่งสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวภายใน 30 วันนับจากวันที่บริษัทได้รับคำขอ และ/หรือตามที่กฏหมายกำหนด และในบางกรณีบริษัทอาจขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันตัวตนและสิทธิที่แสดงความเกี่ยวข้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล 5.2. สิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในการขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นด้วยรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้อย่างทั่วไป ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้แก่บริษัทและเป็นข้อมูลที่บริษัทได้ทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยตามฐานความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น 5.3. สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์โดยชอบด้วยกฎหมาย บริษัทจะดำเนินการพิจารณาคำขอโดยเร็วหรืออาจปฏิเสธคำขอ หากคำขอนั้นบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุจำเป็นอันชอบด้วยกฎหมายที่มีความสำคัญมากกว่าให้สามารถเก็บรวมรวบ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้น เพื่อเป็นการปฏิบัติหรือใช้สิทธิตามกฎหมายหรือยกเป็นข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย 5.4. สิทธิในการขอให้ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้สามารถทำได้ เว้นแต่ กรณีที่บริษัทต้องรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อเป็นประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย และหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งสิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้ เฉพาะข้อมูลที่ได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
5.5 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการชั่วคราว
5.6 สิทธิในการถอนความยินยอม เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ การถอนความยินยอมนั้นถูกจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ การถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทก่อนหน้าแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย 5.7 สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัททำการแก้ไข ข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย โดยบริษัทต้องดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากบริษัทปฏิเสธคำขอ บริษัทจะบันทึกการปฏิเสธดังกล่าวพร้อมด้วยเหตุผลลงในบันทึกรายการ 5.8 สิทธิร้องเรียน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการร้องเรียนให้แก่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง หากพบว่าบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีการบังคับใช้ในประเทศไทย
บริษัทสงวนสิทธิในการพิจารณาทบทวน เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิดตามความเหมาะสมได้ตลอดเวลาตามที่เห็นสมควร โดยแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือปรับปรุงดังกล่าวไว้ในเว็บไซต์ของบริษัทและสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ไม่ว่าในเวลาใดก็ตามและโดยไม่ต้องบอกกล่าวบริษัทขอสงวนสิทธิในการเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เท่าที่กฎหมายอนุญาต โดยเพียงแจ้งการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนดังกล่าวเท่านั้น การแจ้งนั้นสามารถทำได้ทางอีเมล หรือวิธีการสื่อสารทั่วไปอื่นๆ หากกฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดไว้ อาจแจ้งให้ทราบในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงในประการสำคัญของคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ และหากจำเป็นอาจขอความยินยอมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น ข้อมูลเพิ่มเติมหากมีคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใดๆในคำแถลงว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติของบริษัทในเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล กรุณาติดต่อได้ทันที (กรุณาดูหัวข้อ 9.“การติดต่อและประสานงาน”ข้างต้น) ความยินยอมการให้ความยินยอมนี้ เป็นการที่รับทราบและตกลงให้มีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ (รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หากมี และการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ) ตามคำแถลงว่าด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น การยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง1) ต้องได้รับความยินยอมเมื่อใด: ต้องได้มาก่อนหรือในขณะที่จะ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะขอความยินยอมทีหลัง หรือขอย้อนหลังไม่ได้ 2) รูปแบบการขอความยินยอม: ต้องทำโดยชัดแจ้ง เป็นหนังสือหรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่โดยสภาพไม่อาจขอความยินยอมด้วยวิธีการดังกล่าวได้
ข้อมูลส่วนบุคคลมีความสําคัญอย่างไรข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อมูลส่วนนี้สามารถนำไปประมวลผลได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้งาน หรือเพิ่มความน่าสนใจให้กับการใช้งานนั้นๆ นอกจากนี้แล้ว ข้อมูลส่วนบุคคลยังสามารถนำไปใช้ในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวเจ้าของ ...
กฎหมาย ใหม่ 1 มิถุนายน 2565 มี อะไร บ้างวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นวันที่กฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งในกฎหมาย PDPA ฉบับนี้ มีรายละเอียดและข้อกฎหมายรวมทั้งสิ้น 96 มาตรา ครอบคลุมบทบาท หน้าที่ และสิทธิ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลผลข้อมูล ...
ทำไมจึงจำเป็นต้องมีการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลความยินยอม (Consent) เป็นหลักการสำคัญของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ดังที่ในมาตรา 19 กำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน ซึ่งในการขอความยินยอมนั้นต้องกระทำโดยชัดแจ้งโดยอาจจะทำเป็นหนังสือ หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ...
|