ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังใหม่

การก่อสร้างอาคารแห่งใหม่
        วันที่ 6 พฤศจิกายน 2533 กรมสรรพากรได้ส่งหนังสือแจ้งการอนุมัติรูปแบบแปลนอาคารสำนักงานเป็นอาคารสูง 4 ชั้น พร้อมวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานสรรพากรเขต 8 พร้อมศูนย์คอมพิวเตอร์ ภายในวงเงิน 25,689,000.- บาท (ยี่สิบห้าล้านหกแสนแปดหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) โดยมอบให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีดำเนินการประกวดราคารจ้างเหมาก่อสร้างอาคารกับห้างหุ้นส่วนจำกัด โอซารีก่อสร้าง ซึ่งตั้งอยู่ที่ 54 ถนนแสงอาทิตย์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2534 ในราคารวมทั้งสิ้นตามวงเงิน โดยเริ่มวางศิลาฤกษ์ ลงมือสร้างเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2534 มีระยะเวลาการก่อสร้างตามสัญญา 450 วัน การก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2535

การแบ่งพื้นที่อาคารสำนักงานเพื่อปฏิบัติงาน
        สำนักงานสรรพากรเขต 8 และสำนักงานสรรพากรจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ชื่อเรียกในขณะนั้น) ได้ย้ายสำนักงานมาอยู่ที่อาคารแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ และเปิดปฏิบัติงานอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2535 โดยแบ่งพื้นที่ปฏิบัติงานดังนี้
          ชั้นที่ 1 และ 2 เป็นสำนักงานสรรพากรจังหวัดสุราษฎร์ธานี
          ชั้นที่ 3 เป็นศูนย์คอมพิวเตอร์ประจำเขต 8
          ชั้นที่ 4 เป็นอาคารสำนักงานสรรพากรเขต 8
ข้อสังเกต***  ไม่มีสำนักงานสรรพากรอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีรวมอยู่ด้วยแต่อย่างใด
          อาคารสรรพากรแห่งนี้จะเปิดทำการอย่างเป็นทางการตามหมายกำหนดการ ในวันที่ 14 สิงหาคม 2536 เวลา 08.49 น. แม้ว่าระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2527 ขออนุมัติย้ายสำนักงานสรรพากรเขต 8 จากจังหวัดนครศรีธรรมราชไปสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จนกระทั่งการก่อสร้างอาคารเสร็จสิ้นกระทำพิธีเปิดอาคารอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 14 สิงหาคม 2536 จะต้องใข้เวลารอคอยนานถึง 8 ปีเศษก็ตาม แต่ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะเป็นอาคารที่มีความสง่างามและมีความสำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ เพราะจะเป็นที่เก็บรวมรวมข้อมูลการจัดเก็บภาษีอากรของทุกจังหวัดในเขต 8 ทั้งยังเอื้อประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียภาษีที่มาติดต่อราชการได้เป็นอย่างดี และยังช่วยให้การบริหารการจัดเก็บภาษีอากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามนโยบายของกรมสรรพากรที่วางไว้ อันจะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติสืบต่อไปด้วย

การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของกรมสรรพากร
        ต่อมาในปี พ.ศ.2539 กรมสรรพากรได้มีนโยบายในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงานของกรมฯใหม่ โดยให้สำนักงานสรรพากรเขต 8 และสำนักงานสรรพากรเขต 9 พร้อมหน่วยงานในสังกัดยุบรวมหน่วยงานและตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ คือ สำนักงานสรรพากรภาค 9 และมีที่ทำการ ณ จังหวัดสงขลา โดยมีนายอนันต์ สุขสกุลวัฒน์ ดำรงตำแหน่งสรรพากรภาค 9 ในขณะนั้น
      ปี พ.ศ. 2540 กรมสรรพากรได้มีนโยบายในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงานใหม่อีกครั้ง โดยได้มีการแยกหน่วยงานสำนักงานสรรพากรภาค 9 ออกเป็น 2 หน่วยงานใหญ่ คือ สำนักงานสรรพากรภาค 11และสำนักงานสรรพากรภาค 12
          จากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างครั้งนี้ทำให้สำนักงานสรรพากรภาค 11 กลับมาใช้ที่ทำการ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีที่ตั้ง ณ เลขที่ 100/1 ถนนดอนนก ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ที่ทำการในปัจจุบัน)

ที่อยู่ติดต่อ

สำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย

ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี (หลังใหม่) ชั้น 1 อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 84000

 [email protected]

 077-285460 , 077-285460

 http://www.osmsouth-e.moi.go.th

            สำนักงานคลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำบลตลาด อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำตาปี ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมือง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2450 – 2525 และเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2525 เวลาประมาณ 08.00 น. เกิดเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจ ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่สำคัญคือการระเบิดศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี จากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงย้ายมาที่ตั้งแห่งใหม่ ณ ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2528 จนถึงปัจจุบัน สำนักงานคลังจังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงย้ายสำนักงานมาอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานีแห่งใหม่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมีขุนพินิจ บรรณกร เป็นคลังจังหวัดสุราษฎร์ธานีคนแรก ปัจจุบันนางเพ็ญลดา  สายสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งคลังจังหวัดสุราษฎร์ธานีคนที่ 26

อาคารศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำตาปี  ตรงข้ามศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในปัจจุบัน) ต่อมาถูกผู้ก่อการร้ายวางระเบิดเสียหายเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ทางราชการจึงได้ก่อสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นที่ถนนดอนนก ในปัจจุบัน ซึ่งเดิมที่ดินตรงนั้นเป็นสนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ส่วนที่ดินที่ตั้งอาคารศาลากลางหลังเดิมปัจจุบันเป็นที่ตั้งศาลหลักเมืองในปัจจุบัน