June 25, 2019 09:41 Show
ตอบโดย วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.) การย้ายสิทธิ ต้องมีทะเบียนบ้านในพื้นที่ ที่เราจะย้ายไปครับ เเละ รพ.นั้นต้องเปิดรับด้วยครับ ถ้าคนในพิชื้นที่เยอะเเล้ว บางทีก็ย้ายไม่ได้ครับถ้า รพ.รัฐ การฝากครรภ์สามารถฝากได้ฟรี ทุกที่ ทุกสิทธิครับ แต่เวลาคลอดต้องไปคลอดใน รพ ที่มีสิทธิการรักษา ไม่งั้นต้องจ่ายเงินเอง หรือถ้า โรงพยาบาลเอกชนถ้าเป็นประกันสังคมที่รพ.นั้นจะเบิกได้ครับ ถ้าไม่มีสิทธิการรักษาก็ต้องจ่ายเองครับ เช็คสิทธิ ที่ สายด่วน สปสช.1330 หรือ http://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml .......... ถ้าคนไข้จะไปฝากครรภ์หรือคลอด ที่รพ.ที่สิทธิการรักษาไม่ได้อยู่ที่นั้น เวลาจะคลอดก็ต้องเสียเงินเองครับผม (ยกเว้น สิทธิข้าราชการ จะเบิกได้ใน รพรัฐทุกเเห่งครับ) ส่วนประกันสังคมน่าจะต้องสำรองจ่ายไปก่อนเเล้วไปเบิก ที่ศูนย์ประกันสังคมครับ .......... ค่าฝากครรภ์เอกชนหรือคลินิคทั่วไป ส่วนใหญ่ครั้งนึงประมาณ700บาทครับ ถ้าอัลตร้าซาวด์อาจเป็น1,500-2,000บาท (เเล้วเเต่ รพ.ครับ) .......... ส่วนค่าคลอดปกติถ้าคลอดเองประมาณ5,000-6,000บาทไม่รวมค่าอื่นๆเช่นห้องพิเศษ ถ้าผ่าคลอดประมาณหลักหมื่นครับ (การคลอดเองหรือผ่าคลอดขึ้นกับจ้อบ่งชี้เเละดุลยพินิจของเเพทย์) ....... ส่วนค่าทำหมันหลังคลอดเลย จะประมาณ 4,000-5,000 บาทครับ (ส่วนถ้ารพ.เอกชน จะเเพงกว่านี้มาก ขึ้นกับ รพ.ด้วยครับ)ส่วนค่าห้องพิเศษ ถ้า รพ รัฐ ต้องจอง เเละราคาค่าห้องจะประมาณ 1,000 บาท++ครับ เเต่ถ้าเอกชนจะเเพงกว่า เเล้วเเต่ระดับของ รพ ครับ ......... ถ้าคนไข้จะไปคลอดที่รพ.ที่ไม่ได้ฝากครรภ์ เเนะนำให้ไปฝากครรภ์ที่ รพ.ที่เราจะไปคลอดอย่างน้อยสักครั้งครับ เพื่อคุณหมอจะได้ประเมินเคส เเละวางเเผนการคลอดครับ .......... เบื้องต้นโทรสอบถาม รพ.ที่จะย้ายไป ว่าห้องรับฝากครรภ์เปิดวันไหนครับ เเละนำสมุดฝากครรภ์เดิมเเละประวัติการรักษา ผลเลือดผลอัลตร้าซาวด์ด้วยครับตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669 ค่าฝากครรภ์ ค่าใช้จ่ายของแม่ ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่คนแล้ว แน่นอนว่าต้องเสียสละกันทั้งกำลังกาย กำลังใจ รวมไปถึงกำลังทรัพย์ เพราะเมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตที่เพิ่มขึ้นมา แน่นอนว่าเราจะต้องให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด โดยค่าใช้จ่ายของแม่นั้นเริ่มกันตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตในท้องเลยทีเดียว ค่าใช้จ่ายของแม่! กว่าลูกจะคลอด คุณแม่ตั้งครรภ์มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ค่าฝากครรภ์ ค่าใช้จ่ายของแม่! กว่าลูกจะคลอด คุณแม่ตั้งครรภ์มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างอ่านเพิ่มเติม : ยังเรียนไม่จบ ทำประกันสะสมทรัพย์ ได้หรือไม่ ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ กรณีไม่ใช้สิทธิจากประกันสังคมเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ ทุกคนต้องไปหาคุณหมอและฝากครรภ์โดยเร็วที่สุด หากใครวางแผนเก็บเงินเพื่อมีลูกล่วงหน้าก็หายห่วงหน่อย แต่ใครที่ไม่ได้วางแผนไว้เลยอาจจะต้องรีบเก็บเงินกันตัวเป็นเกลียว สำหรับค่าฝากครรภ์นั้นมีเรตราคาแตกต่างกันไป อย่างที่ทราบกันดีว่าโรงพยาบาลรัฐนั้นถูกกว่า แต่ไม่สะดวกสบายเพราะต้องตื่นแต่เช้าไปรอคิว ส่วนเอกชนนั้นราคาก็สูงขึ้นตามความสะดวกสบายเช่นกัน รวมถึงคลินิคพิเศษด้วย นอกจากนี้บางคนอาจมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าปกติ เพราะมีปัจจัยเรื่องสุขภาพหรือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการตรวจมากเป็นพิเศษ เมื่อคุณแม่ฝากครรภ์ คุณหมอจะนัดตรวจครรภ์โดยเฉลี่ยประมาณ 9-12 ครั้ง (บางคนอาจมากหรือน้อยกว่า ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแม่และลูก) ซึ่งแต่ละครั้งมีค่าตรวจของแพทย์ ค่ายาบำรุง ค่าอัลตร้าซาวด์ ค่าวัคซีน ค่าตรวจเลือด เจาะน้ำคร่ำ ตรวจพิเศษอื่นๆ เป็นต้น เพื่อให้เห็นภาพ ลองมาดูตัวอย่างกันค่ะ โรงพยาบาลรัฐ
โรงพยาบาลเอกชน
การคลอด กรณีไม่ใช้สิทธิจากประกันสังคมสำหรับค่าคลอด ราคาแตกต่างกันไปตามลักษณะโรงพยาบาล ซึ่งแน่นอนว่าโรงพยาบาลรัฐราคาย่อมถูกกว่าเอกชน รวมไปถึงรูปแบบการคลอดด้วย หากคลอดธรรมชาติจะราคาก็จะถูกกว่าการผ่าตัดคลอด เพราะการผ่าคลอดมีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่า อีกทั้งคุณแม่ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่า ค่าใช้จ่ายจึงเพิ่มเป็นเงาตามตัว สำหรับโรงพยาบาลรัฐค่าคลอดประมาณ 5,000-10,000 บาท กรณีคลอดธรรมชาติ หากผ่าคลอดราคาจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 -25,000 บาท ราคานี้รวมค่าห้องแล้ว โดยราคาห้องมีตั้งแต่ 500-3,000 บาท สำหรับจำนวนวันที่นอนโรงพยาบาล หากคลอดธรรมชาติจะนอนโรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน หากผ่าคลอดประมาณ 4-5 วัน ส่วนโรงพยาบาลเอกชน กรณีคลอดธรรมชาติ ราคาประมาณ 30,000-50,000 บาท กรณีผ่าตัดคลอด ราคาประมาณ 60,000-100,000 บาท (ส่วนมากจะรวมค่าห้องแล้วในแพ็คเกจ) หากคลอดธรรมชาติจะนอนโรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน หากผ่าคลอดประมาณ 4-5 วันเช่นกัน นี่เป็นเพียงค่าใช้จ่ายของแม่ หลักๆ เท่านั้น ยังไม่รวมค่าใชจ่ายจิปาถะอื่นๆ เช่น ค่าอาหารเสริม ค่าของใช้ของลูกที่ต้องเตรียมไว้ก่อนคลอด และอื่นๆ อีก การที่เราเตรียมพร้อมและวางแผนกก่อนการมีบุตรเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะหลังจากนี้จะต้องใช้เงินอีกมากจนกว่าพวกเขาจะเติบโต ค่าคลอดบุตรกรณีใช้สิทธิจากประกันสังคมเริ่มจากการฝากครรภ์ ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่องหลักเกณฑ์และอัตราสำหรับประโยชน์ทดแทนกรณีการฝากครรภ์ตามเกณฑ์คุณภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป ประกันสังคมจะจ่ายค่าฝากครรภ์ให้คุณแม่โดยปรับเพิ่มค่าฝากครรภ์ 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,500 บาท (จากเดิม 3 ครั้ง 1,000 บาท) ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
เอกสารสำหรับเบิกค่าฝากครรภ์ มีดังนี้
ค่าคลอดบุตรประกันสังคมให้สิทธิ์อะไรบ้างสำหรับรับสิทธิประโยชน์และหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์ - ค่าคลอดบุตรประกันสังคม จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
เอกสารประกอบการยื่นคำขอประโยชน์ทดแทนการคลอดบุตร
โดยให้ท่านไปยื่นเอกสารทั้งหมดได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานประกันสังคมสังหวัด และสาขา ที่สะดวก ยกเว้นสำนักงานใหญ่บริเวณกระทรวงสาธารณสุข สำหรับการพิจารณาสั่งจ่าย จะสั่งจ่ายเป็นเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน ในกรณีที่ผู้มีสิทธิมาขอรับด้วยตัวเอง หรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมารับแทน จะจ่ายโดยการใช้เช็ค นอกจากนี้ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน สามารถยื่นอุทรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่แจ้งคำสั่ง ในกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับการสั่งจ่ายประโยชน์ทดทดแทน ลาคลอดประกันสังคมให้สิทธิอะไรบ้างกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ปี 2540 ได้ระบุว่า พนักงานหญิงสามารถลาคลอดได้สูงสุด 90 วัน แต่กฎหมายล่าสุดได้เพิ่มสิทธิ์ในการลาคลอดอีกเป็น 8 วัน รวมเป็น 98 วัน โดยจะนับวันลาคลอด และนับวันที่ลาเพื่อไปตรวจครรภ์ก่อนคลอดรวมอยู่ในสิทธิ์การลาคลอด 98 วันนี้ด้วยในส่วนของค่าจ้างนั้นผู้ลาคลอดจะได้รับค่าจ้าง โดยนายจ้างจ่าย 45 วัน ประกันสังคมจ่าย 45 วัน ส่วนอีก 8 วันที่เหลือไม่ได้มีการระบุว่าใครจะต้องเป็นคนจ่าย ดังนั้น นายจ้างและประกันสังคมมีสิทธิ์ที่จะไม่จ่ายค่าจ้างในอีก 8 วันที่เพิ่มมาโดยไม่มีความผิด อย่างไรก็ตาม จำนวนวันในการลาคลอด การลาคลอดล่วงหน้า การรับเงินชดเชยจากองค์กร หรือหลักเกณฑ์การจ่ายเงินสวัสดิการอื่น ๆ อาจขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท คุณแม่จำเป็นจะต้องสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลส่วนนี้เพิ่มเติมกับฝ่ายทรัพยากรบุคคลในองค์กร ข้อกำหนดสิทธิการลาคลอดจากประกันสังคม
รับสิทธิเงินอุดหนุนบุตรสำหรับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดที่จะเป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้กับผู้ปกครองที่มีบุตร ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี 600 บาท/เดือน คุณสมบัติผู้ปกครองที่รับเงินและสิ่งที่ต้องที่มีตรวจสอบสิทธิ์โดยจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน ได้แก่
คุณสมบัติผู้ปกครองที่รับเงิน(กรณีรับเด็กแรกเกิดไว้ในความอุปการะ) คือ มีสัญชาติไทย เป็นบุคคลที่รับเด็กแรกเกิดไว้ในความอุปการะและเด็กแรกเกิดต้องอาศัยรวมอยู่ด้วย ที่สำคัญคือ อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย คือ สมาชิกครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปีเท่านั้น นอกจ่กนี้ผู้ที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร ตามกฎกระทรวงฯ ฉบับเดิม (ปี 61) จะยังคงได้รับสิทธิตามอัตราที่กำหนดใหม่ในกฎกระทรวงฉบับนี้ นับตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับ ธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชี ผู้มีสิทธิวันที่ 9 ธันวาคม 2564 เบิกจ่ายให้กับผู้มีสิทธิ ดังนี้
จ่ายตรงงวด จำนวน 600 บาทต่อเดือน จ่ายย้อนหลังให้ตามสิทธิของแต่ละบุคคล 1. บัตรประชาชนของแม่เด็กที่ยื่นขอรับสิทธิ์เงินอุดหนุน 2 เลขบัตรประจำตัวประชาชนเด็กที่ยื่นขอรับสิทธิ์เงินอุดหนุนฯ เข้าไปที่เว็บไซต์ csgcheck.dcy.go.th จากนั้นกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงทะเบียน และของเด็กแรกเกิด จากนั้นระบุเลขรหัสยืนยันรูปภาพ(ในตัวอย่างคือคำว่า potses ) แล้วกดปุ่ม "ค้นหาข้อมูล" สำหรับผู้ลงทะเบียนรายใหม่ ที่มายื่นขอรับสิทธิ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป สิทธิที่ได้รับจะเริ่มได้รับเงินในเดือนที่ยื่นขอรับสิทธิ ไม่ย้อนหลังให้ไปจนถึงเดือนที่เด็กเกิด ในช่วงภาวะวิกฤตไวรัสโควิด-19แบบนี้ MoneyGuru ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพและเป็นกำลังใจให้เราผ่านช่วงนี้ไปด้วยกัน ส่วนใครที่มองหาตัวช่วยเงินกู้สำหรับใช้ในการจับจ่ายใช้สอยที่ง่าย สะดวก และทำได้ที่บ้าน เรายังมีตัวช่วยสำหรับการ เปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคล หรือจะเป็นบัตรเครดิตอื่นๆ ให้เลือกใช้ เข้ามาเปรียบเทียบบัตรเครดิตได้ทุกวันที่ MoneyGuru นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อได้ทางช่องทาง LINE @MoneyGuruThailand รับรองว่าคุณจะได้คำแนะนำราคาเบี้ยประกันที่ดีที่สุดจากเรา พิเศษสำหรับเดือนนี้ ท่านไหนที่ยังไม่มีบัตรกดเงินสด สามารถเข้ามาดูบัตรกดเงินสดที่เหมาะกับคุณได้ที่นี่ เพราะ MoneyGuru ได้รวบรวมผลิตภัณฑ์ทางการเงินไว้ให้พร้อมสรรพ นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และประกันรถยนต์ดีๆ มาเปรียบเทียบเพื่อให้ได้คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เนื่องจากในทุกวันนี้ การใช้รถใช้ถนนมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา ดังนั้นนอกจากผู้ใช้รถทุกคนต้องไม่ประมาทและควรระมัดระวังในการขับขี่แล้ว การทำประกันรถยนต์นั้นก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้ท่านเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น ดังนั้นสามารถเข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้ทาง www.moneyguru.co.th ต้องการที่จะช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายจากการจ่ายเบี้ยประกันด้วยการ ลดราคาเบี้ย 5% พร้อมรับบัตรเติมน้ำมัน 500 บาท รับมือพิษเศรษฐกิจในเวลานี้ รวมถึงสามารถเข้ามาเปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคลกับทาง MoneyGuru ได้เลย บทความแนะนำ
|