ที่ชื่อว่า "แชร์วิธีฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง - Fernary" Show
ซึ่งเฟิร์นเปิดเล่มนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าเฟิร์นอยากจะแชร์ประสบการณ์ตรงของเฟิร์นเอง เพราะเฟิร์นเป็นคนที่ฝึกภาษาอังกฤษเองล้วน ๆ ตั้งแต่เริ่มเลย ไม่เคยไปเรียนพิเศษที่ไหน ไม่เคยไปต่างประเทศ ไม่เคยได้ไปเรียนต่อ ฝึกเอาเองที่บ้าน ที่หอ ที่ไหนก็ได้ 55 จำได้ว่าเริ่มฝึกช่วงอายุ 17 ปี แล้วไม่ได้ใช้ภาษาเลยนะ เพราะไม่มีคนให้ใช้ด้วย แต่ก็ฝึกมาตลอดจนอายุ 18 มาเจอกับแฟน +
คนข้างบ้านที่เป็นครูสอนภาษา เราลองให้เพื่อนสนิทใช้วิธีเดียวกับเราดู งงมาก พื้นฐานก็ไม่มี ไม่มีคนให้ฝึกด้วยด้วยนะ เอ้า เล่ามายาวแล้ว ไปดูกันเลยว่าต้องเริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองยังไงให้ได้ผล! ฟังเยอะ ๆ ดูเยอะ ๆ ให้หูมันชินคือปัญหาแรก ๆ ของคนที่เริ่มฝึกเลยคือ "ฟังไม่ออก" เขาพูดอะไรอ่ะ ฟังไม่ทัน พูดเร็วขนาดนั้นใครจะไปฟังทัน! เฟิร์นเริ่มจากการแบบหา Youtube ดู หาช่องที่เราชอบอ่ะ ผู้ชายช่องไหนหล่อก็ไปจ้า ไปโลด 555 แนะนำช่อง Youtube สำหรับฝึกฟังภาษาอังกฤษ แนะนำหนังฝึกภาษาอังกฤษ อ่านวันละนิด ได้ศัพท์เป็นล้าน!รู้หรือไม่ว่า ถ้าเรารู้จักศัพท์ประมาณ 1,000 คำ จะทำให้เราเริ่มสื่อสารภาษานั้น ๆ ได้! ถ้ายังไม่รู้ก็รู้ซะ เพราะมันคือความจริง "อ๋อ!!!
คำนี้มันแปลว่าแบบนี้นี่เอง" เราจะเข้าใจได้โดยบริบทของการใช้งาน แต่ถ้าใครอยากเป็นเร็วเป็นไว เฟิร์นแนะนำว่าให้เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษเพิ่มไปด้วย ตอนนั้นเฟิร์นใช้วิธีอ่านพวก Quotes หรือคำคม แล้วก็ได้ศัพท์จากตรงนั้นมาเยอะมาก แล้วมันจำฝังหัวเลยนะ เพราะมันเป็นคำคมแบบความรักงี้ อกหักงี้ โอ้ย คุณพระ ใครจะจำไม่ได้คะ? อิอิ ตัวอย่างศัพท์ที่เฟิร์นเรียนรู้จาก Quotes โดยใช้เว็บ weheartit.com จาก Quote นี้เฟิร์นก็ได้รู้จักคำว่า ruin ที่แปลว่า "ทำลาย" แปลเพลงสากล (ถ้าขี้เกียจแปลก็แค่ฟังให้มากขึ้น)หลาย ๆ คนอ่ะ อยากเก่งอิ๊งมากเวอร์ แต่ไม่เอาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางภาษาอังกฤษ แล้วถามหน่อยว่ามันจะเก่งได้ยังไง? หัวข้อนี้ไม่ได้จะบอกทุกคนว่าต้องเลิก! หยุด! ฟังเพลงไทย มาดูความหมายว่าเห้ย มันมีความหมายมากกว่าที่มันแปลตรง ๆ ได้ไหมนะ หรือแบบ ลองออกเสียงตามเลย จะได้ออกเสียงถูกต้องตามหลักจริง ๆ ส่วนใครที่ชอบฟังเพลงไทย เพลงเกาหลี เพลงประเทศอื่น ๆ ยืนหนึ่งมาเลยงี้ เราไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าอยากเก่งอิ๊ง ต้องฟังเพลงอิ๊งเพิ่มอีกนิด ลองดู มันง่าย มันโดนใจ และมันช่วยได้จริง ๆ วิธีเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง หาเพื่อนคุยด้วยแบบมีสติเออเนี่ย คนเรา อยู่ไทยอ่ะ บ้านอยู่ลาดกระบัง จะไปหาคนต่างชาติที่ไหนมาคุยด้วย ถูกป้ะ? คือไม่ต้องไปถึงขั้นแบบวิดิโอคอลกันหรอกนะ แค่มี ๆ ไว้ถามไถ่กันบ้างเป็นบ้างเวลาก็พอ เหมือนแค่พอให้เราได้ใช้สมองฝึกคิดคำและประโยคเป็นภาษาอังกฤษอ่ะ มันช่วยได้ แล้ววันนึงเราจะพูดภาษาอังกฤษคล่องมากแบบไม่ต้องคิดเลย แต่คุยต้องมีสตินะจ๊ะ เอาวิดิโอนี้ไปดูเพื่อป้องกันตัวเองเด้อ เอาเป็นว่าถ้าแค่เริ่มต้น เอาเท่านี้ไปทำให้ได้ก่อน ใครอยากจะเริ่มจากหาเพื่อนคุยก็ย่อมได้นะ ถ้าเจอคนดี ๆ เขาก็จะช่วยสอนเราเลยแหละ ว่าอันนี้ต้องพูดยังไง ใครสะดวกเก็บศํพท์ก่อนก็แนะนำเลยจ้า ง่ายสุดคือไปหาแคปชั่นอิ๊งมาตั้ง วันนี้หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์จากบทความของเฟิร์นไปบ้างแหละเน้อ ไม่รู้เขียนรู้เรื่องไหม 5555 ใครชอบก็อย่าลืมกดติดตามกันไว้นะคะ จะได้อัปเดทวิธีฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองไปด้วยกันค่ะ! การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก เป็นภาษาที่เข้าถึงและเรียนรู้ได้ง่าย ด้วยความที่มีคำถึง 750,000 คำ และวิธีการสะกดแบบปราบเซียน การเรียนภาษาอังกฤษให้เร็วทันใจอาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่ขอบอกเลยว่าไม่จริง – เพียงแค่ต้องมีกลวิธีที่ถูกต้องเท่านั้นแหละ ลองดู 10 วิธีให้เรียนภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้นเป็นการเริ่มต้น รับรองเอาอยู่แน่นอน
นิยายคลาสสิก, พอกเก็ตบุ้ค, หนังสือพิมพ์, เว็บไซต์, อีเมลล์, โซเชียลมีเดีย, กล่องซีเรียล: ถ้ามีภาษาอังกฤษ ทำไมไม่ลองอ่านดูล่ะ ในเนื้อหาพวกนี้มีทั้งคำใหม่และคำที่รู้อยู่แล้ว จะช่วยให้เลเวลอัพได้เร็วขึ้น การเห็นคำพวกนี้ผ่านตาบ่อยๆทำให้ได้ตัวอย่างการใช้ในบริบทต่างๆ จะช่วยเน้นย้ำคำศัพท์พวกนี้ให้ขึ้นใจ แถมการเรียนรู้คำและสำนวนใหม่ๆนั้นเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างคลังแสงคำศัพท์ของคุณ โดยเฉพาะในภาษาอย่างภาษาอังกฤษที่มีคำเยอะแยะไปหมด! แต่ไม่ใช่แค่อ่านแล้วก็จบเลย ขั้นต่อไปต้อง…
มันก็น่าอยู่ว่าทำไมวิธีนี้ถึงเป็นวิธีคลาสสิค: เพราะมันได้ผลไงล่ะ! เมื่อกำลังเรียนภาษาเรามักจะเรียนคำหรือสำนวนใหม่ๆจนเพลินแล้วนึกว่าคงไม่ลืมหรอก แต่เชื่อเถอะว่าของยังงี้ไม่ใช่จะจำได้หมดในครั้งเดียว เพื่อการนี้ลองพกสมุดโน้ตเก๋ๆให้เป็นนิสัย หรือลองใช้แอป Evernote เมื่อไหร่ที่ได้ยินหรืออ่านคำหรือคำนวนใหม่ก็จดลงไปพร้อมกับบริบทของคำนั้นด้วย: คือจดทั้งประโยคและความหมาย เวลาทบทวนจะได้ไม่ต้องคอยถามตัวเองว่า “ตกลงคำ/สำนวนนี้มันแปลว่าอะไรนะ”
ภาษาจะมีไว้ทำไมถ้าไม่ได้ใช้สื่อสาร จริงอยู่ว่าคนเรานั้นช่างเม้าถึงขั้นไม่ต้องเปิดปากก็เม้าได้ – ต้องขอบคุณไลน์ – แต่เมื่อเอาเข้าจริง การพูดคุยจริงๆทำให้ช่วยจำได้ดีกว่าการพิมพ์มาก ลองนึกดูว่ามีคนซักกี่คนที่บอกว่าตัวเอง “เข้าใจภาษาอังกฤษแต่พูดไม่ได้” หลายๆคนที่มีแววจะพูดอังกฤษได้ทำให้การพูดกลายเป็นกำแพงกั้นที่ไม่อาจข้ามได้ อย่าเป็นแบบนั้น ลองหาเจ้าของภาษาเพื่อแลกเปลี่ยนแบบเล่นๆ สมัครเรียน หรือเรียนออนไลน์ดู
ไม่ว่าจะชอบเรื่องขำขัน การเมือง บลอก การทำอาหาร มีพอดแคสหรือแชเนลยูทูปภาษาอังกฤษสำหรับคุณแน่นอนด้วยหัวข้อที่ครอบคลุมอย่างไม่น่าเชื่อ ลองติดตามสักสองสามอันแล้วฟังระหว่างขับรถหรือดูระหว่างทางไปโรงเรียนหรือไปทำงาน แรกๆอาจจะรู้สึกว่าสำเนียงเจ้าของภาษาฟังยาก แต่พยายามต่อไปจะเริ่มฟังออกเอง (แถมยังได้เรียนคำใหม่ๆจากเจ้าของภาษาด้วย)
ถ้ามีวิธีการไหนดีไปกว่าการเรียนภาษาอังกฤษด้วยการฝังตัวเองในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเราก็อยากจะรู้เหมือนกัน! ไม่ใช่ความลับว่าภาษาอังกฤษนั้นเป็นภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก จึงมีประเทศให้เลือกมากมาย คุณสามารถเลือกบรรยากาศการเรียนในฝันได้ทั้งจาก สถานที่, อากาศ หรือเมืองที่ชอบ อย่าง ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา และแอฟริกาใต้
มีเพื่อนที่โพสเป็นภาษาอังกฤษออนไลน์บ้างมั้ย อย่าได้ปล่อยผ่าน: ลองดูว่าพวกเขาแชร์อะไร และพยายามอ่านดูวันละโพสสองโพส อาจจะเป็นข่าว, บทความจากนิตยสาร, วิดีโอ, บทสนทนา, บลอก, เพลง หรืออะไรก็แล้วแต่: ถ้ามันเป็นภาษาอังกฤษ และมันน่าสนใจ มันจะช่วยได้!
ปลาหมออาจตายเพราะปาก แต่สำหรับคนกำลังเรียนภาษานั้นยิ่งถามเยอะยิ่งเก่งเร็ว! เมื่อคุณเรียนภาษาอังกฤษคุณจะมีคำถามมากมายก่ายกอง อย่ามัวแต่นั่งมึน – ทำตัวอยากรู้อยากเห็นแล้วหาทางตอบคำถามเหล่านั้น! ถ้าคุณอยู่ในชั้นเรียนภาษาลองถามครูดู (มันเป็นหน้าที่ของพวกเขาอยู่แล้ว) แต่ถ้าคุณเรียนด้วยตนเองก็อย่ากังวล: หาคำตอบจากบลอกหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับภาษา ถามผู้เรียนคนอื่นๆ หรืออ่านจากเว็บฟอรัม รับรองไม่เสียแรงเปล่า!
ลองเปลี่ยนวิธีการเรียนด้วยการเลือกดารานักร้องที่พูดภาษาอังกฤษที่ชื่นชอบ แล้วค้นออนไลน์ หาบทสัมภาษณ์ที่พวกเขาให้ไว้ – แล้วลองดู! ดูครั้งแรกให้พอรู้เรื่อง แล้วดูอีกครั้ง คราวนี้จดคำหรือสำนวนที่น่าสนใจที่คุณได้ยิน คำสแลง, เรื่องเล่า, มุกตลก หรือเกล็ดความรู้ที่ได้จากการให้สัมภาษณ์เหล่านี้จะเป็นบทเรียนที่ดีเยี่ยม
การเรียนภาษาอังกฤษจะไปได้เร็วกว่ามากถ้าคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเราเรียนไปเพื่ออะไร ถ้าคุณกำลังจะไปแลกเปลี่ยนก็เน้นคำศัพท์เกี่ยวกับการเรียน ถ้ากำลังจะไปงานสมนาต่างประเทศก็เน้นเรื่องการสนทนาไว้คุยกับเพื่อนร่วมงาน ไปในช่วงพักระหว่างม.ปลายกับมหาลัยก็เน้นคำคัพท์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ถ้าคุณเริ่มเรียนภาษาอังกฤษโดยหวังจะเรียนรู้ได้ทุกอย่างราวกับมีเวทมนตร์ มีแต่จะหมดกำลังใจและสับสนเสียเปล่า ซึ่งนำไปสู่…
เมื่อรู้สึกว่าเรียนแล้วไม่ได้อะไร – ซึ่งเป็นกันได้ทุกคน – อย่าพูดว่า “ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้” หรือ “ฉันคงไม่มีวันเข้าใจ” ที่จริงแบนคำพวกนี้จากสารระบบไปเลย! มันมีแต่จะทำให้มองไม่เห็นว่าตัวเองพัฒนาไปแค่ไหนแล้ว แถมยังทำให้เชื่อว่าความฝันที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ไม่มีวันเป็นจริง ลองแทนด้วย “ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษและพัฒนาไปทุกๆวัน” “มันอาจจะไม่ง่าย แต่มันคุ้มค่า” “ฉันดีขึ้นมากเทียบกับ 6 เดือนก่อน” และประโยคอื่นๆเพื่อเตือนตัวเองให้มองเห็นภาพรวม เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษอย่างไรฝึกอย่างไรให้พูดภาษาอังกฤษได้คล่องและไวใน 2 สัปดาห์. 1. อย่าไปเคร่งแกรมม่านัก ... . 2) พยายามใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันมากเท่าที่จะทำได้ ... . 3) เรียนรู้และเปลี่ยนระบบความคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ ... . 4) พูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ... . 5) หาเจ้าของภาษาหรือ Native English Speaker มาเป็นคู่ซ้อมในการฝึกพูด. เริ่มภาษาอังกฤษเขียนว่ายังไงเริ่ม
เรียนภาษาอังกฤษยังไงเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งจาก 6 วิธีนี้. 1. อ่านหนังสือหรือบทความภาษาอังกฤษ ... . 2. จดศัพท์ใหม่ ๆ ... . 3. ทำให้หูคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ ... . 4. ใช้ช่องทางออนไลน์ให้เป็นประโยชน์ ... . 5. ฝึกทุกที่ที่มีโอกาส ... . 6. อย่ากลัวที่จะลองใช้. ภาษาอังกฤษดียังไงการเรียนรู้ภาษาอังกฤษจะช่วยในเรื่องของความจำ และช่วยลดโอกาสการเกิดโรคอัลไซเมอร์ อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ยืนยันว่าผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษนั้นจะมีไอคิวที่สูงกว่า และฉลาดมากกว่าผู้ที่พูดได้เพียงภาษาเดียว เพราะในขณะที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษนั้น สมองมีการทำงานและจดจำคำศัพท์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลานั่นเองค่ะ
|