แต่หากต่อมามีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น แสบหรือคันช่องคลอด กลิ่นเหม็นผิดปกติ มีปวดท้องน้อย มีปัสสาวะแสบขัด แสดงว่าอาจเกิดการติดเชื้อต่างๆ ในช่องคลอด ซึ่งก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาค่ะ โดยหากมีอาการคันช่องคลอดเป็นหลัก และตกขาวมีลักษณะคล้ายแป้งเปียกหรือนมบูด ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีปวดท้องน้อย ก็น่าจะเกิดจากการติดเชื้อราในช่องคลอดได้ เป็นต้น ตกขาวผิดปกติ เป็นอาการส่วนใหญ่ที่ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์ทางนรีเวช โดยปกติลักษณะของตกขาวจะมีสีใสหรือขาวขุ่นเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น สังเกตอาการบ่งบอกว่าตกขาวผิดปกติ ได้จาก สี เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเขียว เหลือง ขาวเทา หรือมีสีแดง เนื่องจากมีเลือดปนกลิ่น กลิ่นเหม็นคล้ายกุ้งเน่า หรือมีกลิ่นคาว มีลักษณะเป็นฟอง คันบริเวณช่องคลอดหรืออวัยวะเพศ แสบที่อวัยวะเพศ โรคที่มาพร้อมตกขาวผิดปกติ
ตกขาวมากผิดปกติ อย่าปล่อยทิ้งไว้!!! การรักษาในบางราย หากตรวจพบว่า เกิดจากการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ก็จะต้องให้ยารักษาคู่นอนร่วมด้วย หากพบความผิดปกติของตกขาวไม่ว่าจะลักษณะใดก็ตาม ควรมาพบสูตินรีแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง และรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป ปกติผู้หญิงสามารถมีตกขาวได้ โดยลักษณะของตกขาวปกติ จะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของรอบเดือน ช่วงก่อนไข่ตก (ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนประจำเดือนมา) จะมีลักษณะเป็นมูกใสยืด ส่วนหลังไข่ตก จะเปลี่ยนเป็นลักษณะสีขาวคล้ายแป้ง อย่างไรก็ตาม ตกขาวปกติจะไม่ทำให้มีอาการคัน ระคายเคือง หรือแสบช่องคลอด ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่มีอาการอื่น เช่น ปวดท้องน้อย หรือเป็นไข้ ร่วมด้วย ถ้าตกขาวมีลักษณะผิดไปจากนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งเป็นไปได้หลายสาเหตุ จะมีลักษณะตกขาวต่างกันไปตามเชื้อที่เป็นสาเหตุ เช่น ตกขาวเหมือนแป้งเปียกเป็นก้อนคล้ายคราบนมเด็กร่วมกับมีอาการคันมาก มักเกิดจากเชื้อรา ตกขาวสีเหลืองมีกลิ่นเหม็น มีอาการปวดท้อง มีไข้ร่วมด้วย เกิดจากอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ตกขาวสีขาวเทามีกลิ่นคาวปลา เกิดจากไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด โดยการรักษานั้น จะรักษาตามสาเหตุ ดังนั้น หากมีลักษณะตกขาวผิดปกติไป ควรไปพบสูตินรีแพทย์ตรวจภายในเพื่อจะได้รักษาตรงสาเหตุ น้องสาวมีตกขาวผิดปกติ คัน เกิดจากอะไร? ต้นตอของปัญหาตกขาวจากการติดเชื้อราคืออะไร? ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดตกขาวผิดปกติ คัน จากเชื้อรา เช่น ความอับชื้น โดยความชื้นจะทำให้เชื้อราเติบโตได้ดี การรับประทานยาฆ่าเชื้ออาจมีผลทำให้แบคทีเรียเจ้าถิ่นในช่องคลอดตายลง ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตขึ้นมาแทน ภาวะในช่องคลอดของคนที่เป็นเบาหวาน จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี เป็นต้น น้องสาวมีตกขาวผิดปกติ คัน ทำอย่างไรดี? การรักษาเชื้อราในช่องคลอดทำอย่างไร? นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว ควรสังเกตว่า ตนเองมีพฤติกรรมอะไรที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อราในช่องคลอด เช่น ดูน้ำตาลในเลือดว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ การรับประทานยาฆ่าเชื้อที่ไม่เหมาะสม การทำความสะอาดบริเวณน้องสาวที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ และเมื่อพบสาเหตุแล้ว ก็ควรปรับพฤติกรรมเหล่านี้ รักษาความสะอาดของน้องสาวให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะนี้เกิดเป็นซ้ำอีก การปรับการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เช่น การสวมใส่กางเกงในที่ผ้าโปร่งสบาย ไม่อับชื้น หลังทำความสะอาดอวัยวะเพศควรเช็ดให้แห้งทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการกินยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น |