Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

ไอโฟนเปิดไม่ติด ตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตัวเองก่อนส่งซ่อม

27 สิงหาคม 2562

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได
 

ผู้ใช้งานไอโฟนหลายรายอาจเจออาการ iPhone หน้าจอดำ เปิดไอโฟนไม่ติด ไปจนถึงอาการไอโฟนเครื่องค้าง ไม่ตอบสนองต่อการใช้งาน เมื่อเจอเหตุการณ์ดังกล่าว Apple ได้ให้คำแนะนำไว้อยู่ 3 ขั้นตอน เพื่อเป็นการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตัวเองก่อนนำเครื่องไปส่งซ่อม

1. เริ่มจากในกรณีที่ตัวเครื่องไอโฟนค้าง หน้าจอดำ เปิดไอโฟนไม่ติด ถ้าเป็นผู้ใช้ไอโฟน 6s และรุ่นก่อนหน้า ให้ลองกดปุ่มเปิดเครื่องพร้อมปุ่มโฮม (Home) ค้างไว้ 10 วินาที จนกว่าจะขึ้นโลโก้ Apple ส่วนผู้ใช้ ไอโฟน 7 และ ไอโฟน 7 Plus ให้กดปุ่มเปิดเครื่องพร้อมปุ่มลดเสียงค้างไว้ 10 วินาทีเช่นกัน

ส่วนไอโฟน 8 และรุ่นใหม่กว่า ที่มาพร้อมกับ FaceID ให้กดปุ่มเพิ่มเสียงแล้วปล่อย ลดเสียงแล้วปล่อย ก่อนกดปุ่มข้างเครื่องค้างไว้จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple แสดงขึ้นมาบนหน้าจอ

วิธีการนี้เรียกว่าเป็นการ Hard Reset หรือบังคับรีสตาร์ทตัวเครื่อง ที่ทำแล้วข้อมูลภายในตัวเครื่องจะไม่หาย เป็นเหมือนการรีบูตระบบใหม่เท่านั้น ซึ่งเครื่องทั่ว ๆ ไปที่มีปัญหาซอฟต์แวร์ค้าง สามารถใช้วิธีนี้ในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้เช่นเดียวกัน

2. ถ้า Hard Reset แล้วไม่หาย ให้ลองนำตัวเครื่องเสียบชาร์จกับอะแดปเตอร์และสาย Lightning (ที่มั่นใจว่าชาร์จไฟเข้าแน่นอน) ทิ้งไว้ ซึ่งตามปกติแล้วหลังจากเสียบสายชาร์จเข้าไปแล้ว ตัวเครื่องจะขึ้นสัญลักษณ์การชาร์จแบตฯ ขึ้นมา

วิธีการนี้เรียกว่าเป็นการ Hard Reset หรือบังคับรีสตาร์ทตัวเครื่อง ที่ทำแล้วข้อมูลภายในตัวเครื่องจะไม่หาย เป็นเหมือนการรีบูตระบบใหม่เท่านั้น ซึ่งเครื่องทั่ว ๆ ไปที่มีปัญหาซอฟต์แวร์ค้าง สามารถใช้วิธีนี้ในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้เช่นเดียวกัน

3. หากเปิดอุปกรณ์ขึ้นมาแล้วค้างระหว่างเปิดเครื่องจนไม่สามารถใช้งานได้ อาจจะต้องทำการเชื่อมต่อไอโฟน เข้ากับคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรม iTunes เพื่อทำการกู้คืน ด้วยการกดปุ่มข้างเครื่องค้างไว้จนกว่าจะขึ้นโหมดการกู้คืน หรือติดตั้งระบบ iOS ใหม่ ซึ่งตามปกติแล้วถ้าสามารถอัพเดตได้ ข้อมูลภายในตัวเครื่องจะไม่หาย

ทั้ง 3 วิธีนี้ คือวิธีการเบื้องต้นที่ทาง Apple แนะนำให้ผู้ใช้งาน iPhone ทุกคนเรียนรู้ไว้ เพื่อตรวจสอบตัวเครื่องเบื้องต้นได้เอง ก่อนส่งซ่อมที่ศูนย์บริการ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ข้อมูลในตัวเครื่องปลอดภัยมากที่สุดคือแนะนำให้สำรองข้อมูลทั้งผ่าน iCloud หรือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ไว้เสมอ ๆ และเพื่อความสบายใจยิ่งขึ้น แนะนำให้ซื้อประกันความคุ้มครองสำหรับ iPhone ของคุณเพิ่ม หรือที่เรียกว่า AppleCare+ เพื่อขยายระยะเวลาคุ้มครองการซ่อมและบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคเพิ่มเป็น 2 ปี นับจากวันที่คุณซื้อ AppleCare+ และเพิ่มความคุ้มครองในกรณีเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุสูงสุด 2 ครั้ง ดูรายละเอียดได้ที่ dtac และ AppleCare+ ได้เลย

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได
 

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

วิธี Force Restart เมื่อ iPhone ค้าง หน้าจอดำ หรือไม่ตอบสนอง ไม่สามารถปิดและเปิดเครื่องได้ เราสามารถบังคับให้ตัวเครื่องเริ่มการทำงานเครื่องใหม่ได้ โดยแต่ละรุ่นก็จะมีวิธีแตกต่างกันออกไป ดังนี้

iPhone ที่มี Face ID, iPhone SE (รุ่นที่ 2), iPhone 8 หรือ iPhone 8 Plus

ในการบังคับให้ iPhone X, iPhone XS, iPhone XR, iPhone 11, iPhone 12 หรือ iPhone 13 เริ่มการทำงานเครื่องใหม่ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

กดปุ่มเพิ่มระดับเสียงแล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว กดปุ่มลดระดับเสียงแล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว จากนั้นกดค้างไว้ที่ปุ่มด้านข้าง เมื่อโลโก้ Apple แสดงขึ้น ให้ปล่อยปุ่ม

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

1. กดปุ่มเพิ่มระดับเสียงแล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว
2. กดปุ่มลดระดับเสียงแล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว
3. กดปุ่มด้านข้างค้างไว้
4. เมื่อโลโก้ Apple แสดงขึ้น ให้ปล่อยปุ่ม


iPhone 7 หรือ iPhone 7 Plus

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

1. กดค้างไว้ที่ปุ่มลดระดับเสียงและปุ่มพัก/ปลุก
2. เมื่อโลโก้ Apple แสดงขึ้น ให้ปล่อยทั้งสองปุ่ม


วิธี Force Restart iPhone 6s, iPhone 6s Plus หรือ iPhone SE (รุ่นที่ 1)

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

1. กดค้างไว้ที่ปุ่มพัก/ปลุกและปุ่มโฮม
2. เมื่อโลโก้ Apple แสดงขึ้น ให้ปล่อยทั้งสองปุ่ม


iPhone ยังคงเปิดไม่ได้หรือไม่ Restart

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

หากทำการ Force Restart แล้ว แต่เครื่อง iPhone ก็ยังไม่สามารถเปิดเครื่องได้ ให้เสียบสายชาร์จไฟแล้วปล่อยให้ชาร์จจนถึงหนึ่งชั่วโมง โดยปกติแล้วหลังจากเสียบชาร์จไม่กี่นาที จะต้องเห็นหน้าจอแสดงการชาร์จ

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

หากไม่เห็นหน้าจอแสดงการชาร์จภายในหนึ่งชั่วโมง หรือเห็นหน้าจอเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟ ให้ตรวจสอบช่องเสียบ สาย USB และอะแดปเตอร์แปลงไฟ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างเสียบเข้าที่แน่นสนิทดีแล้ว ไม่มีฝุ่นผง และไม่ได้ชำรุดเสียหาย หรืออาจต้องลองใช้สาย USB หรืออะแดปเตอร์แปลงไฟอื่น

ถ้า iPhone ค้าง ระหว่างการเริ่มต้นระบบ

หากเห็นโลโก้ Apple หรือหน้าจอสีแดงหรือสีน้ำเงินในระหว่างที่เริ่มต้นระบบ ให้ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. เชื่อมต่ออุปกรณ์กับคอมพิวเตอร์ สำหรับ Mac
2. ค้นหาอุปกรณ์บนคอมพิวเตอร์

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

  • สำหรับ macOS Catalina 10.15 ให้เปิด Finder อุปกรณ์จะปรากฏในแถบด้านข้างของหน้าต่าง Finder คลิกอุปกรณ์เพื่อเลือก

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

  • สำหรับ Mac ที่มี macOS Mojave 10.14 หรือเวอร์ชั่นก่อนหน้า หรือสำหรับ PC ให้เปิด iTunes ดูอุปกรณ์ด้วยการคลิกที่ไอคอนอุปกรณ์ที่มุมซ้ายบนของหน้าต่าง iTunes

3. เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

  • iPad รุ่นที่มี Face ID: ให้กดปุ่มเพิ่มเสียงแล้วปล่อยปุ่มอย่างรวดเร็ว กดปุ่มลดเสียงแล้วปล่อยปุ่มอย่างรวดเร็ว กดปุ่มด้านบนค้างไว้จนกว่าอุปกรณ์จะเริ่ม Restart กดปุ่มด้านบนค้างไว้ต่อไปจนกว่าอุปกรณ์จะเข้าสู่โหมดการกู้คืน
  • iPhone 8 หรือใหม่กว่า: กดปุ่มเพิ่มเสียงแล้วปล่อยปุ่มอย่างรวดเร็ว กดปุ่มลดเสียงแล้วปล่อยปุ่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นให้กดปุ่มด้านข้างค้างไว้จนกว่าจะเห็นหน้าจอโหมดกู้คืน
  • สำหรับ iPhone 7, iPhone 7 Plus และ iPod touch (รุ่นที่ 7): ให้กดปุ่มด้านบน (หรือด้านข้าง) และปุ่มลดเสียงค้างไว้พร้อมกัน กดค้างไว้จนกว่าจะเห็นหน้าจอโหมดการกู้คืน
  • iPad ที่มีปุ่มโฮม, iPhone 6s หรือรุ่นก่อนหน้า และ iPod touch (รุ่นที่ 6) หรือรุ่นก่อนหน้า: กดทั้งปุ่มโฮมและปุ่มด้านบน (หรือด้านข้าง) ค้างไว้พร้อมกัน กดค้างไว้จนกว่าจะเห็นหน้าจอโหมดการกู้คืน

Iphone 6s plus เปิด โฟนแล วไม ใช ไม ได

เมื่อเห็นตัวเลือกให้กู้คืนหรืออัพเดท ให้เลือก อัพเดท คอมพิวเตอร์จะพยายามติดตั้ง iOS หรือ iPadOS อีกครั้งโดยไม่ลบข้อมูลออก

คอมพิวเตอร์จะดาวน์โหลดซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ที่เรากำลังเชื่อมต่ออยู่ หากใช้เวลามากกว่า 15 นาที iPhone ของเราจะออกจากโหมดการกู้คืน และจะต้องทำตามขั้นตอนที่ 2 และ 3 ซ้ำอีกครั้ง

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธี Force Restart เมื่อ iPhone ค้าง หน้าจอดำ หรือไม่ตอบสนอง ไม่สามารถปิดและเปิดเครื่องได้ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดและบางคนอาจไม่เคยเจออาการแบบนี้เลยก็ได้ แต่ถ้ามีอาการดังกล่าวก็สามารถทำตามได้เลย