วิธีติดไฟดาวน์ไลท์ ห้องนอน

  โคมไฟดาวน์ไลท์ LED หลอดไฟทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะมีจุดเด่นอยู่ที่การให้ความสว่างในปริมาณมาก แต่กินไฟน้อย มีขนาดเล็ก สามารถใช้งานได้ยาวนาน ตั้งแต่ 20,000 ถึง 50,000 ชั่วโมง สามารถเปิด-ปิดได้บ่อยเท่าไรก็ ได้ตามที่ต้องการหมดปัญหาเรื่องหลอดขาดและความยุ่งยากในการเปลี่ยนหลอด

วิธีติดไฟดาวน์ไลท์ ห้องนอน

โดยทั่วไปแล้วโคมไฟดาวน์ไลท์ LED จะมีหลายขนาด หลายรูปทรง หลายกำลังวัตต์ ก็จะมีความแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อเราควรคำนึงถึงความเหมาะสม ซึ่งขนาดก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการเลือกใช้งานให้เหมาะกับห้อง โดยการเลือกโคมดาวน์ไลท์สำหรับห้องที่มีนาดพื้นที่กว้าง และมีเพดานสูง ควรเลือกใช้โคมไฟดาวน์ไลท์
LED ที่มีขนาดตั้งแต่ 6 นิ้วเป็นต้นไป เพราะความกว้างของห้องและความสูงของฝ้าจะมีผลต่อ ความเข้มของแสง และการกระจายของแสงไฟ เพราะฝ้าที่ไม่สูงจะทำให้แสงส่องตรงจุดและ สว่างเป็นมุมแคบ แต่ฝ้าสูง จะทำให้แสงสว่างส่องเป็นมุมกว้าง และความเข้มของแสงจะลดลง เพราะโคมโคมดาวน์ไลท์ขนาดใหญ่ จะมีวงของการกระจายแสงที่กว้างกว่า ดังนั้นหากเป็นห้องขนาดใหญ่และมีเพดานสูงจึงควรติดโคมดาวน์ไลท์ LED ที่มีขนาดมากกว่า 6 นิ้ว เพราะจะทำให้ไม่ต้องติดโคมดาวน์ไลท์ LED หลายดวง ช่วยลดพลังงาน ลดการเจาะฝ้า และ ประหยัดเวลาในการติดตั้ง 

วิธีติดไฟดาวน์ไลท์ ห้องนอน

credit : pic 

              เมื่อเราเลือกขนาดและรูปแบบที่เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือขั้นตอนของการติดตั้ง สำหรับการติดตั้งโคมดาวน์ไลท์ LED นั้น ควรเว้นระยะห่างในการติดตั้งโคมไฟดาวน์ไลท์ให้ถูกต้อง และถึงแม้ว่าห้องทุกห้องที่ต้องการจะติดโคมดาวน์ไลท์ LED จะมีขนาดของห้องและขนาดของโคมดาวน์ไลท์ที่เท่ากัน แต่ในแต่ละห้องก็ย่อมมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น โคมโคมดาวน์ไลท์ LED ขนาด 4 นิ้ว ในห้องที่มีความสูง 2.5 เมตร จะติดในห้องนอน ควรติดตั้งโคมโคมดาวน์ไลท์ โดยเว้นระยะห่างทุก 1.5 เมตร แต่หากจะติดโคมดาวน์ไลท์ LED ในห้องทำงาน ควรติดตั้งโคมโคมดาวน์ไลท์ โดยเว้นระยะห่างทุก 0.8 เมตร และหากจะติดตั้งโคมดาวน์ไลท์ LED ในห้องนั่งเล่น ควรติดตั้งโคมโคมดาวน์ไลท์ โดยเว้นระยะห่างทุก 1 เมตร เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของแต่ละห้องที่จะต้องใช้ไฟเยอะ หรือน้อยทั้งนี้ระหว่างการติดตั้งควรเว้นระยะห่างของโคมดาวน์ไลท์ LED จากพื้นใต้ฝ้าให้เหมาะสมโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 10 ถึง 15 เซนติเมตร แต่ในกรณีที่พื้นที่ติดตั้ง มีพื้นใต้ฝ้าน้อย ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 5 เซนติเมตร เพื่อช่วยในการระบายความร้อน และจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ของโคมโคมดาวน์ไลท์ LED Philips ให้นานขึ้น

ปกติแล้วการติดตั้งไฟในห้องนอนจะทำการติดตั้งบริเวณฝ้าเพดาน สำหรับบ้านที่สร้างในสมัยใหม่มักจะใช้โคมไฟดาวน์ไลท์คู่กับหลอดไฟ LED ซึ่งจะออกแบบให้ติดแบบกระจายทั่วห้อง เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ควรติดตั้งบริเวณข้างเตียงนอนเพื่อส่องเข้ามาด้านข้าง เพียงเท่านี้ไฟก็จะไม่แยงตาโดยตรง ช่วยรักษาสายตา และทำให้รู้สึกสบายตามากยิ่งขึ้นครับ

 

 

 

วิธีติดไฟดาวน์ไลท์ ห้องนอน

💡การติดตั้งไฟดาวน์ไลท์บริเวณหัวเตียง

สำหรับกรณีที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือบนเตียงนอน หรือทำงานบนเตียงนอน อาจจะปรึกษากับช่างหรือสถาปนิกในการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์แค่บริเวณหัวเตียงนอนเท่านั้น โดยไม่จำเป็นจะต้องติดตั้งไฟดาวน์ไลท์สำหรับบริเวณอื่นรอบๆเตียงก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณปลายเตียง เพราะว่าตำแหน่งของไฟจะส่องตาในขณะที่นอนพอดี แนะนำให้ทำการแยกสวิตช์ปิด-เปิดไฟ เพื่อกำหนดจุดปิด-เปิดได้อย่างอิสระตามการใช้งานในแต่ละช่วงขณะ

 

 

วิธีติดไฟดาวน์ไลท์ ห้องนอน

💡การติดตั้งไฟแบบซ่อนในฝ้า (Indirect Light)

ปกติแล้วโคมไฟแบบดาวน์ไลท์ที่นิยมใช้ในห้องในปัจจุบันนี้ เป็นการให้แสงสว่างโดยตรงทั่วห้องนอน สำหรับบางบ้านอาจจะใช้วิธีซ่อนบริเวณฝ้าหลุม หรือซ่อนบริเวณหลังผ้าม่าน ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้กลับหลอดไฟ LED ได้เช่นกัน ซึ่งข้อดีของหลอดไฟแอลอีดีนั้นก็มีอยู่มาก เช่นจะช่วยประหยัดค่าไฟ ติดตั้งได้ง่าย และยังมีหลายสีสันให้เลือก แต่สำหรับการพักผ่อนในห้องนอนนั้นแสงชนิด Warm Light จะสร้าเหมาะสมที่สุด เพื่องบรรยากาศที่ดูผ่อนคลาย ความรู้สึกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลีกเลี่ยงการเกิดแสงส่องแยงตาได้ 100% เลยล่ะครับ

 

 

วิธีติดไฟดาวน์ไลท์ ห้องนอน

💡การจัดไฟโดยใช้โคมไฟ

การจัดไฟโดยใช้โคมไฟ สามารถทำได้ในหลายห้องของบ้านตามจุดประสงค์ในการใช้งาน เช่นในห้องรับแขก หรือในห้องทำงานก็สามารถตั้งในจุดต่างๆ ที่ต้องการได้ สำหรับห้องนอนนั้นส่วนมากแล้วการจัดโคมไฟจะถูกจัดเอาไว้บริเวณหัวเตียง หรือข้างเตียง ซึ่งข้อดีของโคมไฟจะช่วยให้บรรยากาศที่สบายๆ น่าพักผ่อน ดูโรแมนติก และแสงไฟไม่สว่างจ้าแยงตาจนเกินไป การเลือกโคมไฟควรเลือกโคมไฟลักษณะคว่ำที่แสงส่องลงข้างล่าง หรือส่องข้างบนขึ้นบนฝ้า ไม่ควรเลือกโคมไฟที่มีแสงสว่างส่องออกทางด้านข้าง เพราะจะทำให้แสงไฟกระทบสายตาโดยตรง ยิ่งจะทำให้มีแสงจ้ามาก ลดความสบายในการพักผ่อนในห้องนอนไปครับ

 

และทั้งหมดนี้ คือรูปแบบของการจัดไฟในห้องนอน เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน และดูแลรักษาสายตาของผู้อยู่อาศัยซึ่งมีความต้องการแตกต่างกันออกไป ซึ่งสามารถเลือกนำไปปรับใช้กับความต้องการ และการใช้งานครับ