สามารถใช้รับประทานได้ วันละ 1-3 ครั้ง ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนหรือหลังอาหาร (เด็ก 1 ช้อนชา) มีกรดไขมันอิ่มตัวที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ รับประทานเป็นประจำทุกวันทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี สามารถใช้ผสมกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่รับประทานเพื่อเพิ่มคุณประโยชน์แก่ร่างกาย Show
หากต้องการขับของเสีย เพื่อดีท็อกซ์ หรือลดน้ำหนัก ควรทานก่อนอาหารเช้า 30 นาที หลังจากนั้นจะรู้สึกอยากถ่าย หากทานแล้วไม่รู้สึกระบายท้องให้เพิ่มปริมาณ แต่ไม่ควรเกิน ครั้งละ 3 ช้อนโต๊ะ ต่อครั้ง (แล้วแต่ธาตุหนักหรือเบาของร่างกายค่ะ) เทคนิคในการรับประทานที่ง่ายขึ้น คือ - ผสมลงไปในอาหารที่รับประทาน เช่น คลุกข้าวตอนหุงข้าว ใส่ในแกงจืด - ผสมลงในเครื่องดื่มอุ่น ๆ ชา กาแฟ โอวัลติน น้ำแข็งใส ขนมหวานต่าง ๆ - รับประทานเพียว ๆ แล้วตามด้วยน้ำผลไม้ นมเปรี้ยว เพื่อลดกลิ่นของมะพร้าว (สำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นของมะพร้าว) *น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Virgin Coconut Oil) จะแข็งตัวเมื่ออุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส และจะกลับสู่น้ำใส ๆ สภาพเดิมเมื่อตั้งอยู่ในอุณหภูมิปกติ (หากต้องการรับประทานสามารถทำให้ละลายโดยใช้ไดร์เป่าผม เป่ารอบขวด เท่าที่ต้องใช้เท่านั้นก็พอคะ) น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น หรือ น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Virgin Coconut Oil) นั้นจะมีขบวนการผลิตที่เรียกว่า Cold Process หรือ Cold Pressed เพราะไม่มีการใช้ความร้อนเลย ทําให้ได้น้ำมันที่มีคุณภาพพิเศษ มีกลิ่นหอม รสชาติดี อุดมไปด้วยวิตามิน E และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) และได้รับการกล่าวขวัญว่ามีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ในน้ำมันมะพร้าว ประกอบด้วยสารอะไรบ้าง?1. กรดไขมันอิ่มตัว (saturated fatty acid) ในน้ำมันมะพร้าว มีกรดไขมันที่อิ่มตัวกว่า 90 %
2. กรดไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated fatty acid) แต่มีเพียง 9 % 3. วิตามินอี (vitamin E) จากการศึกษาพบว่า ตัวไขมันที่อยู่ใน น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เป็นไขมันอิ่มตัวที่มีลักษณะโครงสร้าง ที่แตกต่างจากไขมันอิ่มตัวที่พบในไขมันจากสัตว์ หรือน้ำมันปาล์ม ไขมันของน้ำมันมะพร้าว จะมีลักษณะของกรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลปานกลาง (Medium chain fatty acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันดี กรดไขมันมะพร้าว ยังมีส่วนช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ระบบเผาผลาญไขมันในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น สามารถช่วยเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้แต่เดิม โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน รวมถึงโรคความดันโลหิตสูงตามมา โดยเจ้าไขมันตัวนี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเมื่อเรารับประทานกรดไขมันขนาดกลางนี้เข้าไป ร่างกายจะสามารถดูดซึมที่ลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง และส่งผ่านไปที่ตับเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานภายใน 1 ชั่วโมง จึงไม่ทำให้เกิดไขมันสะสมตามร่างกาย นอกจากผลของการช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมันแล้ว กรดไขมันในมันมะพร้าว ยังสามารถช่วยให้เรารู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การรับประทาน “น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น” เพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก จำเป็นที่จะต้องทำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารอย่างอื่น เพื่อควบคุมพลังงานที่ได้รับในแต่ละวันให้เหมาะสม มีการศึกษาหนึ่งที่ทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่า กรดไขมันอิ่มตัวที่มีสายขนาดกลาง ที่ดูดซึมได้เร็วและเชื่อว่าไม่สะสมเป็นเนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย ของน้ำมันมะพร้าวจะช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ โดยการทดลองอยู่ในประเทศบราซิล โดยให้ผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนลงพุง 40 คน อายุระหว่าง 20-40 ปี กลุ่มหนึ่งให้รับประทานน้ำมันถั่วเหลือง ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งรับประทานน้ำมันมะพร้าววันละ 30 มิลลิลิตร ร่วมกับรับประทานอาหารพลังงานต่ำ และออกกำลังกายโดยการเดิน 200 นาทีต่อสัปดาห์ในทั้ง 2 กลุ่ม เป็นเวลา 12 สัปดาห์ “พบว่าทั้งสองกลุ่มลดน้ำหนักและ BMI ลงได้ไม่ต่างกัน แต่กลุ่มที่รับประทานน้ำมันมะพร้าวมีเส้นรอบเอวลดลงมากกว่าเล็กน้อย” ซึ่งการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า น้ำมันมะพร้าวไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก เมื่อใช้ร่วมกับการลดน้ำหนักตามมาตรฐานคือการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่อย่างไรก็ตามการศึกษานี้เป็นการศึกษาในระยะสั้นและขนาดเล็กเท่านั้น ผลของ น้ำมันมะพร้าวสะกัดเย็น ต่อระดับไขมันในเลือดจากการศึกษาในประเทศบราซิลข้างต้น กลุ่มที่ทานน้ำมันมะพร้าว เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับคอเลสเตอรอลรวม, LDL-c และไตรกลีเซอไรด์ แต่มีระดับ HDL-c เพิ่มขึ้น 7.03% เมื่อเปรียบเทียบผลต่อสุขภาพระหว่างน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก และน้ำมันดอกคำฝอย พบว่า
จากข้อมูลดังกล่าว หากต้องการลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ น้ำมันมะพร้าวอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะว่าน้ำมันมะพร้าวเพิ่มไขมันดี (HDL-c) ได้ก็จริง แต่ไขมันเลว (LDL-c) ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ควรรับประทานตอนไหน ปริมาณเท่าไร?การรับประทาน น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ควรรับประทานในขณะที่ท้องว่าง เช่น ตอนเช้าหลังตื่นนอน โดยปริมาณที่แนะนำในการรับประทานคือ 2 ช้อนโต๊ะ/วัน (ให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี่) **แนะนำว่าปริมาณไขมันทั้งหมดต่อวันไม่เกินร้อยละ 30 ของแคลอรี่รวมตามที่สมาคมหัวใจของสหรัฐอเมริกาแนะนำ แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรรับประทานน้ำมันมะพร้าวเพื่อควบคุมน้ำหนัก หรือเพื่อลดไขมันในเลือด แต่ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกาย รวมถึงผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงก็ควรรับประทานยาลดไขมันในเลือดที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ ลดน้ำหนักด้วยวิธีทางกายแพทย์ มีอะไรบ้าง?คนที่มีปัญหาไขมันสะสม มีส่วนเกินตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ที่เกิจากการกินตามใจปาก กินอาหารประเภทแป้ง-น้ำตาล-ไขมัน มากเกินกว่าที่ร่างกายค้องการ และเมื่อกว่าจะรู้ตัวอีกทีน้ำหนักตัวพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วซะแล้ว เมื่อต้องหาวิธีลดน้ำหนัก ก็มักจะเริ่มจากการออกกำลังกายไปพร้อมกับการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร แต่ก็ต้องใช้เวลาตค่อนข้างนานกว่าจะลดน้ำหนักลงแต่ละขีด-แต่ละโล และบางครั้งผลลัพธ์ก็ไม่ได้แบบที่ตั้งใจไว้ หลายคนจึงหันมาหาตัวช่วยทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก ซึ่งมีความปลอดภัย เห็นผลชัดเจนและรวดเร็ว อย่างเช่น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นแบบเม็ดดียังไงคุณสมบัติ : น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิกชนิดแคปซูล เหมาะสำหรับบริโภคเป็นประจำ ผลิตจากมะพร้าวออร์แกนิกพันธุ์ดีในเขตภาคใต้ของประเทศไทย มีวิตามินE สารต้านอนุมูลอิสระ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนี้เหมาะสำหรับใช้ดูสุขภาพภายในด้วยการเร่งกระบวนการเผาผลาญและเสริมสร้างภูมิต้านทาน ให้กับร่างกาย
วิธีกินน้ำมัน มะพร้าว สกัด เย็น แบบแคปซูล ลด ความ อ้วน กินตอนไหนวิธีกินน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นลดน้ำหนัก ลดความอ้วน เห็นผลจริง. 1 กินครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ตามน้ำหนักตัว ก่อนทานอาหารหรือระหว่างมื้ออาหาร 3 มื้อ หรืออาจจะทานให้ไม่เกินวันละ 3 – 4 ช้อนโต๊ะ สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 70 กก. ... . 2 ผสมน้ำมันมะพร้าว ในนมร้อน โกโก้ร้อน หรือกาแฟร้อน แล้วแต่ความชอบ. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นสามารถทานได้ไหมไม่ต้องกลัวว่ากินก่อนนอนแล้วน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นจะตกข้างในร่างกายนะ เพราะน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเป็นกรดไขมันอิ่มตัวขนาดกลาง ร่างกายดูดซึมได้ง่าย และเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้เร็ว ทำให้เราตื่นมาจะไม่หิวเพราะร่างกายได้รับสารอาหารจากน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นในตอนกลางคืนแล้วนั่นเอง
น้ำมันมะพร้าวควรกินวันละเท่าไรน้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวถึง 90% ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ดีที่ควรรับประทานในปริมาณที่จำกัด โดยไม่ควรเกินร้อยละ 7 ของพลังงานรวมในแต่ละวัน
|