“เงินเดือน” คือ สิ่งที่ทุกคนรอคอยตอนสิ้นเดือน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอยในเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการแบ่งไป “ลงทุน” หรือเก็บเอาไว้เพื่อซื้อ “บ้าน” ซึ่งหลายคนตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าอยากจะมีบ้านเป็นของตนเองสักหลังก่อนเกษียณ แต่มีคำถามตามมาว่า “ถ้าเงินเดือนเท่านี้ ควรจะซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมและไม่เดือดร้อนต่อสถานะทางการเงินของตัวเอง” Show
หนทาง สร้างฝัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าการซื้อบ้านจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ การกู้เงินจึงเป็นทางออกหนึ่งที่ทำให้สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ทันที โดยที่ไม่ต้องซื้อด้วยเงินสดที่ต้องใช้เวลาเก็บสะสมหลายสิบปี โดยวงเงินกู้สินเชื่อบ้านสูงสุดอยู่ระหว่าง 80 - 100% ของราคาบ้าน ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม การกู้เงินจะมาพร้อมกับภาระผูกพันที่ผู้กู้ต้องผ่อนคืนธนาคารพาณิชย์ทุกเดือน จนกระทั่งครบกำหนดระยะเวลากู้ยืม ซึ่งยอดผ่อนชำระที่ต้องจ่ายคืนทุกเดือนนั้น ไม่ควรมากกว่า 50% ของรายได้ต่อเดือน กรณีผ่อนหนี้บ้านเพียงอย่างเดียว และไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน กรณีผ่อนหนี้สินหลายวงเงิน และเมื่อรวมกับยอดผ่อนหนี้สินทั้งหมดแล้ว ไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ต่อเดือน กรณีผ่อนบ้านอย่างเดียว
กรณีผ่อนหนี้สินหลายวงเงิน
ทำไมต้องสนใจยอดผ่อนต่อเดือน ก็เพราะยอดเงินผ่อนต่อเดือนจะส่งผลต่อวงเงินกู้ที่จะได้รับจากธนาคารพาณิชย์ หากเรามีความสามารถในการผ่อนต่อเดือนสูง วงเงินกู้ที่จะได้รับก็สูงตามไปด้วย ก่อนที่จะคำนวณต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นว่า การที่จะกู้ซื้อบ้านแต่ละครั้ง ทางธนาคารจะมีเกณฑ์การพิจารณาในการปล่อยสินเชื่อดังนี้
ที่สำคัญคือ ผู้กู้สามารถแบกรับภาระหนี้ได้ไม่เกิน 40% ของรายได้ จากนั้นก็นำมาคำนวณร่วมกับเงินเดือน จะได้ยอดที่ผ่อนชำระต่อเดือน ยกตัวอย่างเช่น ผู้กู้มีเงินเดือน 15,000 บาท เมื่อนำมาคำนวณกับก้อนหนี้ 40% คือ 15,000 x 40% = 6,000 บาทเท่ากับว่าผู้กู้มีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือน จะสามารถผ่อนบ้านได้เดือนละ 6,000 บาท แต่ถ้าหากมีหนี้สินอื่นๆ เช่น ผ่อนรถ หรือผ่อนหนี้บัตรเครดิตอยู่เดือนละ 5,000 บาท ก็ทำให้ผู้กู้เหลือความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนลดลง (6,000-5,000) เหลือเพียง 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น ส่วนวงเงินเฉลี่ยที่สามารถกู้ได้ เราสามารถคำนวณได้คร่าวๆ โดยใช้สูตรนี้ รายได้ของผู้กู้ x หนี้ 40% x 150 = วงเงินที่สามารถกู้ได้ผู้กู้มีรายได้ 15,000 บาท x หนี้ 40% x 150 = 900,000 บาทดังนั้นเมื่อนำฐานเงินเดือนมาคำนวณคร่าวๆ แล้วจะมีวงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้เป็นวงเงินเฉลี่ยที่นำมาใช้คำนวณคร่าวๆ เพื่อให้ผู้กู้นำไปใช้วางแผนทางการเงินก่อนกู้ซื้อบ้านเท่านั้น เพราะการกู้ซื้อบ้านจากธนาคารจะมีการนำปัจจัยอื่นๆ มาใช้ในการคำนวณร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร ณ เวลานั้น ระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้ หรือนโยบายการปล่อยสินเชื่อของแต่ละธนาคารที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ ควรเคลียร์หนี้สินเดิมที่มีไม่ว่าจะเป็น หนี้บัตรเครดิต ผ่อนรถ หรือสินเชื่อต่างๆ ให้มากที่สุดก่อนทำการกู้ซื้อบ้าน เพื่อมีความสามารถในการผ่อนบ้านได้สบายตัวขึ้น และไม่ทำให้ชีวิตลำบากจนเกินไปนั่นเอง ยิ่งถ้าเราผ่อนมากเท่าไร ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลง และหนี้ก็หมดเร็วขึ้นเท่านั้น เทคนิคกู้ซื้อบ้านให้ผ่านฉลุยเมื่อเรารู้วงเงินคร่าวๆ ที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้แล้ว สิ่งที่ผู้กู้ควรเตรียมตัวก่อนยื่นเรื่องกู้ซื้อบ้านกับธนาคาร คือ 1. ออมเงินให้พร้อมเพื่อเตรียมกู้ซื้อบ้านก่อนทำการกู้ซื้อบ้าน ผู้กู้ควรออมเงินเพื่อเตรียมพร้อม อย่างน้อยควรออมเงินให้ได้ 20% ของราคาบ้าน หรือคอนโดฯ ที่จะซื้อ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจอง ทำสัญญา และเงินดาวน์ 2. เคลียร์หนี้ เช็กประวัติเครดิตบูโรรักษาประวัติเครดิตให้ดี เพิ่มอัตรากู้ผ่าน หากว่าเรามีประวัติเครดิตบูโรไม่ค่อยดี เช่น ชำระหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด การผ่อนชำระต่างๆ ไม่ตรงเวลา ก็จะติด Blacklist หรือเป็นหนี้บัตรเครดิตเยอะเกินไป เมื่อธนาคารประเมินความสามารถในการผ่อนชำระก็ไม่พอที่จะส่งค่างวด เป็นผลให้ไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อกู้ซื้อบ้านไปด้วย ธนาคารจำเป็นต้องใช้เอกสารต่างๆ เพื่อนำไปใช้พิจารณาในการกู้ซื้อบ้านทุกครั้ง ได้แก่
หากไม่แน่ใจว่ารายได้ของตนเองคนเดียวจะเพียงพอต่อการขออนุมัติวงเงินกู้ซื้อบ้านในฝัน การหาผู้กู้ร่วมจะช่วยเพิ่มวงเงินในการกู้ซื้อบ้านได้สูงขึ้น โดยผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้ในฐานะที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันหรือบิดามารดากู้ร่วมกับลูก หรือสามีภรรยา ในกรณีที่แต่งงานกันแล้ว แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน ผู้กู้ร่วมก็ต้องแสดงหลักฐานอื่นๆ ประกอบ เช่น ทะเบียนบ้านที่แสดงว่าปัจจุบันอยู่ด้วยกัน หรือถ้ามีลูกก็ต้องแสดงใบเกิดที่ระบุชื่อพ่อแม่ ถ้าหากมั่นใจแล้วว่าสามารถบริหารจัดการหนี้สินได้ไม่ลำบาก มีเงินออมพร้อมกู้ซื้อบ้าน และเตรียมตัวด้านอื่นๆ ไว้พร้อมแล้ว ก็เดินหน้าขอกู้ซื้อบ้านกับธนาคารได้เลย เงินเดือนเท่าไรผ่อนบ้านซึ่งยอดผ่อนชำระที่ต้องจ่ายคืนทุกเดือนนั้น ไม่ควรมากกว่า 50% ของรายได้ต่อเดือน กรณีผ่อนหนี้บ้านเพียงอย่างเดียว และไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน กรณีผ่อนหนี้สินหลายวงเงิน และเมื่อรวมกับยอดผ่อนหนี้สินทั้งหมดแล้ว ไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ต่อเดือน กรณีผ่อนบ้านอย่างเดียว
เงินเดือนเท่าไรถึงผ่อนคอนโดได้วิธีคำนวณเบื้องต้นว่าจากเงินเดือนและภาระหนี้สินที่มี จะสามารถผ่อนคอนโดได้เดือนละเท่าไร ใช้สูตรดังนี้ เงินเดือน x 40% – หนี้สินที่มีอยู่ = ความสามารถผ่อนชำระ ตัวอย่าง : เงินเดือน 20,000 บาท มีภาระผ่อนรถยนต์เดือนละ 5,000 บาท จะคำนวณได้เป็น 20,000 x 40% – 5,000.
|