รังสีอัลตราไวโอเลตแบ่งเป็นกี่ชนิด

UVA และ UVB คืออะไร

พลังงานที่ปล่อยมาจากดวงอาทิตย์จะอยู่ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึงเรียกว่า
รังสีดวงอาทิตย์ หรือ รังสีแสงอาทิตย์ (Solar Radiation) การกระจายรังสีดวงอาทิตย์ทีตกกระทบเหนือ บรรยากาศของโลก (Extraterrestrial Radiation) เรียกว่า รังสีทีนอกโลก ซึงประกอบด้วย ช่วง คลื่นสั้น ตั งแต่ 290-300 นาโนเมตร ถึง 97 เปอร์เซ็นต์ส่วนของรังสีนอกโลกทีผ่านชั นบรรยากาศ มาถึงผิวโลก

จะถูกกระจายและดูดกลืนโดยโมเลกุลของก๊าซต่างๆ อนุภาคฝุ่น และเมฆที่อยู่ในชั้น บรรยากาศ การแบ่งรังสีดวงอาทิตย์ตามช่วงคลื่น

รังสีอัลตราไวโอเลตแบ่งเป็นกี่ชนิด

 ในแสงอาทิตย์ ประกอบด้วย รังสี ultraviolet 3 ชนิด คือ

 1. Ultraviolet A เรียกสั้นๆว่า UVA เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่น 320 to 400 nm ในแสงแดดจะมี UVA มากถึง 95% รังสีชนิดนี้ สามารถผ่านทะลุกระจกได้ แม้เราอยู่ในอาคาร และเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึกคือ dermisของเรา สามารถไปกดภูมิต้านทานของผิวหนัง อันส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถปกป้องผิวจากการเกิดและแพร่กระจายของมะเร็งผิวหนังได้
นอกจากนี้ UVA ยังส่งผลร้ายต่อผิว ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย เหี่ยวย่น เกิดจุดด่างดำ จำง่ายๆว่า UVA เกี่ยวกับ Aging

2. Ultraviolet B เรียกสั้นๆว่า UVB เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่น 290 to 320 nm มีประมาณ 5% ในแสงอาทิตย์ รังสีนี้ไม่สามารถทะลุกระจกเข้ามาได้
UVB เป็นสาเหตุให้เกิดผิวไหม้แดด เกรียมแดด เมื่อเราออกไปอยู่กลางแจ้งจำง่ายๆว่า UVB เกี่ยวกับ Burning

3. Ultraviolet C เรียกสั้นๆว่า UVC เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่น 100 to 290 nm
รังสีชนิดนี้ ไม่ลงมายังผิวโลกค่ะ เพราะถูกดูดซึมไปในชั้นโอโซนของบรรยากาศ UVC นั้นถูก ozone กรองไว้ จึงไม่สามารถผ่านมายังพื้นผิวโลกได้ แต่ปัจจุบันบางพื้นที่มี ozone ลดลง ทำให้แสง UV อาจผ่านลงมาสู่พี้นผิวโลกได้มากขึ้น

รังสีอัลตราไวโอเลตทั้งสามชนิดคือ UVA, UVB และ UVC สามารถทำให้คอลลาเจนในผิวหนังเสื่อมสภาพได้ ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย แต่ UVA มีความรุนแรงน้อยที่สุด เพราะไม่สามารถก่อให้เกิดอาการแดดเผา (sunburn) ทว่ายังน่ากลัวอยู่ที่สามารถแปลงสภาพ DNA ได้ จนอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง แต่ร่างกายก็สามารถป้องกันได้ โดยการสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมา เพื่อป้องกันการทะลวงของยูวี จึงทำให้ผิวคล้ำดำมากขึ้น
นอกจากผิวหนังแล้ว ยูวียังเป็นอันตรายต่อดวงตา โดยเฉพาะ
UVB ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า arc eye คือรู้สึกเหมือนมีทรายเข้าตา หรือถ้ารุนแรงกว่านั้นอาจทำให้เป็นโรคต้อกระจก (cataract) ได้ โดยเฉพาะในหมู่ช่างเชื่อมโลหะ การป้องกันก็คือ สวมใส่แว่นป้องกัน หรือทาโลชั่นที่มีค่า SPF สูงๆ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:

● เลือกซื้อเครื่องวัดแสง คลิ๊ก

● สามารถเยี่ยมชม บทความจาก LEGA CORPARATION ได้ที่นี้

● โทร. 02-746-9933

● LINE: @lega

     รังสียูวี (UV) หรือ รังสีอัลตราไวโอเลต (UltraViolet) ชื่อภาษาไทยเรียกว่า รังสีเหนือม่วง คือ ความยาวคลื่นของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 100  ถึง 400 นาโนเมตร มีพลังงานในช่วง 3-124 eV” สเปกตรัมของรังสียูวี (UV) ประกอบด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงกว่าคลื่นที่มนุษย์มองเห็นด้วยตาเปล่าเป็นสีม่วงนั้นเอง

รังสีอัลตราไวโอเลตแบ่งเป็นกี่ชนิด

รังสียูวี (UV) มีกี่ประเภท

     รังสียูวี (UV) หรือ รังสีอัลตราไวโอเลต (UltraViolet) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ UV-A, UV-B และ UV-C
1.UV-A ความยาวคลื่น 315 - 400 นาโนเมตร มีความโปร่งใส ซึ่งสามารถทะลุเข้าไปทำร้ายได้ลึกถึงชั้นผิวที่มีคอลลาเจน และอีลาสตินอยู่ ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย ผิวแก่ก่อนวัย เหี่ยวย่น เกิดจุดด่างดำสามารถทำให้ผิวเป็นสีแทนได้

รังสีอัลตราไวโอเลตแบ่งเป็นกี่ชนิด

                  สินค้ารุ่น TM-208                                                                     สินค้ารุ่น TM-213 

2.UV-B ความยาวคลื่น 280 - 315 นาโนเมตร ในแสงแดดจะมี UVB มีประมาณ 5% ถึงแม้จะทำร้ายผิวได้ไม่ลึกเท่า UVA แต่ UVB จะเป็นตัวการทำให้ผิวของเราไหม้แดด แสบแดง เป็นฝ้า เป็นกระ ทำให้ผิวแห้งกร้าน

รังสีอัลตราไวโอเลตแบ่งเป็นกี่ชนิด

                    สินค้ารุ่น ST-510                                                                     สินค้ารุ่น SDL470

3.UV-C คือ รังสียูวีซี UVC ที่มีความสามารถในการทำลายเชื้อโรคไม่ว่าจะเป็น แบคทีเรีย ไวรัส ราเส้นใย ยีสต์ เป็นต้น รังสียูวีซีนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์มาก การสัมผัสในระยะสั้นอาจทำให้ผิวหนังไหม้ได้ หากสัมผัสเป็นเวลานานอาจจะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ มีความยาวคลื่น 100-280 นาโนเมตร

รังสีอัลตราไวโอเลตแบ่งเป็นกี่ชนิด
 

                   สินค้ารุ่น ST-512                                                              สินค้ารุ่น 850010 

ประโยชน์ของ รังสียูวี (UV)

รังสียูวี (UV) หรือ รังสีอัลตราไวโอเลต (UltraViolet) มีประโยชน์ที่หลากหลายทั้ง วิตามินจากธรรมชาติ ช่วยกำจัดเชื้อโรค บรรเทาอาการโรคผิวหนังบางชนิด ช่วยให้อารมณ์ดี และยังใช้ในการถนอมอาหารได้อีกด้วย รังสียูวี (UV) สามารถใช้ในงานด้านต่างๆได้อีกมากมาย  เช่น UV-A มักใช้ในงาน Curing lamps ในอุตสาหกรรม, UV-B ใช้ในการกายภาพบำบัดเพื่อการดูแลสุขภาพ และ UV-C ใช้ในหลอดฆ่าเชื้อโรคภายในโรงพยาบาล โดยทั่วไปจะตรวจจับความเข้มและพลังงานของแสงอัลตราไวโอเลต แต่โทษของ รังสียูวี (UV) หรือ รังสีอัลตราไวโอเลต (UltraViolet) ก็มีเหมือนกัน เช่น ตากแดดนานอาจเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง ผิวไหม้แสบแดง ระบบภูมิคุ้มกันเสียหาย อาจดูแก่ก่อนวัย

จะเห็นได้ว่าแสงแดดหากเราได้รับมากเกินไปก็อาจเกิดโทษกับเราได้ และหากได้รับแสงแดดน้อยเกินไปก็อาจไม่เพียงพอ ดังนั้นในเมื่อเราหลีกเลี่ยงไม่พ้น ก็ต้องรู้จักวิธีป้องกันอันตรายจากรังสียูวี (UV) หรือ รังสีอัลตราไวโอเลต (UltraViolet) 

ขอแนะนำ เครื่องวัดแสงยูวี (UV Meter) 


                                           สินค้ารุ่น ST-513                                                                                                สินค้ารุ่น UV340B