เมมโมรี่การ์ดกล้องวงจรปิดบันทึกได้กี่วัน

อัดวีดีโอได้แค่ 40-50 วินาที แล้วหยุด หลังจากนั้นกล้องก็ดับ?

ฟอร์แมตเมมในกล้องแล้ว ทำไมยังใช้งานไม่ได้?

อัดวีดีโอได้แป๊ปเดียว กล้องค้าง?

ทำไมวีดีโอที่ถ่ายมาได้ ภาพกระตุกทั้งๆที่ปิดเมนู Time-lapse ตามที่แนะนำแล้ว?

ทำไมบางช่วงเวลาไม่มีภาพ ทั้งๆที่ปิดเมนู Motion detection แล้ว?

กล้องติดรถยนต์ ในปัจจุบัน คุณว่าจำเป็นมั้ย?

ถ้ากล้องติดรถ จำเป็นต้องมี แล้ว...

เมมโมรี ซึ่งเป็นตัวเก็บคลิปวีดีโอทั้งหมดของกล้องติดรถ คุณว่าจำเป็นไหม?

ถ้าจำเป็น ทำไมวันนี้ เรายังคงมองหาแต่สินค้า ราคาถูก ด้อยคุณภาพ (โดยที่เราไม่รู้ว่าเป็นของปลอม)

หากวันหนึ่งมีรถมอเตอร์ไซต์ขับตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด อยู่ดีๆเราก็ได้ข้อหาประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ถ้ากล้องไม่ได้บันทึกวีดีโอช่วงนั้นไว้ โทษหนักจะเปลี่ยนเป็นเบาได้ไหม?

หากวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นจริง เราไม่สามารถย้อนเวลากลับมาเพิ่มเงิน หลักร้อยหรือหลักสิบ เพื่อเปลี่ยนไปซื้อเมมที่มีคุณภาพมาใช้แทนในช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วได้

ดังนั้น ถ้าวันนี้คุณมองเห็นความสำคัญ ของกล้องติดรถ ก็ควรให้ความสำคัญกับเมมด้วยเช่นกัน

วันนี้ Rizerclub ขอนำเอา "หลักการเลือกซื้อเมมโมรีสำหรับใช้ในกล้องติดรถ" มาฝากไว้ให้เพื่อนๆพิจารณากันเบื้องต้น ก่อนตัดสินใจครับ

1. ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นของกล้องติดรถยนต์ 
รองรับเมมความจุมากสุดกี่ GB ?
ใช้เมม ประเภท Micro SD หรือ SD (ส่วนมากใช้ Micro SD) ?
ไม่รองรับเมมยี่ห้อไหน ? (ที่พบบ่อยคือไม่รองรับ SANDISK) - อ่านที่ข้อมูลสินค้าหรือสอบถามจากผู้ขาย

2. เลือกความจุที่คุณต้องการ

ความจุมาก เก็บข้อมูลได้มาก แต่ราคาก็แพงกว่าด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่า คุณขับรถวันละกี่ชั่วโมง และต้องการเก็บข้อมูลเพื่อดูย้อนหลังนานแค่ไหน โดยทั่วไป Micro SD ที่นิยมใช้กับกล้องติดรถยนต์ที่ลูกค้าเลือกซื้อคือ ความจุ 32GB(อัดวีดีโอ Full HD ได้ประมาณ 4-5 ชม. ขึ้นอยู่กับขนาดไฟล์ของกล้องแต่ละรุ่น) รองมา คือ 16GB และ 64GB ตามลำดับ

3. เลือก Class ให้เหมาะกับการใช้งาน

ความเร็วในการเขียนและการอ่านข้อมูลของเมมแต่ละตัวแตกต่างกัน ซึ่งดูได้จากตัวเลข class ที่ระบุบนแพคเกจหรือบนเมม ซึ่งในตลาดจะมี Class 2, 4, 6, 10 โดยการใช้งานจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นๆ ยิ่งเร็วยิ่งดี และยิ่งเร็วก็ยิ่งแพง!

หากเอาไว้สำหรับบันทึกรูป,เพลง หรือ data ทั่วๆไป ใช้ Class 4-6 ก็เพียงพอ

แต่...ถ้าใช้บันทึกวีดีโอตั้งแต่ FULL HD ขึ้นไป แนะนำใช้ class 10 เท่านั้น เพราะ ถ้าการ์ดความเร็วต่ำไปกล้องจะประมวลผลแล้วเขียนลงการ์ดไม่ทัน ทำให้วีดีโอจะหยุดไปเองเพื่อให้กล้องเคลียร์บัฟเฟอร์ก่อน หรือบางครั้งใช้งานได้แต่วีดีโอไม่สมบูรณ์ ทำให้ฟล์ที่ได้มาคุณภาพไม่ดี หรือวีดีโออาจจะกระตุก

4. ดูความน่าเชื่อถือของร้านที่จำหน่าย

“หลีกเลี่ยงการใช้เมมปลอม” เนื่องจากการผลิตในคุณภาพต่ำ, ลดระดับหน่วยความจำลง หรือความเร็วในการรับ – ส่ง ข้อมูลทำได้ช้า นอกจากจะใช้งานได้ไม่ดีแล้ว บางทีอาจจะทำความเสียหายให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกของเราได้อีกด้วย

สิ่งสำคัญ ไม่ใช่ เพราะเราอยากใช้เมมปลอม แต่... เพราะเราไม่รู้ว่า อันไหนแท้ อันไหนปลอม ซึ่งสินค้าเลียนแบบหรือของปลอมก็พยายามปรับปรุงหน้าตาภายนอกให้เหมือนของแท้อยู่ตลอดเวลา การสังเกตุจากภายนอกที่เคยใช้ได้ผลในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต ก็อาจจะใช้ไม่ได้ในปัจจุบัน

เมื่อดูที่สินค้าไม่ได้ แนะนำดูที่ร้านที่จำหน่าย ควรเป็นร้านที่น่าเชื่อถือ หรือมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง

5. มีประกันหลังการขาย

สินค้าต้องมีประกัน ซึ่งในปัจจุบัน สำหรับเมมทุกยี่ห้อ ผู้ขายมักให้ระยะเวลาประกันแบบ Lifetime หรือตลอดอายุการใช้งาน

6. เปรียบเทียบราคากับร้านที่น่าเชื่อถือ

ต้นทุนสินค้าและราคาจำหน่าย เมมแท้ ของแต่ละบริษัท อาจแตกต่างกัน เพราะขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่าง แต่คงไม่แตกต่างกันมากแบบฟ้ากับเหว ตัวอย่างเช่นภาพแคปเจอร์ด้านล่างบทความนี้ครับ

ที่สำคัญควรมีการตรวจสอบการอัดวีดีโอของกล้องติดรถอยู่เสมอ และไม่แนะนำให้นำเมมเก่ามากๆมาใช้งานกับกล้องติดรถ เพราะเราก็อาจจะเจอเหตุการณ์ เมมเสีย ไม่บันทึกวีดีโอ หรือมีปัญหาอื่นๆ เข้ามาได้เช่นกัน เพราะความสามารถในการเขียนข้อมูลของเมมจะเขียนได้เพียง 5,000 – 10,000 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นถ้าเมมถูกใช้งานมามากแล้ว ก็อาจไม่สามารถเซฟข้อมูลได้อีก

>> สั่งซื้อ Micro SD ของแท้ ประกัน Life time <<

ตัวอย่าง อาการผิดปกติ เมื่อใช้ เมมปลอมกับกล้องติดรถยนต์

ภาพขยาย ข้อมูลการสั่งซื้อ Micro SD 128GB จากเวบไซต์ ที่ ลูกค้าสั่งซื้อ

แอดมิน จึงลองหาข้อมูลร้านที่จำหน่าย ใน LAZADA และพบว่า มีผู้สั่งซื้อ สินค้ารายการนี้ เป็นจำนวนมาก และมีรีวิวแจ้งว่า เป็นเมมปลอมมากเช่นกัน

>>> ร้านที่จำหน่ายเมมปลอมใน LAZADA  ตามที่ลูกค้าแจ้ง  <<<