ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานเท่าใด

ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานเท่าใด

นั่งทำงานหน้าคอมให้ถูก หลังดี ไม่มีปวด

            ทุกวันนี้สิ่งที่เราต้องเผชิญอยู่เสมอ คือ การนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะทำงาน เล่นเกมส์ เล่นเฟสบุค หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลให้เรามีปัญหาเรื่องกระดูกสันหลังทั้งนั้น เพราะต้องก้มศีรษะลงขณะใช้งานใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ ทั้งยังต้องยกแขนไปมา  แถมยังทำให้ต้องใช้กล้ามเนื้อคอมากเกินไป เกิดอาการเกร็ง หรือตึงกล้ามเนื้อ เมื่อนั่งทำงานไปนานๆ มักปวดคอ ศีรษะ หรือคอตึง คอเกร็ง ทั้งยังทำให้เสียบุคลิกอีกด้วย ...แล้วแบบนี้เราจะมีวิธีรับมืออย่างไร ไปหาคำตอบกันเลยดีกว่า

วิธีปฏิบัติแก้อาการปวดหลัง

1. การเลือกขนาดของโต๊ะ เก้าอี้ให้เหมาะสมพอดีกับสรีระ

2. ไม่ควรใช้เก้าอี้สปริงที่เอนได้ เพราะไม่มีการรองรับหลังเท่าที่ควร ควรเลือกเก้าอี้ที่เอนได้และมีความสูงของเก้าอี้และโต๊ะได้ระดับ

3. นั่งในท่าที่เหมาะสมและมีหมอนรองหลัง ไม่ควรนั่งขัดสมาธิเวลาใช้คอมนานๆ เพราะจะทำให้เมื่อยมากกว่าเดิม 2 เท่า เนื่องจากเมื่อยจากท่านั่งขัดสมาธิอยู่แล้ว ควรนั่งบนเก้าอี้ปกติ เพื่อใช้คอมพิวเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะในตำแหน่งมาตรฐาน ควรหาหมอนขนาดกำลังพอเหมาะมารองพนักพิงหลัง เพื่อรองรับกระดูกสันหลัง ชะลออาการเมื่อยได้ หากต้องทำงานหรือต้องนั่งหน้าคอมเวลานาน ควรเลือกเก้าอี้ที่ช่วยให้นั่งสบายเวลาทำงานโดยเฉพาะ

4. คอมพิวเตอร์ที่ใช้ต้องปรับให้จออยู่ในระดับสายตา คือกึ่งกลางของจออยู่ระดับสายตา ให้อยู่ห่างระดับสายตาประมาณ 2.5 ฟุต กำลังพอเหมาะ และอยู่ในระดับสายตา พอดีกับระดับเก้าอี้ที่นั่ง นอกจากนี้การใช้จอแบบ LED ที่แพร่หลายในปัจจุบัน เพื่อลดการสะท้อนของเงาและช่วยถนอมสายตาอีกด้วย

5. แป้นคีย์บอร์ด ควรอยู่ในระดับข้อศอก ข้อมือ จะได้ไม่ต้องยกแขนขึ้นมาพิมพ์ ตั้งจอ ปรับจอให้อยู่ในระดับสายตา ไม่ไกล ไม่ใกล้จนเกินไป 

6. ใช้เมาส์ ควรเป็นแทรกกิ้งบอล หรือไร้สาย ที่นำมาใกล้ตัวได้ ใช้ถนัดไม่ต้องยื่นแขน

ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานเท่าใด

7. ควรนั่งเก้าอี้ให้เต็มก้น

8. ลุกขึ้น เปลี่ยนอริยาบถ เราไม่ควรนั่งท่าเดิมๆเป็นเวลานานติดต่อกัน ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ หาของกิน เข้าห้องน้ำ หรือออกไปยืดเส้นยืดสายบ้างข้างนอกบ้างก็ได้ ทุกๆ 30-45 นาที ออกไปข้างนอกตัวอาคารได้เลยยิ่งดี เพื่อที่จะให้สายตาได้เจอกับแสงในระดับที่ต่างกันบ้าง หรือไม่ก็ลุกขึ้นทำท่ายืดกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ คอ แขน หลัง และ ขา ยืดค้างไว้ข้างละประมาณ 10 วินาที

9. กระพริบตา มองออกไปในระยะไกล  การกระพริบตาถี่ๆ จะช่วยให้น้ำมาหล่อเลี้ยงดวงตามากขึ้น หรือหลับตาเอนหลังสักพัก เพื่อให้ดวงตาได้พักผ่อน เหมือนนอนหลับ หรือจะมองออกไปในระยะไกลสุดสายตา ไม่ต้องจ้องหรือโฟกัสจุดไหน เพราะตาจะได้ไม่เกร็ง เป็นการผ่อนคลายสายตาได้ดีมากวิธีหนึ่ง นอกจากนี้การดื่มน้ำเป็นระยะๆและ นำฝ่ามืออุ่นๆมาประคบดวงตา ยังช่วยผ่อนคลายอาการเมื่อยของดวงตาได้ 

10. ควรบริหารร่างกายอยู่สม่ำเสมอ ท่าง่ายๆ นอกจากเดินไปมาคือการบีบคอ ยืดกล้ามเนื้อคอ เอียงไปซ้ายและขวา ก้มหน้าเงยหน้า โดยแต่ละท่าค้างไว้ 10 วินาที ต่อมาเป็นการยืดกล้ามเนื้อหลังโดยการก้มตัว หน้าอกประชิดหัวเข่า การยืดและคลายกล้ามเนื้อควรทำช้าๆ และค้างไว้ 10 วินาทีเช่นกัน เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นยืดตัว ถ้าก้มแรงๆ หรือกระแทกแรงๆ จะทำกล้ามเนื้อฉีกขาดหรือบาดเจ็บได้


            แม้ว่าวิธีที่กล่าวมาทั้งหมด จะไม่ได้ช่วยป้องกัน 100% ดังนั้น แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยลดอาการปวดลงได้  ดังนั้นแล้วกันไว้ดีกว่าแก้ทีหลังนะคะ อะไรที่เราพอทำได้ ก็ไม่ควรละเลย

ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานเท่าใด
ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานเท่าใด
ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานเท่าใด
10 วิธีถนอมสายตา หน้าจอคอมพิวเตอร์

         1. ควรเลือกจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำเพื่อถนอมสายตา วิธีทดสอบง่ายๆ ทำได้โดยลองปิดสวิตช์จอภาพ แล้วเอามือหรือแขนไปจ่อไว้ใกล้ๆ จอภาพให้มากที่สุด จอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำจะแทบไม่รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตตามขนที่ผิว คือไม่รู้สึกขนลุก     


          2. ปรับแสงและความคมชัดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา รวมทั้งความสว่างภายในที่ทำงาน ลดแสงสะท้อนรบกวน เช่น ปิดไฟดวงที่สะท้อนจ้าลงบนจอคอมพิวเตอร์ หากทำงานกับคอมพิวเตอร์ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้าและจอภาพมีความสว่างมาก ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อดวงตาได้ง่ายและรวดเร็ว จะรู้สึกว่ามีอาการปวดร้าวดวงตาเร็วและแสบตาอย่างรุนแรง      


          3. ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาประมาณ 18-24 นิ้ว หรือประมาณช่วงแขนเอื้อม และปรับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา หากระยะห่างระหว่างตากับจอภาพไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้ง่าย      


          4. ใช้แผ่นกรองรังสีติดไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แม้ว่าจะช่วยลดการกระจายรังสีจากจอคอมพิวเตอร์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วแต่คุณภาพของสินค้า แต่อย่างน้อยๆ ก็ช่วยลดแสงจ้าจากจอคอมพิวเตอร์ลงได้      


          5. ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการสะท้อนแสงมากขึ้น


          6. หยุดพักหรือเปลี่ยนตารางเวลาการทำงานใหม่ จะช่วยให้สายตาคลายความเมื่อยล้าจากการจ้องเพ่งคอมพิวเตอร์ได้ จงหยุดพักสายตาครั้งละ 15 นาทีทุกๆ 2 ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็แนะนำว่าควรจะหยุดพักบ่อยๆ โดยแต่ละครั้งใช้เวลาเพียงเล็กน้อย เช่น พักสายตาทุก 30 นาที โดยหลับตาหรือมองไปไกลๆ สัก 5-10 นาที แล้วจึงเริ่มทำงานต่อไป ก็จะช่วยถนอมสายตาได้      


          7. อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ วางไว้บนเปลือกตา และหลับตาสัก 2-3 นาที หรือจะให้ดีกว่านั้นก็คือ ปิดไฟ นอนพักสักครู่ (ถ้าไม่มีปัญหากับหัวหน้างาน)      


          8. ผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ อาจจะเกิดอาการตาแห้งเพราะขาดน้ำหล่อเลี้ยง เพราะห้องที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ก็มักจะมีเครื่องปรับอากาศอยู่ด้วย เมื่อบวกกับความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ จะทำให้อากาศแห้ง การหยอดน้ำตาเทียมจะช่วยได้      


          9. ควรกะพริบตาให้บ่อยครั้งกว่าปกติ เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ ภายใน 10 วินาที ลองพยายามกะพริบตาสัก 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้มาก      

เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ ภายใน 10 วินาที ลองพยายามกะพริบตาสัก 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้มาก      

          10. ตรวจสุขภาพตาบ่อยๆ ผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ และมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรตรวจเช็กสุขภาพตาบ้าง