บทบาทและความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ วิโรจน์ ชัยมูลและสุพรรษา ยวงทอง(2552, หน้า 223-226) ได้กล่าวว่า การประยุกต์ใช้งาน เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทและความสำคัญต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมากในหลายด้าน ดังต่อไปนี้ 1 ด้านเศรษฐกิจ ในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานการเงิน การธนาคาร มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนการดำเนินงานหลักของธุรกิจให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ แช่น การฝากถอนเพื่อทำ รายการด้านการเงินของธนาคาร มีระบบการทำรายการที่เชื่อมโยงถึงกันระหว่าง สาขาย่อยของแต่ละธนาคาร มีการนำเอาตู้เอทีเอ็ม (ATM : Automatic Teller Machine) ติดตั้งเพื่อ ให้บริการลูกค้าของธนาคารตามแหล่งชุมชนต่างๆ มากมาย รวมถึงการขยายสาขาการรับฝากถอน เงินไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย ก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากยิ่งขึ้น ในวงการ ตลาดหลักทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน มีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยวิเคราะห์และแนะนาการ ลงทุน การตรวจสอบข้อมูลกับตลาดหลักทรัพย์ทั่วได้แบบ real time รวมถึงการส่งคา สั่งซื้อขาย หลักทรัพย์สำหรับนักลงทุนที่สะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น ภาพที่ 1.13 บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศทางด้านเศรษฐกิจ ที่มา : (เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านเศรษฐกิจ. http://peane2.pea.co.th. 2557) 3.2 ด้านสังคม เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยพัฒนาสังคมให้เกิดการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ และทำให้คนใน สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเข่น โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตาม พระราชดาริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีการเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ให้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเท่าเทียมกัน มีการมอบเครื่อง คอมพิวเตอร์ให้แก่โรงเรียนชนบท คนป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล ผู้ต้องขัง รวมถึงการนำเอา เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยเหลือคนตาบอดเพื่อให้สามารถอ่านหนังสือได้ เช่น หนังสือเสียง ระบบ DAISY (Digital Accessible Information System) ที่มีการบันทึกข้อมูลของหนังสือเป็นระบบ เสียงในแบบดิจิตอล ช่วยให้คนตาบอดสามารถค้นหาข้อมูลในหนังสือได้อย่างรวดเร็ว และละเอียด สามารถก้าวกระโดดไปยังส่วนต่างๆ ของหนังสือได้ เช่น ตอน บท ย่อหน้า ประโยคหรือคำ ซึ่งจะ เห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่วนช่วยลดช่องว่างระหว่างกลุ่มคนในสังคมได้เป็นอย่างดี ภาพที่ 1.14 บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศทางด้านสังคม ที่มา : (เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านสังคม. www.oknation.net. 2557) 3.3 ด้านการศึกษา ในยุคก่อนหน้าที่จะมีเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาเรื่องสถานที่ในการเรียนการสอนอาจมี อุปสรรคบ้างสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาเรียนหรือศึกษายังสถาบันที่เปิดสอนจริงๆ ได้ โดยเฉพาะนักเรียนในท้องถิ่นทุรกันดาร และอาจเกิดปัญหาความเหลื่อมล้า ทางด้านการศึกษาตามมา แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้าช่วยลดปัญหานี้บ้างแล้ว แม้จะยังไม่แพร่หลายมากนักก็ตาม เช่น การถ่ายทอดสัญญาณรายการสอนผ่านเครือข่ายดาวเทียมสาหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดารของ กรมการศึกษานอกโรงเรียน การให้บริการการเรียนการสอนทางไกลผ่านระบบโทรทัศน์และ วิทยุกระจายเสียงของมหาวิทยาลัยสุโยทัยธรรมาธิราช รวมถึงการเปิดหลักสูตรเพื่อสอนใน ระดับอุดมศึกษาบางสาขาให้กับนักศึกษาที่อยู่ห่างไกลได้เข้ามาเรียน โดยทำ การศึกษา ทบทวน และ ทดสอบด้วยตนเองผ่านระบบของมหาวิทยาลัย นอกจากนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศยังมีบทบาท ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ทางการศึกษาเพื่อพัฒนาประเทศกันมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติหรือเนคเทค (NECTEC) ได้เปิดเครือข่าย เพื่อการศึกษาต่างๆ โดยนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ ภาพที่ 1.15 บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศทางด้านการศึกษา ที่มา : (เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการศึกษา. http://hmewnook.blogspot.com. 2557) 3.4 ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้การติดต่อและแลกเปลี่ยนทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เราสามารถ รับส่งข้อมูลประเภทภาพ เสียงหรือวิดีโอผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กๆ ได้ คอมพิวเตอร์และ อุปกรณ์อื่นสามารถเชื่อมต่อกันผ่าน Bluetooth ช่วยให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลทาได้ง่ายกว่าเดิม การ เชื่อมต่อเครือข่ายในปัจจุบันก็ไม่จาเป็นต้องลากสายหรือเดินสายให้ยุ่งยาก มีเพียงแต่อุปกรณ์ เชื่อมต่อแบบไร้สาย ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้แล้ว ซึ่งมีใช้งานกันอย่างแพร่หลายตามบ้านหรือ สำนักงานต่างๆ เทคโนโลยีของโทรศัพท์ยังทำให้ลดข้อจำกัดเรื่องของสถานที่ลงไปได้ด้วย คนที่อยู่ ต่างท้องที่ สามารถพูดคุยสื่อสารหรือโต้ตอบกันได้ โดยที่ไม่จาเป็นต้องไปพบปะกันจริงๆ นอกจากนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศ ยังทำให้เกิดเครือข่ายใหม่ๆ อย่างอินเตอร์เน็ต ที่เข้าถึงคนได้ทั่ว โลกง่ายเพียงปลายคลิก ซึ่งก่อให้เกิดกิจกรรมและผลประโยชน์ต่อมนุษย์มากมาย ภาพที่ 1.16 บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศทางด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม ที่มา : (การสื่อสารโทรคมนาคม. www.businessoctane.com. 2557) 3.5 ด้านสาธารณสุข มีการเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลการรักษาผู้ป่วยที่ เรียกว่า “โครงการการแพทย์ทางไกล (telemedicine)” ซึ่งเป็นการนำเอาความก้าวหน้าทางด้านการ สื่อสารโทรคมนาคมมาประยุกต์ใช้กับงานด้านการแพทย์โดยใช้การส่งสัญญาณผ่านสื่อโทรคมอัน ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณดาวเทียมหรือใยแก้วนำแสงแล้วแต่กรณี ควบคู่ไปกับระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ โดยแพทย์ต้นทางและปลายทางสามารถติดต่อกันได้ด้วยภาพเคลื่อนไหวและเสียงทำ ให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลของคนไข้ระหว่างหน่วยงานได้ทั้งทางด้านภาพ เช่น ฟิล์มเอกซ์เรย์ และสัญญาณเสียงจากเครื่องมือแพทย์ เช่น การเต้นของหัวใจ คลื่นหัวใจ พร้อมๆ กันกับการ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และการปรึกษาเสมือนคนไข้อยู่ในห้องเดียวกัน ทำให้ประสิทธิภาพใน การรักษาคนไข้ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การแพทย์ ทางไกลนี้ยังได้นำเอามาประยุกต์ใช้กับการถ่ายทอดการเรียนการสอนและการประชุมวิชาการ ทางการแพทย์ให้สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญได้อีกด้วย ภาพที่ 1.17 บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศทางด้านสาธารณสุข ที่มา : (เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านสาธารณสุข. http://arm8loei.blogspot.com. 2557) 3.6 ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การวิเคราะห์สภาพพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เรียกว่า GIS (Geographic Information System) หรือระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เข้ามาจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลทางภูมิศาสตร์ โดยการกำหนดข้อมูลด้านตำแหน่งที่ตั้งบนผิวโลก (ground position) ซึ่งรวบรวมจากแหล่งต่างๆ ทั้งข้อมูลพื้นที่ แผนที่ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพถ่ายจากดาวเทียม เพื่อนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาผังเมือง ประยุกต์ใช้งานด้านธรณีวิทยา การพยากรณ์ อากาศและการควบคุมสิ่งแวดล้อมให้ก้าวหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม ภาพที่ 1.18 บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศทางด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ที่มา : (GIS. www.italomairo.com. 2557) |