๒.
ลักษณะของโคลงโลกนิติ ๓. คุณค่าของกวีนิพนธ์ประเภทโคลง (โคลงโลกนิติ) “ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา จากคำประพันธ์ข้างต้นเป็นการใช้สัมผัสอักษรเล่นคำที่ทำให้เสียงไพเราะ
มีจังหวะ ใช้คำง่ายๆ คมคาย ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพอย่างแจ่มชัดและจดจำคำกลอนได้ง่าย การใช้โวหารภาพพจน์ “อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า มาถนอม โคลงบทนี้ใช้อุปลักษณ์ในคำว่า ดอกฟ้า เปรียบเป็นสิ่งที่อยู่สูงยากที่จะเอื้อมถึง หากคิดจะเอื้อมก็อาจจะทำได้ลำบากหรือมีอุปสรรคมากมาย และเปรียบ
ดอกพะยอม เป็นสิ่งที่อยู่ในระดับต่ำ
๓.๒ คุณค่าด้านเนื้อหา โคลงโลกนิติเป็นวรรณคดีประเภทคำกลอน เป็นโคลงสุภาษิตเพื่อสอนให้เป็นคนดีปฏิบัติตนให้ถูกต้องในสังคม เป็นโคลงที่เข้าใจแก่นแท้และธรรมชาติของมนุษย์ทั้งทางโลก และทางธรรม เช่น การใช้ทรัพย์ สอนให้รู้จักใช้ทรัพย์อย่างถูกวิธี ให้จัดสรรปันส่วนในการใช้จ่าย เช่น “ทรัพย์มีสี่ส่วนไซร้ ปูนปัน ลักษณะของคนดี สอนให้รู้ว่าคนดีควรมีลักษณะอย่างไร เช่น “ให้ท่านท่านจักให้ ตอบสนอง ความรัก-ความชัง สอนให้รู้ถึงสัจธรรมของมนุษย์ว่า เมื่อรักกันอยู่ไกลเพียงไหนก็เหมือนใกล้ แต่เมื่อเกลียดชังถึงอยู่ใกล้ก็เหมือนห่างไกล ทั้งนี่เพราะ “ใจมนุษย์” เป็นผู้กำหนด เช่น “รักกันอยู่ฟ้า เขาเขียว
๓.๓ คุณค่าด้านสังคม โคลงโลกนิติเป็นโคลงที่มีคุณค่าต่อสังคมมาก เพราะเปรียบเสมือนเป็นกระจกส่องให้เห็นถึงพฤติกรรมของความเป็นมนุษย์ที่มีผลต่อสังคม โคลงโลกนิติจึงเปรียบเป็นคู่มือในการใช้ครองเรือนให้มีความสุข ดำรงตนเป็นคนดีอยู่ในสังคม อย่างถูกทำนองคลองธรรม เนื้อหาจากวรรณคดีเรื่องนี้จึงมีผลอย่างมากต่อผู้อ่านที่จะทำให้เข้าใจ ถึงความรู้สึกนึกคิด หรือสารที่ผู้แต่งต้องการสื่อออกมา อันจะส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ของคนในสังคมให้ดีขึ้น ๓.๔ การนำไปประยุกต์ในชีวิตประจำวัน โคลงโลกนิติเป็นวรรณคดีคำสอนซึ่งแสดงให้เห็นวิธีการใช้ชีวิตให้เป็นสุข และสามารถปฏิบัติตน ให้อยู่ในกรอบที่ดีของสังคม สาระที่ปรากฏอยู่ในโคลงผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตได้ เช่น การใฝ่ศึกษาหาความรู้ ไม่ว่าในยุคสมัยใดการเรียนถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจึงควรขยันหมั่นเพียร เพราะความรู้ไม่มีใครสามารถขโมยไปได้และยังสามารถใช้เลี้ยงชีพของตนได้อีกด้วย ดังโคลงบทนี้ “ความรู้ดูยิ่งล้ำ สินทรัพย์ คิดค่าควรเมืองนับ ยิ่งไซร้ เพราะเหตุจักอยู่กับ กายอาต-มานา โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอา” การเลือกคบคน การดำรงอยู่ในสังคมย่อมพบเจอกับผู้คนมากมาย
ยากที่จะรู้ว่าใครดีหรือร้าย “ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ ให้รู้จักปล่อยวาง บางสิ่งบางอย่างในโลกนี้เราก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เกิดขึ้นได้ เช่น การนินทา “ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน นอกจากนี้ยังมีคำสอนอื่นๆที่น่าสนใจอีก เช่น การให้รู้จักทำบุญกุศล ให้มีความกตัญญูต่อบิดามารดา
อ้างอิง ประพนธ์ เรืองณรงค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช่วงชั้นที่ 3 (ม.1-3) เล่ม2 - - พิมพ์ครั้งที่1 - - กรุงเทพฯ : ประสานมิตร , 2545
คุณค่าโคลงโลกนิติ เป็นวรรณกรรมคำสอนที่มีคุณค่ายิ่งในการครองตน ให้คติข้อคิดเตือนใจ รู้บาปบุญคุณโทษ รู้ถูกผิด มีความเข้าใจได้ง่าย เสมือนกระจกเงาที่ส่องตัวตนของมนุษย์ เพื่อปลุกปลอบใจตนเองในยามตกทุกข์ได้ยาก ให้เกิดความมานะอดทนต่อสู้ขยันขันแข็งไม่ย่อท้อ ดังนั้นโคลงโลกนิติ เป็นเรื่องสุภาษิตที่ให้คุณค่าทั้งคติธรรม และคติโลก ควรแก่การศึกษาและนำไปประพฤติเพื่อความสงบสุขของชีวิต คุณค่าด้านวรรณศิลป์ โลกนิติ เป็นการประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพ มีโคลงกระทู้บางบท มีการรักษาระเบียบแบบแผนถูกต้อง 1. บทที่ไพเราะทั้งคำและความหมาย .....เหมหงส์เลี้ยงชีพด้วย......สาคร 2. การใช้ภาษาที่ทำให้เกิดจินตภาพ .....จระเข้ข้ามน่านน้ำ.............ไฉนหา ภักษ์เฮย 3. การใช้ภาษาที่เกินความเป็นจริง .....ห้ามเพลิงไว้อย่าให้............ มีควัน 4. การใช้ภาษาเปรียบเทียบกับสิ่งของใกล้ตัวให้เห็นจริง .....แม้นมีความรู้ดั่ง.................สัพพัญญู 5. การนำธรรมชาติมากล่าวเชิงเปรียบเทียบ
.....ก้านบัวบอกลึกตื้น...............ชลธาร 6. การใช้คำสำนวนไทยมาเป็นกระทู้ .....ช้างสาร หกศอกไซร้.............เสียงา |