เป็นริดสีดวงตอนท้องจะหายไหม

อาการริดสีดวงทวารมักจะเกิดจากการขับถ่ายไม่ถูกสุขลักษณะ การอั้นหรือบ่งถ่ายเป็นเวลานานจนทำให้เกิดแผลหรือการบวมของเส้นเลือดและมีเลือดออกจากบริเวณทวารหนัก ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ก็มักจะมีอาการของริดสีดวงทวารจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงและการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ขับถ่ายลำบากและเจ็บปวดบริเวณทวารหนัก ก่อให้เกิดความรำคาญและกังวลใจ แต่อาการของริดสีดวงทวารไม่ได้รุนแรงหรือเป็นอันตรายกับการตั้งครรภ์ หากคุณแม่ดูแลเรื่องการขับถ่ายให้ดีค่ะ

ทำไมจึงเป็นริดสีดวงทวาร?
ริดสีดวงทวารเป็นเส้นเลือดที่โป่งพองขึ้นมาบริเวณทวารหนัก (คล้ายกับการเป็นเส้นเลือดขอดที่ขา) ซึ่งสาเหตุที่คุณแม่มักจะเป็นริดสีดวงทวารก็เพราะฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป บางท่านที่ไม่เคยเป็นริดสีดวงมาก่อนก็อาจเพิ่งมาเป็นในช่วงตั้งครรภ์ที่ปริมาณและการไหลเวียนของเลือดในร่างกายเพิ่มมากขึ้น (โดยเฉพาะร่างกายส่วนล่าง) แต่ระบบไหลเวียนเลือดไม่สะดวกเพราะมดลูกที่ขนาดใหญ่ขึ้นไปกดทับเส้นเลือดดำในบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือดดำและเกิดการบวมบริเวณทวารหนัก
นอกจากสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแล้ว การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การกินอาหารที่มีกากใยน้อย อาการท้องผูกขับถ่ายไม่สะดวกจึงต้องเบ่งถ่ายนาน การยกของหนัก การนั่งหรือยืนนานๆ ก็มีส่วนทำให้เป็นริดสีดวงทวารในช่วงตั้งครรภ์ได้มากขึ้นเช่นกัน

ริดสีดวงทวารกับคุณแม่หลังคลอด
หากคุณแเป็นริดสีดวงทวารในช่วงตั้งครรภ์ก็ยังสามารถคลอดแบบธรรมชาติได้ตามปกติ ซึ่งแพทย์จะเพิ่มความระมัดระวังในการตัดฝีเย็บเพื่อไม่ให้ไปโดนริดสีดวง และไม่ให้มีการฉีกขาดของช่องคลอดมากเกินไป
ส่วนใหญ่อาการริดสีดวงทวารมักจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์หลังคลอด แต่บางรายอาจเป็นๆ หายๆ ซึ่งแพทย์มักจะรอให้คลอดก่อนแล้วจึงจะพิจารณาว่าควรผ่าตัดรักษาหรือไม่ ดังนั้นหลังคลอดจึงควรฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่ต้องกลัวว่าการขับถ่ายจะทำให้แผลเย็บฉีกขาด เน้นการกินอาหารที่มีกากใยและการเดินก็จะช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น


อาการของริดสีดวงทวาร
ริดสีดวงทวารถึงแม้จะไม่เป็นอันตรายใดๆ กับการตั้งครรภ์ แต่มักจะทำให้เกิดความรำคาญ คันรอบทวารหนัก เจ็บและมีเลือดติดปนมาเวลาถ่ายอุจจาระหรือหลังถ่าย ซึ่งริดสีดวงอาจออกมาเฉพาะเวลาที่เบ่งถ่ายและหดกลับไปหลังถ่ายเสร็จ หรือบางคนอาจเป็นก้อนอยู่ภายนอกยื่นออกมาจากทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ ทำให้ระคายเคืองและรู้สึกไม่สบายบริเวณทวารหนัก ถ้ามีเลือดออกมากอาจมีอาการซีดได้

คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะอายไม่กล้าปรึกษาแพทย์จนอาการริดสีดวงเป็นมากขึ้น จึงควรสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่

การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนที่รวดเร็วของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และ ปริมาณการไหลเวียนของโลหิตที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เส้นเลือดดำที่อยู่รอบๆ ทวารหนักขยายตัว จนทำให้เกิดอาการบวม และยิ่งเฉพาะในช่วงที่มดลูกเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นตามอายุครรภ์ ก็จะทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือดดำจนทำให้เป็นริดสีดวงตอนท้องได้ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะมีอาการริดสีดวงทวารกันในระหว่างที่ตั้งครรภ์ ซึ่งอาจสร้างความวิตกกังวลใจได้ว่าคนท้องเป็นริดสีดวงจะรักษายังไง? วันนี้เรามีคำแนะนำที่มีประโยชน์ที่จะช่วยรักษาอาการริดสีดวงในคนท้องมาฝากคุณแม่ทั้งหลาย มีอะไรบ้างไปดูกัน

สารบัญเนื้อหาหลัก

  • ริดสีดวงในคนท้อง เกิดจากอะไร?
  • อาการของริดสีดวงในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์
  • คนท้องเป็นริดสีดวง ต้องรักษาอย่างไร
  • คนท้องเป็นริดสีดวงกี่วันหาย?
  • คนท้องเป็นริดสีดวง ควรใช้ยาอะไรดี?
  • คนท้องกินยาริดสีดวงได้ไหม?
  • เป็นริดสีดวงตอนท้อง อันตรายไหม?
  • การดูแลตัวเองเมื่อเป็นริดสีดวงตอนท้อง
  • ตอนท้องผ่าตัดริดสีดวงได้ไหม?
  • สรุป เป็นริดสีดวงตอนท้องจะหายไหม?

เป็นริดสีดวงตอนท้องจะหายไหม

ริดสีดวงในคนท้อง เกิดจากอะไร?

สาเหตุของกาาเกิดริดสีดวงในคนท้อง โดยส่วนมากมักเกิดกับคนท้อง 38 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากการมีอายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้มดลูกเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือดดำจนทำให้เป็นริดสีดวงระยะ 4 ตอนท้องได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุของริดสีดวงในคนท้องได้แก่

  • มดลูกที่ขยายใหญ่แล้วไปกดทับหลอดเลือดดำในช่องท้อง ทำให้หลอดเลือดดำที่อยู่บริเวณขา เท้า และก้น มีการไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจยากขึ้น จนเกิดอาการคั่งของเลือด จนเกิดเป็นริดสีดวงทวารได้
  • เกิดจากการนั่ง หรือยืนนานๆ จนเลือดไปรวมกันอยู่ตรงส่วนที่ต่ำของร่างกาย จึงทำให้เลือดไปคั่งที่เท้าทำให้เกิดอาการเท้าบวม หรือเส้นเลือดขอดขึ้นได้ ส่งผลให้เกิดอาการริดสีดวงทวารหนักได้เช่นกัน
  • อาการท้องผูกที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งจะใช้เวลานในการถ่ายค่อนข้างนาน และ ต้อใช้แรงเบ่งในการถ่ายอุจจาระ ซึ่งทำให้อาการริดสีดวงทวารในระหว่างการตั้งท้องได้
  • ในระหว่างการตั้งท้องร่างกายจะมีการสร้างฮอร์โมนต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้ จะทำให้หลอดเลือดดำมีการขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้มีเลือดคั่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดริดสีดวงง่ายขึ้น

อาการของริดสีดวงในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์

โดยส่วนมากอาการริดสีดวงที่มักพบบ่อยในตอนท้องหากไม่มีอาการมากนัก อาจจะมีอาการคันที่ก้นเล็กน้อย ไม่มีความรู้สึกเจ็บ และไม่มีติ่งโผล่ออกมาให้เห็น ไม่สามารถคลำเจอ แต่หากมีอาการมากมักจะมีเลือดออก ถ่ายเป็นเลือด หรือมีเลือดหยดหลังการถ่ายอุจจาระ มีเลือดติดกระดาษทิชชู่ ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดบริเวณที่ปากทวาร มีติ่งเนื้อริดสีดวงโผล่ออกมานอกขอบรูทวาร สามารถคลำเจอได้ มีอากรบวม อักเสบ และ มีอาการปวดบริเวณริดสีดวงร่วมด้วย ในคุณแม่ท้องบางรายที่มีอาการอักเสบรุนแรงอาจปวดระบมจนนั่งลำบาก

อ่านเพิ่มเติม : รวม Q&A อาการปวดริดสีดวง พร้อมตอบคำถามที่พบบ่อย

เป็นริดสีดวงตอนท้องจะหายไหม

คนท้องเป็นริดสีดวง ต้องรักษาอย่างไร

วิธีรักษาริดสีดวงในคนท้องที่ปลอดภัย และเห็นผลการรักษาได้ชัดเจน ซึ่งสามารถทำการรักษาได้ดังนี้

  • ใช้ยาเหน็บและทายา ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างละเอียด (ซึ่งในยาเหน็บและยาทาจะมีตัวยาที่เป็นยาชาและตัวยาลดการบวม) ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดริดสีดวงในคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องได้
  • ใช้สบู่ทำความสะอาดริดสีดวงอันโดะ ที่ใช้ในการทำความสะอาดบริเวณที่เป็นริดสีดวงโดยเฉพาะ เพื่อลดอาการคัน อักเสบ และ ช่วยบรรเทาอาการริดสีดวงทวารได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับ บริเวณริดสีดวงโดยใช้สเปรย์บรรเทาริดสีดวงทวารอันโดะ ที่มีส่วนประของน้ำแร่จากญี่ปุ่น และสมุนไพร เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ คัน แสบ รอบทวาร ในระหว่างวัน และ ช่วยลดการติดเชื้อจากการใช้มือสัมผัส (หญิงตั้งครรภ์ใช้ได้)
  • สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อยู่ในระยะติ่งริดสีดวงยื่นออกมา และไม่สามารถหดกลับได้เอง ถ้าเป็นหนักมากๆ อาจจะต้องใช้วิธีการผ่าตัด หรือ ให้ทานยาแก้ริดสีดวง ซึ่งโดยส่วนมากแพทย์มักจะรอให้คลอดก่อน

คนท้องเป็นริดสีดวงกี่วันหาย?

โดยส่วนใหญ่อาการริดสีดวงทวารในคนท้องมักจะหายไปภายใน 2-3 สัปดาห์หลังคลอด แต่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์บางรายอาจมีอาการของริดสีดวงแบบเป็นๆ หายๆ ซึ่งแพทย์จะรอให้คลอดก่อนจึงจะแนะนำให้รับประทานยาริดสีดวงเพื่อรักษาริดสีดวงต่อไป

เป็นริดสีดวงตอนท้องจะหายไหม

คนท้องเป็นริดสีดวง ควรใช้ยาอะไรดี?

  • ยากินรักษาริดสีดวง : เป็นยาสมุนไพรรักษาริดสีดวงทวารอันโดะ ที่ผ่านการคัดสรรสมุนไพรตามตำรับยาโบราณที่มีสรรพคุณในการรักษาริดสีดวงโดยเฉพาะ สามารถรักษาริดสีดวงได้แบบต้นตอ ไม่ใช่แค่รักษาอาการ จึงทำให้เห็นผลชัดเจน และเข้มข้นมากกว่าสมุนไพรยี่ห้ออื่นถึง 10 เท่า มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียง ผ่านการควบคุมมาตรฐานการปรุงยาสมุนไพร โดยเภสัชกรแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญ
  • ยาทารักษาริดสีดวง : ยาทารักษาริดสีดวง และ สเปรย์บรรเทาอาการริดสีดวงอันโดะ ที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ อาการคัน ระคายเคืองในระหว่างวัน ช่วยลดความเจ็บ โดยการฉีดพ่นภายนอก เหมาะสำหรับคนเป็นริดสีดวง คนมีแผลอักเสบ มีหัวริดสีดวง ทำให้อาการดีขึ้นอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีดยา และ ไม่ต้องรัดหัว
  • ยาสอดหรือยาเหน็บริดสีดวง : ยาเหน็บริดสีดวงทวาร ที่มีส่วนผสมของเสตียรอยด์ ยาชาและยาแก้อักเสบ เช่น พร็อกโตซีดิล (proctosedyl) เป็นยาสามารถใช้ได้ในคนท้อง นิยมใช้ในช่วงที่มีการอักเสบมาก อาจจะเหน็บวันละ 2-3 ครั้ง เช้า และ ก่อนนอน หลังหลังการขับถ่าย จนอาการต่างๆดีขึ้น

คนท้องกินยาริดสีดวงได้ไหม?

จริงๆแล้ว อาการริดสีดวงทวารในกลุ่มคนท้องสามารถรักษาได้หลายวิธี โดยวิธีที่ใช้จะขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของอาการที่เป็น ซึ่งส่วนมากจะแนะนำให้มีการรักษาร่วมไปกับการรับประทานอาหารที่มีกากใยมากๆ ดื่มน้ำมากๆ ดูแลรักษาบริเวณริดสีดวงให้สะอาด และแห่งอยู่เสมอ รวมถึงมีการแช่น้ำอุ่นจัดเป็นประจำทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 7-10 วัน วันละ 15-20 นาที ควบคู่ไปกับการรับประทานยาในกลุ่มแก้ปวดและยาทาหรือใช้สเปรย์รักษาริดสีดวง แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่ยากลุ่มสเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน

เป็นริดสีดวงตอนท้องจะหายไหม

เป็นริดสีดวงตอนท้อง อันตรายไหม?

สำหรับภาวะริดสีดวงทวารที่อยู่ในระหว่าการตั้งท้อง จะไม่ส่งผลที่เป็นอันตรายใดๆ กับการตั้งท้อง และไม่มีผลเสียต่อทารกในครรภ์ แต่อาจจะสร้างความรำคาญใจให้กับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ได้ จากอาการคันรอบทวารหนัก มีอาการเจ็บ ปวด แสบ และ มีเลือดไหลในระหว่างการขับถ่าย หรือ มีเลือดหยดตามหลังถ่ายเมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จ

ซึ่งอาจมีติ่งริดสีดวงโผล่ออกมาเวลาที่มีการเบ่งถ่ายอุจจาระ และ จะหดกลับเข้าไปหลังการขับถ่าย หรือบางคนอาจเป็นก้อนอยู่ภายนอก ไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บมาก ถ้าหากมีอาการบวม อักเสบที่รุนแรง มีผลทำให้เดิน นั่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆได้ไม่สะดวก และยิ่งถ้าเกิดการเสียดสีมากๆ ก็อาจจะทำให้ริดสีดวงแตก มีเลือดออก ส่งกลิ่นเหม็นได้

เป็นริดสีดวงตอนท้องจะหายไหม

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นริดสีดวงตอนท้อง

การดูแลตัวเองด้วยวิธีง่ายๆด้วยตัวเองจากการเป็นริดสีดวงตอนท้อง ที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทำได้ เพื่อเป็นการช่วยลดอาการของริดสีดวง และ ช่วยให้ติ่งเนื้อที่โผล่ออกมาฝ่อตัว หดกลับเข้าที่เดิมโดยไม่ต้องผ่าตัดมีดังนี้

  • นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด 15-20 นาที ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดทำงานได้สะดวกมากขึ้นและ ช่วยลดความเจ็บปวดบริเวณริดสีดวงทวารหนักได้ดี
  • ประคบเย็นบริเวณที่เป็นริดสีดวง ด้วยแผ่นผ้า หรือแผ่นเจลเย็น ซึ่งความเย็นจะช่วยทำให้หลอดเลือดมีการหดรัดตัว ช่วยลดอาการบวมของติ่งเนื้อ และ ลดอาการปวดลงได้
  • ไม่ควรกลั้นอุจจาระ เพราะจะส่งผลให้มีอาการท้องผูก ที่ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระแรงๆ ซึ่งเป็นกระตุ้นให้เกิดอาการริดสีดวงทวารนั่นเอง
  • แนะนำให้สาวๆที่กำลังตั้งครรภ์ ให้มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น ว่ายน้ำ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยทำให้ลำไส้ได้เคลื่อนไหว ซึ่งจะทำให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้แป้งโรยตัว สบู่ กระดาษทิชชู่ หรือผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณทวารที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
  • ล้างทำความสะอาดก้นด้วยน้ำสะอาด หรือ สบู่ที่ใช้ในการรักษาริดสีดวงหลังการขับถ่ายทุกครั้ง และ เช็ดให้แห้งสนิท
  • สวมกางเกงชั้นในผ้าฝ้ายให้หลวม ๆ หลีกเลี่ยงการสวนกางเกงในที่รักแน่น จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวและลดการเสียดสีได้ดี
  • คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องหลีกเลี่ยงการดื่ม ชา กาแฟ และ น้ำอัดลม (รวมทั้งเครื่องที่มีแอลกอฮอล์)
  • ควรรับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เช่น ผักใบเขียว แอปเปิ้ล ส้ม สับปะรด แก้วมังกร มะละกอสุกเป็นต้น
  • แนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตร ต่อวัน
  • สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แนะนำให้นอนตะแคงซ้ายทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดแรงดันภายในช่องท้องได้ หรือ ยกขาพาดกับเก้าอี้ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดแรงดันในท้องได้ หรือ นอนคว่ำในท่าเข่าชิดบริเวณอก ท้อง หรือนอนท่าก้นโด่ง ในช่วงตอนเย็น หรือ กลางคืน 10-15 นาที/วัน ก็จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่บริเวณทวารหนักกลับสู่หัวใจให้ดีขึ้นได้เช่นกัน

ตอนท้องผ่าตัดริดสีดวงได้ไหม?

เป็นคำถามที่พบบ่อยสำครับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องเจอกับอาการของริดสีดวง ว่าถ้าเป็นหนักมากจำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่? โดยทั่วหากมีอาการของริดสีดวงในขณะการตั้งครรภ์ จะแนะนำให้ใช้รักษาด้วยวิธีประคับประคองอาการ โดยการแนะนำให้ปรับเปลี่ยนหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆแทน เช่นการไม่ปล่อยให้ท้องผูก การรับประทานอาหารที่มีกากใย การรักษาความสะอาดบริเวณรอบทวาร ปฏิบัติตัวให้เคร่งครัดแทนวิธีการผ่าตัด

แต่ในกรณีที่ต้องมีการรักษาริดสีดวงตอนท้องด้วยการผ่าตัดได้แก่ ติ่งริดสีดวง หรือ ก้อนเนื้อที่ยื่นออกมามีขนาดใหญ่มาก จนทำให้รู้สึกเจ็บปวด ทรมานมากจนต้องให้ยาแก้ปวดอย่างแรง และไม่สามารถดันก้อนกลับได้ หรือ มีการอักเสบรุนแรง มีเลือดออกมาก ติ่งเนื้อมีอาการเน่า เนื้อตาย โดยการผ่าตัดรักษาริดสีดวงในคนท้องจะมีการหลีกเลี่ยงการดมยาสลบ เพราะอาจทำให้มีผลต่อทารกในครรภ์ได้ จะใช้การฉีดยาชาเฉพาะที่หรือการบล็อคหลังเพื่อลดความเจ็บปวดแทน

สรุป เป็นริดสีดวงตอนท้องจะหายไหม?

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์มักมีความกังวลสูงมากเกี่ยวกับอาการของริดสีดวง ว่าเป็นริดสีดวงตอนทั้งแล้วจะหายไหม คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ สามารถรักษาให้หายได้หากมีการดูแลตัวเอง และ ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยอาการริดสีดวงทวารมักจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์หลังคลอด ดังนั้นคุณแม่จึงควรฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา เน้นการกินอาหารที่มีกากใย และ การเคลื่นไหวเช่นการเดิน หรือการออกกำลังกายเบาๆ ก็จะช่วยให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น

ริดสีดวงคนท้องหายเองไหม

ในกรณีที่มีการตั้งครรภ์แนะนำให้คุณแม่ตรวจสุขภาพทางทวารร่วมไปด้วย เพื่อเช็คดูว่าเป็นริดสีดวงขณะ การ ตั้งครรภ์หรือไม่ หาพบว่าเป็นริดสีดวงในขณะตั้งครรภ์ก็สามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง โดยหากไม่มีอาการที่รุนแรงมาก อาการก็จะค่อยทุเลาลงภายใน 7-14 วันหลังการรักษา

เป็นริดสีดวงตอนท้องอันตรายไหม

ภาวะริดสีดวงทวารไม่เป็นอันตรายใดๆ กับการตั้งครรภ์ และไม่มีผลกับทารกในครรภ์ แต่ทำให้เกิดความรำคาญ คันรอบทวารหนัก เจ็บและมีเลือดติดปนมาเวลาถ่ายอุจจาระหรือหลังถ่าย ซึ่งริดสีดวงอาจออกมาเฉพาะเวลาที่เบ่งถ่ายและหดกลับไปหลังถ่ายเสร็จ หรือบางคนอาจเป็นก้อนอยู่ภายนอกยื่นออกมาจากทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ ทำให้เจ็บ

คนท้องเป็นริดสีดวงทํายังไง

ป้องกันอาการริดสีดวงในช่วงตั้งครรภ์ได้อย่างไร?.
นอนตะแคงซ้ายทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อลดแรงดันภายในช่องท้อง และยกขาพาดกับโต๊ะประมาณ 20 นาที ก็อาจช่วยได้.
ไม่ใช้สบู่ แป้งโรยตัวหรือผ้าเช็ดทำความสะอาดผิว ( wet wipes) ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม ล้างก้นด้วยน้ำและเช็ดให้แห้งสนิท คลายกางเกงชั้นในให้หลวม.

ทำไมคนท้องชอบเป็นริดสีดวง

มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจะไปกดหลอดเลือดดำในช่องท้องทำให้หลอดเลือดดำที่อยู่ปลายทาง เช่น บริเวณเท้า ขา และก้น มีการไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจยากขึ้น จึงทำให้เกิดการคั่งของเลือดในบริเวณเหล่านั้นขึ้นได้ การคั่งของเลือดที่กระจุกเลือดที่บริเวณก้นจะเห็นเป็นริดสีดวงทวารขึ้นมา