“เนื่องจากไตเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย เพราะฉะนั้นจึงควรตรวจเช็กและประเมินความเสี่ยงสุขภาพไตเป็นประจำเป็นสิ่งควรทำ โดยเฉพาะบุคคลที่เป็น 7 กลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคไต(กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน, กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูง, กลุ่มที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคไต, ผู้ป่วยโรคหัวใจ, ผู้ป่วยโรคอ้วน , ผู้ที่สูบบุหรี่ และผู้สูงอายุ)” Show
เบาหวานโรคไตเรื้อรังโรคหัวใจโรคอ้วน อ่านเพิ่มเติมในการประเมินภาวะอ้วนอย่างง่าย ๆ คือ การวัดเส้นรอบพุงผ่านสะดือ โดยในผู้ชายหากมีเส้นรอบพุงมากกว่า 90 เซนติเมตร (35 นิ้ว) และผู้หญิงหากมีเส้นรอบพุงมากกว่า 80 เซนติเมตร (31.5 นิ้ว) แล้วยิ่งถ้ามีเบาหวาน ความดัน หรือ มีไขมันสูงร่วมด้วยแล้วถือว่ามีความเสี่ยง ควรรีบพบแพทย์ เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม เพราะเราเรียกภาวะนี้ว่าภาวะอ้วนลงพุงและกลุ่มอาการด้านเมตตาโบลิค (Metabolic syndrome) ซึ่งมีโอกาสเกิดทุพพลภาพและเสียชีวิตได้ค่อนข้างสูง ส่วนในทางการแพทย์ เราใช้ค่ามาตรฐานในการวัดภาวะอ้วน คือใช้ดัชนีมวลกาย (Body Mas Index; BMI) โดยหาได้จากการนำน้ำหนัก (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง เช่น หนัก 90 กิโลกรัม สูง 160 เซนติเมตร ค่า IBM คำนวนได้ คือ (90 / (1.6 x 1.6)) จะได้ BMI = 35.15 กก./ตร.ม. ทั้งนี้ข้อบ่งชี้ในการรักษาในแต่ละรายเป็นไปตามตารางนี้ นั่นคือถ้า BMI มากกว่า 27.5 กก./ตร.ม. ก็ถือว่ามีโรคอ้วนแล้ว ถ้ามีความเสี่ยงสูงควรเข้ารับการปรึกษากับทีมแพทย์เฉพาะทางเรื่องการลดน้ำหนักด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การใส่ Balloon หรือฉีดยาลดน้ำหนักเป็นต้น แต่ถ้า BMI มากกว่า 32.5 กก./ตร.ม. จะถือว่าเริ่มมีข้อบ่งชี้ เริ่มมีความเสี่ยงสูง ควรจะพิจารณาเรื่องการผ่าตัดลดน้ำหนักได้แล้วนั่นเอง > กลับสู่สารบัญ เพราะเหตุใดผู้มีโรคอ้วนจึงควรต้องลดน้ำหนักแม้หลายคนอาจจะรู้สึกว่าความอ้วนนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความเป็นจริงแล้ว ความอ้วนนั้นถือเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เหนื่อยง่ายขึ้น ไม่คล่องตัว เคลื่อนไหวได้ลำบากจนออกกำลังกายได้ยาก พอรู้ตัวอีกทีน้ำหนักก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง หรือที่เราว่าเรียกว่า “อ้วนลงพุง” ถือว่าเป็นภัยเงียบที่ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นอนกรน หลับไม่สนิท ประจำเดือนมาผิดปกติ ภาวะมีบุตรยาก และในขณะนี้ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 โรคอ้วนจัดเป็น 1 ใน 7 โรคของกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ที่จะนำร่องในการเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ก่อน เนื่องจากข้อมูลผู้เสียชีวิตที่ผ่านมาพบว่า ผู้ที่เป็นโรคอ้วนและติดเชื้อโควิด 19 มักจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนปกติ > กลับสู่สารบัญ ทำไมการลดน้ำหนักโดยวิธีทั่วไปถึงไม่ได้ผลในความเป็นจริงแล้วการลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกายอย่างมีวินัยและควบคุมพฤติกรรมการกินนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่อย่างไรก็ตามจากการวิจัยพบว่าคนส่วนใหญ่จะลดน้ำหนักได้เพียงแค่ 5–10 % ของน้ำหนักตัวเท่านั้น เพราะว่าร่างกายของเราจะเริ่มปรับสภาพตัวเองให้อยู่ในสภาพเสมือนอดอาหาร ทำให้การควบคุมอาหารนั้นไม่ได้ผล > กลับสู่สารบัญ ประโยชน์จากการรักษาโรคอ้วนโดยการผ่าตัดกระเพาะอาหารเมื่อไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยวิธีปกติ การผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนักจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีความปลอดภัย วิธีนี้เป็นวิธีที่เป็นมาตรฐานทางการแพทย์อย่างเป็นสากล และถือเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ป่วยโรคอ้วนสามารถลดน้ำหนักลงมาได้ และหลังจากการผ่าตัดแล้ว ก็จะทำให้ผู้ป่วยนั้นสามารถควบคุมน้ำหนักได้โดยง่าย ทั้งการออกกำลังกายและควบคุมการพฤติกรรมการทานอาหาร > กลับสู่สารบัญ การผ่าตัดลดน้ำหนักนั้นมีวิธีการอย่างไร ?การผ่าตัดลดน้ำหนักนั้น มีหลักการคือการลดปริมาณอาหารที่เข้าสู่ร่างกาย โดยลดขนาดกระเพาะลงจะส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น รวมถึงวิธีการลดการดูดซึมอาหารและปรับฮอร์โมน โดยมีวิธีผ่าตัดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน 2 วิธีดังนี้
> กลับสู่สารบัญ วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดลดน้ำหนักเนื่องจากการผ่าตัดลดน้ำหนักเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการรักษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะคอยให้คำแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดลดน้ำหนัก พร้อมทั้งคอยติดตามอาการของผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด และแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับเรื่องอาหารนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะวางแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารในระยะแรกภายหลังจากการผ่าตัดอย่างเหมาะสม แบ่งออกเป็น 4 ระยะคือ
หลังจากทำการปรับกระเพาะอาหารเป็นเวลาประมาณ 4 สัปดาห์แล้ว สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ โดยเลือกรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม เน้นโปรตีน และดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ได้มีข้อห้ามเป็นพิเศษ ซึ่งผู้ที่เข้ารับการรักษาจะรับประทานอาหารได้ปริมาณน้อยลง เนื่องจากกระเพาะมีขนาดเล็กลงแล้ว > กลับสู่สารบัญ การผ่าตัดลดน้ำหนัก อันตรายไหม ?ในปัจจุบันนวัตกรรมการผ่าตัดนั้นมีความทันสมัยมากขึ้น การผ่าตัดกระเพาะเพื่อการลดน้ำหนักนั้นเราสามารถใช้วิธีส่องกล้อง โดยการเจาะรูเป็นแผลเล็ก ขนาดแผลประมาณ 1- 1.5 ซม. แล้วเย็บด้วยไหมละลายหลังจากการผ่าตัด ดังนั้นคนไข้จึงฟื้นตัวได้เร็ว เจ็บแผลน้อย และหลังผ่าตัดเพียง 1-2 วันก็สามารถเดินได้ตามปกติ > กลับสู่สารบัญ หลังจากการผ่าตัดลดน้ำหนักมีโอกาสกลับมาอ้วนได้อีกไหม ?ภายหลังจากการผ่าตัดลดน้ำหนักแล้ว การจะกลับมาอ้วนขึ้นอีกครั้งนั้น มีโอกาสเป็นได้น้อยมาก เนื่องจากกระเพาะที่ตัดไปจะมีโอกาสน้อยที่จะกลับมามีขนาดเท่าเดิม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพฤติกรรมของคนไข้เป็นก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดว่าจะกลับมาอ้วนอีกครั้งหรือไม่ ดังนั้นคนไข้จึงจะต้องมีการติดตามอาการจากทีมแพทย์อย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่องของการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย ซึ่งควรเริ่มออกกำลังกายหลังการผ่าตัดได้เป็นเวลา 1 เดือน โดยทางโรงพยาบาลของเรายังมีแผนกเฉพาะทางด้าน Fix-Fit ค่อยช่วยดูแลให้การลดน้ำหนักนั้นเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น > กลับสู่สารบัญ สรุปแน่นอนว่าการลดน้ำหนักที่สำคัญที่สุดนั้น ก็หนีไม่พ้นเรื่องง่าย ๆ ที่ทุกคนรู้ดี อย่างการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการควบคุมอาหาร แต่การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ปลอดภัย และจำเป็นในคนไข้ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยวิธีปกติเช่นกัน แม้วิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหารอาจจะฟังดูน่ากลัวในความรู้สึกของหลาย ๆ คน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ > กลับสู่สารบัญ แพ็กเกจที่เกี่ยวข้องแพ็กเกจผ่าตัดส่องกล้องลดขนาดกระเพาะรายละเอียด บทความล่าสุดตรวจเต้านมด้วยตนเอง เพื่อรู้ทันมะเร็งเต้านมอ่านเพิ่มเติมHigh altitude illness หรือภาวะแพ้ที่สูง ที่นักปีนเขาต้องระวัง !อ่านเพิ่มเติมการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมบางส่วน หรือ UKA เป็นการผ่าตัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยเอาผิวข้อเฉพาะส่วนที่สึกหรอออก และเก็บผิวข้อเข่าส่วนที่ยังมีสภาพดีไว้ ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวนาน ในการกลับไปใช้ข้อเข่าได้เหมือนธรรมชาติ ผ่าตัดกระเพาะกี่วันกินข้าวได้– หลังผ่าตัดสัปดาห์ที่ 3 รับประทานอาหารชิ้นเล็ก ๆ โดยดื่มน้ำก่อนทานอาหาร 15 – 30 นาที เช่น ข้าวต้ม เป็นต้น เพื่อเตรียมปรับสู่การทานอาหารปกติ โดยทานปริมาณน้อย เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน สามารถเริ่มออกกำลังเบา ๆ ได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 หลังการผ่าตัด และงดยกของหนัก 3 เดือน
ผ่าตัดกะเพาะน่ากลัวไหมข้อเสียของการผ่าตัดเย็บกระเพาะอาหาร
1. มีความเสี่ยงในการผ่าตัด 2. ภาวะแทรกซ้อน ก็อาจเกิดขึ้นได้ 3. ภาวะการขาดวิตามิน เนื่องจากการผ่าตัดแบบนี้ อาหารจะถูกดูดซึมไม่หมด ดูดซึมไม่ดี บวกกับคนไข้กินได้น้อย ส่งผลให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณน้อยลง ฉะนั้นจะต้องกินวิตามินตลอดชีวิต
ผู้ป่วยผ่าตัดกระเพาะอาหาร ควร เสริม สารอาหาร ใดอาหารหลังผ่าตัดกระเพาะ ให้เน้นทานโปรตีนเป็นหลัก เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการซ่อมแซมร่างกาย อย่างที่เรารู้กันว่าเมื่อป่วยก็ต้องทานโปรตีนให้มากหน่อย ในกรณีนี้ก็เช่นกันต้องทานโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการ
ผ่าตัดกระเพาะดีอย่างไรประโยชน์ของการผ่าตัด
ช่วยให้กระเพาะอาหารเล็กลง ผู้ป่วยจะรับประทานอาหารได้น้อยลงโดยไม่รู้สึกหิว และจะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น จึงช่วยจำกัดปริมาณการบริโภคอาหารและนำไปสู่การลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ
|