คือ ซอฟต์แวร์ระบบที่ใช้ในการจัดการฐานข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ การสร้างสภาวะแวดล้อมที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงและจัดเก็บข้อมูลของฐานข้อมูล หน้าที่ของ DBMS 1.เป็นสื่อกลางในการจัดการฐานข้อมูลระหว่างผู้ใช้และโปรแกรมประยุกต์ต่างๆที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูล 2.ควบคุม ดูแล การสร้าง การเรียกใช้ข้อมูล การจัดทำรายงาน การปรับเปลี่ยนแก้ไขโครงสร้างและข้อมูล รวมไปถึงการควบคุมต่าง 3.กำหนดข้อมูล (Data Definition) 4.การเรียกใช้ข้อมูล (Data Manipulation) - เก็บและดูแลข้อมูล (Store and Maintain Data) - บรรจุข้อมูลจากฐานข้อมูล (Load Data) - ประสานงานกับระบบปฏิบัติการ (Operating System) 5.ควบคุมความปลอดภัยและบูรณภาพของข้อมูล (Data Security and Integrity) 6.การฟื้นสภาพและการใช้ข้อมูลพร้อมกัน (Data Recovery and Concurrency) - จัดทำข้อมูล สำรองข้อมูล (Backup and Recovery) - ควบคุมการใช้งานพร้อมกันของผู้ใช้ระบบ (Concurrency Control) 7.การสร้างพจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) ความสัมพันธ์ระหว่างระบบจัดการฐานข้อมูล ผู้ใช้ และฐานข้อมูล สถาปัตยกรรมฐานข้อมูล 1.ระดับภายใน (Internal Level) 2.ระดับความคิด (Concept Level) ระดับภายใน (Internal level) เป็นระดับที่มองถึงวิธีการจัดเก็บข้อมูลเชิงกายภาพ ว่ามีรูปแบบและโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลอย่างไร ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลจริงๆในหน่วยความจำ โครงสร้างในแต่ละรูปแบบก็จะส่งผลถึงประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน เช่น การจัดเก็บรายละเอียดของเรคอร์ด การบีบข้อมูล รวมทั้งที่เกี่ยวกับดัชนี (Index) ซึ่งในระดับดังนั้นโครงสร้างในระดับนี้จึงพิจารณาในเรื่องของความเร็วและประสิทธิภาพในการปฏิบัติกับข้อมูล ระดับแนวคิด (Conceptual Level) ระดับแนวคิดหรือระดับตรรกะ (Logical Level) ในระดับนี้จะมองความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเป็นสำคัญหรือเรียกว่า แบบจำลองข้อมูล (Data Model) การใช้งานหรือทำการใดๆในโปรแกรมจากผู้ใช้จะทำอยู่ในระดับนี้เท่านั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงเป็นผู้บริหารฐานข้อมูลหรือโปรแกรมเมอร์ โดยในระดับแนวคิดยังเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ - จำนวนเอ็นติตี้ทั้งหมด แอตติบิวต์ รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเอ็นติตี้ - กฎข้อบังคับในข้อมูล - ระบบความปลอดภัยข้อบังคับในข้อมูล ระดับภายนอก (External Level) หรือระดับ (View Level) เป็นข้อมูลเชิงนามธรรมระดับสูงสุด จะมองการใช้งานของผู้ใช้ในแต่ละคน ซึ่งถือว่าโครงสร้างระดับภายนอกก็คือบางส่วนของข้อมูลในฐานข้อมูลของโครงสร้างระดับแนวคิด โดยสามารถกำหนดวิวได้หลายๆวิว ที่แตกต่างกัน เพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงให้กับฐานข้อมูลได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ใช้แต่ละคนจะมองเห็นวิวแต่ละวิวที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ ชนิดของระบบฐานข้อมูล ระบบฐานข้อมูลสามารถแบ่งย่อยได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในการพิจารณา เช่น 1.จำนวนผู้ใช้ แบ่งออกเป็น 2กลุ่ม 1.1ผู้ใช้คนเดียว ระบบจัดการฐานข้อมูลแบบนี้จะสนับสนุนการใช้งานได้แค่คนเดียว คือ ถ้ามีบุคคลใช้งานอยู่ จะไม่สามารถเข้าไปใช้งานฐานข้อมูลดังกล่าวได้ ต้องรอให้ผู้ใช้งานคนดังกล่าวใช้งานให้เสร็จก่อนจึงจะใช้งานต่อไปได้ 1.2ผู้ใช้หลายคน เป็นระบบฐานข้อมูลที่สนับสนุนการใช้งานของผู้ใช้หลายคนพร้อมกันในเวลาเดียวกัน คือ ถ้ามีการใช้งานไม่เกิน 50 user จะเรียกว่า Workgroup Database แต่ถ้าใช้เกิน จะเรียกว่า Enterprise Database 2.สถานที่ตั้งของฐานข้อมูล แบ่งออกเป็นฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ และฐานข้อมูลแบบกระจาย ชนิดของการใช้งานฐานข้อมูล แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ฐานข้อมูลดำเนินการ (operational database) และฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ (decision support database) การประยุกต์ใช้งานฐานข้อมูล (The Range of Database Application) 1.ฐานข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Database) เป็นฐานข้อมูลพนักงานขายที่มีการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า มีการบันทึกรายละเอียดของลูกค้า ข้อดี - ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับพนักงานขาย - บริหารจัดการข้อมูลลูกค้าได้ดีขึ้น ข้อเสีย - ไม่สามารถแชร์ข้อมูลร่วมกับบุคคลอื่นได้ 2.ฐานข้อมูลระดับเวิร์กกรุ๊ป (Workgroup Database ) มีจำนวนผู้ใช้งานไม่เกิน 50 คน จุดประสงค์เพื่อแชร์ทรัพยากรร่วมกันภายในเครือข่ายแลน 3.ฐานข้อมูลระดับแผนก (Department Database) มีจำนวนผู้ใช้ตั้งแต่ 50-100 คน แต่ละแผนกจะมีหน้าที่รับผิดชอบที่แตกต่างกัน ฐานข้อมูลถูกออกแบบเพื่อสนับสนุนการใช้งานในหน้าที่ ท่ี่แตกต่างกันตามความต้องการในแผนกนั้นๆ 4.ฐานข้อมูลระดับเอนเตอร์ไพรส์ (Enterprise Database) มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนงานเชิงปฏิบัติการและงานด้านการตัดสินใจในองค์กรใหญ่ มีระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงในแต่ละแผนกด้วยกัน คือ ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร หรือระบบ ERP (Enterprise Resource Planing) มีการรวบรวมระบบงาน ทำให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งองค์กร เช่น ระบบขายสินค้าเชื่อมโยงไปยังระบบจัดซื้อ ระบบสินค้าคงคลัง ระบบบัญชี ระบบการเงิน ระบบทรัพยากรบุคคล ระบบวางแผน เพื่อการผลิตและควบคุม 5.ฐานข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Internet Database) จากผลกระทบในเรื่องของระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้องค์กรหรือหน่่วยงานจำเป็นต้องจัดทำฐานข้อมูลบนเว็บ เพื่อให้ทันกับคู่แข่ง จึงเกิดรูปแบบของธุรกิจในรูปของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การทำงานของระบบจัดการฐานข้อมูล จะแบ่งการทำงานออกเป็นมอดูลย่อยๆ เพื่อรับผิดชอบการทำงานในแต่ละส่วน การทำงานบางอย่างต้องได้รับการสนับสนุนจากระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ การออกแบบระบบฐานข้อมูลจึงต้องพิจารณาการเชื่อมต่อระหว่างระบบฐานข้อมูลกับระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ด้วย การทำงานสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆด้วยกันคือ 1.หน่วยประมวลผลคิวรี เช่น ตัวแปรภาษา DML ,ตัวแปรภาษา DDl,ตัวประมวลผลคิวรี 2.ผู้จัดการหน่วยเก็บข้อมูล (storage manager) เป็นโปแกรมโมดูลที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อระหว่างหน่วยเก็บข้อมูลในระบบฐานข้อมูลกับโปรแกรมประยุกต์ และคิวรีที่ส่งเข้ามาในระบบ ประกอบด้วยส่วนย่อยๆดังนี้
|