e-Commerce (Electronic Commerce) คือ อีคอมเมิร์ซ, พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการทำธุรกรรมซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นสื่อในการนำเสนอสินค้าและบริการต่าง ๆ รวมถึงการติดต่อกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ผู้เข้าใช้บริการจากทุกที่ทุกประเทศ หรือทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงร้านค้าได้ง่ายและตลอด 24 ชั่วโมง [1] e-Commerce เป็นส่วนหนึ่งของ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transaction) ที่ขอบเขตกว้างกว่า โดยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ธุรกรรมทางออนไลน์ หมายถึง กิจกรรมใด ๆ ที่กระทำขึ้นระหว่างหน่วยธุรกิจ บุคคล รัฐ ตลอดจนองค์กรเอกชนหรือองค์กรของรัฐใด ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ การค้า และการติดต่องานราชการ โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ยกตัวอย่าง เช่น การซื้อ-ขายสินค้าผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต, การสมัครสมาชิกผ่านระบบออนไลน์, การตกลงทำสัญญาซื้อ-ขาย หรือสัญญาตกลงตามข้อบังคับต่าง ๆ บนเครือข่าย, การโอนเงินด้วยระบบอัตโนมัติผ่านระบบเครือข่าย, การสื่อสารรับ-ส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเครือข่ายการสื่อสาร และการสอบถามข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น [2] ที่มา: [1] สวทช. [2] ICT Law Center Show
Ecommerce คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และเพราะอะไรจึงควรลงทุนในธุรกิจนี้Ecommerce คืออะไรEcommerce หรือ อิเล็กทรอนิก คอมเมิร์ซ คือ การขายสินค้าหรือบริการบนอินเทอร์เน็ตผ่านการนำข้อมูลมหาศาลมาแปลงโฉมให้เป็นย่านค้าขายกลางเมืองหรือร้านค้าปลีกบนโลกอินเทอร์เน็ต ในปีนี้ คาดว่าจะมีผู้คนกว่า 2.4 พันล้านคนทั่วโลกซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ และจำนวน 150 ล้านคนเป็นสมาชิกระดับ Prime ที่ซื้อสินค้ากับ Amazon Ecommerce เป็นหนึ่งในหลาย ๆ วิธีที่ผู้คนใช้ซื้อและค้าขายปลีก บางบริษัทเน้นขายของออนไลน์อย่างเดียว แต่ในอีกหลายแห่ง Ecommerce เป็นช่องทางค้าขายที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดที่รวมไปถึงการมีหน้าร้านและช่องทางสร้างกำไรอื่น ๆ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะทางไหน Ecommerce ก็ทำให้ทั้งสตาร์ทอัพ ธุรกิจขนาดเล็กและบริษัทใหญ่ได้ขยายการขายสินค้า แถมได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วโลกอีกด้วย เว็บไซต์ Ecommerce คืออะไรเว็บไซต์ Ecommerce คือ หน้าร้านของคุณบนอินเทอร์เน็ต ช่วยอำนวยความสะดวกในการจ่ายเงินระหว่างคนขายและคนซื้อ เป็นพื้นที่ให้คุณได้โชว์สินค้าที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ เว็บไซต์ทำหน้าที่เป็นชั้นวางสินค้า พนักงานขาย และแคชเชียร์แห่งโลกขายของออนไลน์ หลายธุรกิจอาจใช้วิธีสร้างแบรนด์ร้านค้าบน Amazon หรือสร้างเว็บไซต์คอมเมิร์ซโดยใช้โดเมนของตัวเอง หรือทำทั้งสองวิธีไปเลยก็มี ประเภทของ Ecommerce มีอะไรบ้างเพราะการช้อปปิ้งออนไลน์มีหลายรูปแบบ Ecommerce จึงมีความหลากหลายตามไปด้วย ตัวอย่างโมเดลธุรกิจหลัก ๆ ที่สร้างโลก Ecommerce ได้แก่ ● B2C – ธุรกิจที่ขายของให้กับผู้บริโภครายคนโดยตรง (ผู้ใช้ปลายทาง)
เป็นโมเดลเห็นได้ทั่วไปและแบ่งออกได้อีกหลายแขนง Ecommerce เกิดขึ้นที่ไหนและอย่างไรวงการช้อปปิ้งออนไลน์พัฒนาขึ้นทุกวัน ผู้คนสั่งซื้อของโดยใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต และอุปกรณ์อื่น ๆ พวกเขาใช้เว็บไซต์ ดูเพจต่าง ๆ บน Social Media และเริ่มเข้าสู่ช่องทางที่ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง ทุกวันนี้ ภาพรวมของการทำ Ecommerce มีอยู่ 3 วิธีหลักๆ คือ M-Commerceโมบายคอมเมิร์ซ หรือ M-Commerce คือ การซื้อขายออนไลน์ที่เกิดขึ้นบนโทรศัพท์ ด้วยจำนวนอุปกรณ์พกพาที่ผู้บริโภคครอบครองทั่วโลก เรื่องที่คาดการณ์ว่า M-Commerce จะแซงหน้า Non-mobile Commerce ในปี 2021 ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอีกต่อไป ยุคนี้ผู้คนจำนวนมากหาข้อมูลสินค้าและสั่งซื้อออนไลน์ผ่านโทรศัพท์ และเทรนด์นี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด การปรับร้านค้าออนไลน์ให้ใช้งานได้ดีผ่านโทรศัพท์จึงเป็นเรื่องสำคัญ Enterprise EcommerceEnterprise Ecommerce คือ การซื้อขายสินค้ากับบริษัทหรือองค์กรใหญ่ ถ้าธุรกิจใหญ่มีการขายสินค้าหลายประเภทหรือมีหลายแบรนด์แยกออกมาขายออนไลน์ก็จะนับว่าเป็น Enterprise Ecommerce เช่นกัน Social Media EcommerceSocial Media สามารถช่วยให้คุณทำแผนการตลาดออนไลน์ โปรโมทร้านค้ากับกลุ่มคนที่ใหญ่กว่าเดิม และยังมีศักยภาพที่จะดึงดูดลูกค้าเข้ามาหาได้ เหมือนที่มันเชื่อมคุณกับเพื่อนและครอบครัวเข้าไว้ด้วยกัน หากทำการตลาดผ่าน Social Media ได้ดี ก็จะสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นกันเองกับลูกค้าได้เช่นกัน สิ่งที่ Social Media ช่วยคุณได้ ข้อดีและข้อเสียของ Ecommerce มีอะไรบ้างพอธุรกิจออนไลน์เริ่มโต เจ้าของแบรนด์ Ecommerce ส่วนใหญ่มักถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่าควรจะขยายทีม หาวิธีเก็บของ จัดการสต็อกและส่งของให้ได้มากกว่าเดิม หรือจะใช้บริการ Fulfillment ไปเลย ซึ่งมีทางออกที่เป็นไปได้ ดังนี้ ข้อดีของ Ecommerceการขายของออนไลน์นั้นมีข้อดีมากมาย ซึ่งประโยชน์หลักๆ ของ Ecommerce ได้แก่ ● โตขึ้นเรื่อย ๆ ประเด็นเหล่านี้คือแรงจูงใจสำคัญในการทำ Ecommerce ลองมาดูรายละเอียดกันว่ามีอะไรบ้าง รีเทล Ecommerce โตขึ้นเรื่อย ๆนับจาก 12 เดือนที่แล้วจนถึง 31 พฤษภาคม 2020 ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในสหรัฐอเมริกาขายสินค้าได้มากกว่า 3.4 พันล้านชิ้นผ่านร้านค้าใน Amazon จากเดิม 2.7 พันล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา โดยรวมแล้ว ยอดขาย Ecommerce พุ่งขึ้นกว่า 30% ในปี 2020 แม้ว่าสาเหตุที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการระบาดของโควิด-19 แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังคาดว่าเทรนด์นี้จะโตขึ้นเรื่อยๆ เข้าถึงตลาดได้ทั่วโลกสมัยก่อน การจะเข้าถึงธุรกิจได้นั้นจำกัดอยู่แค่ตัวเลขของลูกค้าที่ได้เดินเข้าร้าน แต่สมัยนี้ ขายของออนไลน์ต่างประเทศก็เป็นไปได้ด้วย Ecommerce การใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียที่พุ่งสูงขึ้นทำให้เจ้าของธุรกิจ Ecommerce สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายกว่าเดิม สั่งง่ายด้วยความหลากหลายของ Ecommerce ลูกค้าสามารถเลือกดูสินค้าและสั่งซื้อจากที่ไหนก็ได้ในไม่กี่คลิก นอกจากนี้ Amazon ยังช่วยให้คุณเรียงลำดับและเปรียบเทียบสินค้าจากราคาหรือฟีเจอร์ได้ง่ายๆ พร้อมนวัตกรรมอย่าง Amazon Pay ทำให้ขั้นตอนจ่ายเงินออนไลน์สะดวกขึ้นไปอีกขั้น ค่าดำเนินการน้อยกว่าการสร้างและดำเนินการเว็บไซต์ใช้เงินน้อยกว่าการทำร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม คุณสามารถสร้างธุรกิจ Ecommerce ได้โดยที่ไม่ต้องไปเช่าที่ จ้างพนักงาน หรือต้องมีโกดังเก็บของขนาดใหญ่ ด้วยประโยชน์เหล่านี้ทำให้ Ecommerce มีค่าดำเนินการน้อยกว่า คุณไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหรือกังวลเรื่องค่าซ่อมบำรุงตึก เมื่อเข้าสู่โลกออนไลน์ ร้านของคุณก็จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ไม่ต้องนั่งเฝ้าร้านหรือจ้างคนดูแลเหมือนร้านค้าแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้เครื่องมือและบริการสร้างเว็บไซต์เพื่อสร้างร้าน Ecommerce ของคุณได้อย่างรวดเร็ว หรือจะไม่ทำเว็บแต่ทำแบรนด์ลง Social Media หรือสมัครบัญชีผู้ขายกับ Amazon ก็ได้เช่นกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่ธุรกิจจะมีช่องทางขายออนไลน์ที่หลากหลาย ลูกค้าเข้าถึงได้โดยตรงอินเทอร์เน็ตทำให้แบรนด์ Ecommerce สร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง คุณไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อทำป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์หรือโฆษณาทีวีเพื่อให้ลูกค้าสนใจ สำหรับ Ecommerce คุณแค่ต้องปรับแบรนด์ มีหลักการตลาดพร้อมการนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษ ความท้าทายในการทำ Ecommerceแม้ Ecommerce จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย บางธุรกิจอาจหลีกเลี่ยงการทำ Ecommerce ด้วยเหตุผลต่อไปนี้ ● ข้อจำกัดในการเจรเจา ข้อจำกัดในการเจรจาธุรกิจและธุรกรรมบางประเภทจำเป็นต้องใช้การเจรจาตัวต่อตัว ขึ้นอยู่กับสินค้า บริการ หรือสไตล์การขาย การนำเสนอบุคลิกบนโลกออนไลน์จึงอาจเป็นเรื่องท้าทาย แม้จะยังไม่มีวิธีแก้ปัญหานี้ได้พริบตา แต่สิ่งที่คุณทำได้คือให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ วิธีนี้จะช่วยให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ หรือถ้าคุณสะดวกที่จะสื่อสารกับลูกค้าด้วยอีเมลหรือโทรศัพท์มากกว่าก็สามารถทำได้เช่นกัน ปัญหาทางเทคนิคปัญหาทางเทคนิคที่อยู่นอกเหนือการควบคุมสามารถส่งผลกระทบกับยอดขายในเชิงลบได้ เช่นเดียวกับเหตุขัดข้องในกระบวนการผลิตที่มีผลต่อการส่งสินค้า ปัญหาอินเทอร์เน็ต หรือฮาร์ดไดร์ฟพัง สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณเสียทั้งเวลาและเงินทั้งสิ้น แต่ใช่ว่าทุกปัญหาทางเทคนิคจะไม่มีทางแก้หรือทางป้องกัน การสำรองข้อมูลอยู่เรื่อยๆ รวมถึงการเลือกขายบน Amazon ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ เพราะมีระบบและโครงสร้างพื้นฐานที่น่าเชื่อถือ ความปลอดภัยของข้อมูลปัจจุบันนี้ ลูกค้ามีความระมัดระวังมากขึ้นว่าข้อมูลของพวกเขาถูกเก็บหรือแชร์ออกไปไหนบ้าง ดังนั้น ควรสร้างความเชื่อใจให้กับลูกค้าโดยให้รายละเอียดนโยบายความเป็นส่วนตัว เป็นการแสดงความโปร่งใสและทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าคุณจะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา Amazon ใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีในการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ปลอดภัย และธุรกิจที่ขายผ่าน Amazon ได้อานิสงส์จากความเชื่อใจที่ลูกค้ามีมาอย่างเนิ่นนาน หากคุณทำเว็บไซต์ร้าน Ecommerce โดยใช้โดเมนตัวเอง คุณจำเป็นต้องหาบริการชำระเงินที่ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้า การจัดการขนส่งสินค้าและระบบ Fulfillment เมื่อต้องขยายธุรกิจเมื่อคุณเริ่มทำ Ecommerce แรก ๆ การแพ็กของและส่งสินค้าจากบ้านอาจเป็นเรื่องง่าย แต่พอธุรกิจเริ่มโต กระบวนการเหล่านี้กลายเป็นเรื่องที่ใช้เวลานาน หากมีออเดอร์ขึ้นฉับพลันเป็นจำนวนมากก็จะทำให้คุณต้องใช้แรงมากขึ้น การใช้บริการ Fulfillment by Amazon จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา พร้อมคงความพึงพอใจของลูกค้าได้เหมือนเดิม © 2021, Amazon.com Services LLC. |