title “ยาคุมฉุกเฉิน” กินบ่อยไม่ใช่เรื่องดี นี่คือความจริงที่ผู้หญิงควรรู้ไว้ Show
ยังมี “ยาคุมฉุกเฉิน” ที่ให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูง แต่สิ่งที่หลายคนไม่เคยรู้ ก็คือ… การกินยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆและต่อเนื่องเป็นเวลานานนั้นอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเชิงลบได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว !!! กินยาคุมฉุกเฉินอย่างไร? ไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายถ้าจะพูดว่ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วอันตราย ก็อาจจะยังไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะถ้ากินแบบถูกต้องตามหลักของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข คือ กินเม็ดแรก ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และกินเม็ดที่สองเมื่อครบ 12 ชั่วโมง หลังจากกินยาเม็ดแรก รวมทั้งกินเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่กินเพื่อคุมกำเนิดระยะยาว เพียงเท่านี้ยาคุมฉุกเฉินก็จะไม่ใช่สิ่งอันตรายอย่างที่คุณเข้าใจกันมีเลือดออกหลังกินยาคุมฉุกเฉิน…อันตรายหรือเปล่า?แน่นอนว่าการที่ฮอร์โมนถูกกระตุ้นแบบฉับพลันย่อมส่งผลข้างเคียง โดยหลังการกินยาคุมฉุกเฉินมักจะพบว่า มีอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง มีเลือดออกกะปริบกะปรอย ประจำเดือนมาเร็วหรือช้ากว่าปกติ ซึ่งนับว่าเป็นอาการปกติ ไม่อันตราย แต่หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายวันหรือเกินสัปดาห์ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยจะดีกว่ากินยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ “ไม่ท้อง” ได้จริงหรือ?หลายคนมักเข้าใจแบบเหมารวมว่า “ยาคุมฉุกเฉิน” จะทำให้ไม่ท้องเหมือนกับยาคุมแบบปกติ แต่จริงๆ แล้ว ยาคุมฉุกเฉินมีหน้าที่รบกวนกระบวนการตกไข่และการเคลื่อนไหวของอสุจิ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก เพื่อให้การฝังตัวของไข่ทำได้ยาก หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ ยาคุมฉุกเฉินมีส่วนช่วย “ลดโอกาส” ในการตั้งครรภ์ลงจากเดิมเท่านั้น!!!อีกหนึ่งความเชื่อที่ผิด!! กินยาคุมฉุกเฉิน ไม่ได้ช่วยให้แท้งนอกจากจะเข้าใจกันว่าการกินยาคุมฉุกเฉินจะทำให้ไม่ท้องแล้ว หลายๆ คนยังเข้าใจว่า “สามารถทำให้เกิดการแท้ง” ได้อีกด้วย ซึ่งอย่างที่บอกไปว่ายาคุมฉุกเฉินเป็นตัวช่วยลดประสิทธิภาพในการทำงานของไข่และอสุจิ ดังนั้น หากไข่ที่ผสมอสุจิได้ทำการฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูกแล้ว หรือเกิดการตั้งครรภ์แล้ว การกินยาคุมฉุกเฉินก็เท่ากับสูญเปล่ารู้หรือไม่? กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ กินติดต่อกันมานาน ยิ่งเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์!!ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีไว้เพื่อการคุมกำเนิดระยะยาว และเมื่อกินบ่อยครั้งหรือกินติดต่อกันนานๆ ยังส่งผลให้ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพลดลง หรือทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงขึ้น รวมถึงปริมาณฮอร์โมนเพศหญิงในยาคุมฉุกเฉินที่สูงกว่ายาคุมกำเนิดแบบปกติถึง 2 เท่า ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่างๆ ได้ เช่น เพิ่มโอกาสเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเต้านม เป็นต้นเพราะ “ยาคุมฉุกเฉิน”ถูกผลิตขึ้นเพื่อช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ กรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ, การถูกข่มขืน หรือเกิดการฉีกขาดของถุงยางอนามัย ดังนั้น หากคู่สามีภรรยาคู่ไหนต้องการคุมกำเนิดแบบระยะยาว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมและปลอดภัยจะดีกว่า
คลินิกศัลยกรรม อาคาร 2
ชั้น 2 โทร. 02-514-4141 ต่อ 1102-1105 มีเพศสัมพันธ์โดยวิธีการหลั่งนอก และได้กินยาคุมฉุกเฉิน ก็มีอาการปวดท้อง, เจ็บคัดตึงเต้านม และอาการอื่นๆ เหมือนมีประจำเดือนแล้วก็หายไป และพอในวันที่ ก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากทางช่องคลอด โดยออกมาในปริมาณที่น้อยแต่มีซึมออกมาเป็นระยะๆ แต่อาการปวดหน่วงๆ ที่ท้องน้อยยังคงมีอยู่ แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่คือ Q: A: พี่เลิฟแคร์ไขข้อข้องใจ |