โอนรถต้องใช้ทะเบียนบ้านไหม

ZX_SKY:
ไม่ทราบว่ามีใครพอรู้บ้างหรือว่า จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง พอดีทำธุระกิจเรื่องรถอยู่  เดี๋ยวนี้กรมการขนส่งทางบก เค้าเปลี่ยนกฎใหม่เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการ โอน หรือย้ายทะเบียนรถ (ยกเลิกใช้เอกสารทะเบียนบ้าน) ซึ่งจากเดิม ไม่ว่าเราจะโอน หรือรับโอน หรือมอบอำนาจต่างๆ ต้องมีเอกสาร "สำเนาทะเบียนบ้านแนบไปด้วยทุกครั้ง" แต่ปัจจุบันทันทมัสยิ่งขึ้น เมื่อกรมการขนส่งทางบก ได้มีการใช้ระบบOnline เชื่อต่อกับทางทะเบียนราษฎ์  ทำให้เราไม่ต้องใช้เอกสารนำเนาทะเบียนบ้านอีกต่อไป
ตัวอย่างเอกสารที่จำเป็นในการโอนรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ (นอกเหนือจากเล่มทะเบียน)
กรณีที่ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์เป็นรูปแบบบุคคล (เดิม)
1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 2ชุด
2.สำเนาทะเบียนบ้าน 2ชุด
3.ใบมอบอำนาจ 2ชุด
4.ใบโอน 1ชุด

Show

    จากกรณีดังกล่าวปัจจุบันเอกสารที่ใช้ทั้งหมดใช้เพียงแค่ชุดเดียว เพียงแต่ตัดสำเนาทะเบียนบ้านออก ไม่ว่าเราจะแจ้งไปใช้รถที่จังหวัดได หรือแจ้งย้ายรถเราไปเขตไหน เราก็ไมจำเป็นต้องใช้ทะเบียนบ้านอีกต่อไป...
    หมายเหตุ เอกสารการมอบอำนาจห้ามมีรอบลบ ขูดขีด หรือแก้ไขทุกกรณี หากมีรอยให้ถือว่าเอกสารมอบอำนาจนั้นเป็นอันยกเลิก มีบอกหลังเอกสารนั้น เพราะฉนั้น เหตุผลข้อนี้ เวลาเราซื้อ หรือขาย ควรมีเผื่อให้ผู้ซื้อ 2ชุดเป็นอย่างน้อย หรือผู้ซื้อควรขอจากเจ้าของรถ 2ชุดเป็นอย่างน้อย  เพื่อป้องกันการเขียนผิด เพราะไม่งั้นเราอาจต้องวิ่งไปที่บ้านเจ้าของรถอีกครั้งเพื่อให้เซ็นหนังสือมอบอำนาจอีกที "เสียเวลา")

    เอกสารการโอนรถ ในรูปแบบนิติบุคคล (รูปแบบบริษัท) เอกสารแล้วแต่ตกลงกับทางบริษัทว่าทางบริษัทจะยินยอมให้เราไว้กี่ชุด เพราะส่วนใหญ่ใช้เพียงชุดเดียว แต่เผื่อไว้ดีกว่าวิ่งมาขอใหม่ ซึ่งการเซ็นเอกสารในรูปแบบนิติฯนั้น จะต้องให้ผู้มีอำนาจลงนาม พร้อมประทับตราบริษัทเท่านั้น!  (เอกสารอื่นนอกเหนือจากเล่มทะเบียน)
1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มีอำนาจในการเบิกจ่าย 1ชุด (พร้อมประทับตราบริษัท)
2.สำเนาหนังสือรับรองบริษัท 1ชุด (ต้องมีอายุไม่เกิน6เดือนนับจากวันที่ออก รับรองโดยกระทรวงพาณิช)
3.ใบมอบอำนาจ 1ชุด
4.ใบโอน 1ชุด
    หมายเหตุ ควรตรวจสอบในหนังสือรับรองบริษัทว่าผู้มีอำนาจลงนามคือใคร และมีกี่ท่าน และสามารถลงแทนกันได้ไหม แล้วจึงใช้สำเนาบัตรประชาชนของท่านนั้นพร้อมลายเซ็นต์ และเอกสารทุกฉบับทุกๆหน้าต้องมีตราประทับพร้อมลายเซ็นต์ของบริษัทด้วยนะครับ

    กรณีตัวอย่างที่สำคัญที่อยากเตือนที่ผมเจอมากับตัวเอง กรณีรูปแบบบริษัท"ผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นชาวต่างด้าว"  อันนี้น่ากลัวมาก เพราะว่าเศรษฐกิจแบบนี้ ต่างชาติที่มาลงทุนในบ้านเราเจ้งเป็นแถบๆ  บ้างถูกฟ้องล้มละลาย บ้างปิดกิจการหนีหนี้ อันนี้ควรระวัง กรณีที่ผมเจอมาโชคดีที่ไม่ใช่ทั้ง 2กรณี เพราะทั้ง2ตัวอย่างที่ยกมาให้ฟัง ถ้าเราไปซื้อมาโดยไม่รู้  หรือไม่ตั้งใจ ทรัพย์สินที่เราซื้อมาจากทางบริษัทนั้นๆ อาจถูกอายัดอยู่ ซึ่งหมายถึง ทางบริษัทไม่สามารถนำมาจากทอดตลาดได้ แต่มีบางแห่งเข้าตาจน จำเป็นต้องรีบขายในราคาที่ถุก แล้วหอบเงินกลับประเทศ(อันนี้น่ากลัวสุดๆ)  ส่วนกรณีที่ผมโดนมากับตัวเอง เป็นการื้อรถยนตืจากบริษัทญี่ปุ่นซึ่งได้มีการแจ้งปิดกิจการลงแต่จดทะเบียนชื่อใหม่แทนโดยมีกรรมการผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการเบิกจ่าย เป็นคนเดิม   เรื่องนี้โอนได้แต่ยาว....มาก ค่อยๆอ่านแล้วจินตนาการตามช้าๆนะครับ  เพราะว่าบริษัทปิดกิจการลง(เสมือนผู้ครอบครองสรรมสิทธิ์ไม่มีตัวตน ในไทย) เพราะฉนั้น!!! งานเข้า  สิ่งที่ต้องทำ หากว่าบริษัทนั้นปิดไปแต่ยังเปิดกิจการใหม่ และยังสามารถติดต่อกับทางบริษัทนั้นได้ ให้ทางบริษัท(พนักงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับซื้อ-ขาย หรือฝ่ายจัดซื้อ แล้วแต่ใครซวยพอที่จะมารับตำแหน่งนี้)  ยื่นหนังสือไปที่บริษัทแม่ หรือบริษัทที่มีต้นสังกัดจากต่างประเทศ ให้ออกเอกสารหนังสือมอบอำนาจมายัง กรรมการผู้จัดการที่ดูแลบริัทนั้นอยู่ในบ้านเรา โดยออกมาเป็นถาษาญี่ปุ่น...แล้วให้ทางทนายความของทางบริษัททำหนังสือแปลภาษามาเป็นภาษาไทย(มาเจอตรงนี้ผมลมจะจับ คิดเอาว่ามันยุ่งขนาดไหน เราต้องไฟท์กับทางบริษัทให้เค้าช่วยติดตามให้ตลอด เพราะถ้าไปเจอคนที่เราติดต่อไม่ตามงานให้หละคุณเอ้ย เงินแสนๆ จะเป็นแสนสาหัส) จากนั้น เมื่อได้เอกสารมาครบแล้วก็ให้ทางกรรมการเซ็นต์มอบอำนาจต่อมายังเราจึงสามารถนำรถไปโอนได้อย่างถูกต้อง ระยะเวลาการนำเดินการทั้งหมดที่ผมโดนไป 7เดือน
    แต่กรณีของผมยังดชคดีนะครับที่ บริษัทแม่ทางญี่ปุ่นยังเปิดกิจการและยังมอบอำนาจมายังกรรมการในไทยได้  ลองนึกว่า(สมมุตินะ) ถ้าผมไปซื้อรถมือสอง จากบริษัท  ไคลส์เลอร์ในบ้านเราแล้วมันดันยกเลิกหรือแจ้งปิดไปหลังจากผมซื้อ1วัน ผมต้องไปตามบริษัทแม่ที่อเมริกา ซึ่งกรรมวะเพราะบริษัทแม่มันก็ดันเจ้งไปอีก  ทีนี้ได้ขับรถที่โอนไม่ได้เลย...

seilencer_TZR:
อืมมม  ผมก้อว่าทำไมมันแปลกๆ ดันคืนทะเบียนบ้านเจ้าของเก่ามาให้ผม ผมก้อ งงๆ เค้าบอกว่าไม่ต้อใช้แล้วนะน้อง

เมื่อตอนไปโอน VR เหมือนเดือน สิงหาคม นี้เองครับ

SER_NEVERDIE:
ขอบคุณมากเลยครับปุ้ย .....   :yociexpress01:  :JFBQ00159070207B:

หลายๆ ท่านอาจไม่เคยดำเนินการเกี่ยวกับการโอนรถ ซึ่งโดยปกติแล้วหากการซื้อรถยนต์ใหม่ในสมัยนี้ก็จะมีการดำเนินการจากทางโชว์รูมให้เรียบร้อย หากแต่เมื่อคุณซื้อรถยนต์มือสอง หรือมีการซื้อขายรถยนต์เองแล้วนั้น การโอนกรรมสิทธิ์รถจึงเกิดขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่าการโอนรถนั้นเอง หรือการเปลี่ยนจากเจ้าของคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ว่าแต่ว่าต้องใช้เอกสารใดบ้าง และมีวิธีการขั้นตอนอย่างไร วันนี้ได้รวบรวมข้อมูลเอามาไว้ให้แล้ว ดังต่อไปนี้

โอนรถต้องใช้ทะเบียนบ้านไหม

โดยสำหรับเอกสารที่ต้องใช้ในการโอนรถ มีดังนี้

1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถ หรือเล่มทะเบียนรถตัวจริง
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 
3. สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
4. แบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งกรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียนร้อย

- กรณีเป็นนิติบุคคล ต้องใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
- กรณีโอนรับมรดก ใช้สำเนาใบมรณะบัตรเจ้าของรถ และคำสั่งศาลหรือพินัยกรรมพร้อมสำเนา
- กรณีผู้โอนและหรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง ต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ

และสำคัญสำหรับสถานที่ในการดำเนินการการโอนรถนั้น สามารถติดต่อสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขาที่ผู้โอนมีที่อยู่ปรากฎในใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือที่ขอแจ้งใช้รถไว้ โดยตรงนี้แนะนำว่าให้เช็คข้อมูลให้ดีกับเจ้าของรถที่เรากำลังจะซื้อหรือผู้โอน เพื่อการไปดำเนินการโอนรถได้ถูกสถานที่ ไม่ต้องเสียเวลาไปผิดที่

ยกตัวอย่างเจ้าของรถทะเบียนกรุงเทพมหานคร มีที่อยู่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร แต่มีการแจ้งใช้รถ โดยลงรายละเอียดในเล่มทะเบียนรถใช้งานรถในเขตบางขุนเทียน การไปดำเนินการโอนรถ จึงต้องไปที่ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 (ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล) ที่รับผิดชอบในเขตพื้นที่ เขตบางขุนเทียน บางคอแหลม จอมทอง ธนบุรี ราษฎร์บูรณะ คลองสาน สาทร ทุ่งครุ บางบอน และยานนาวา นั้นเอง

สามารถดูเขตพื้นที่รับผิดชอบ ของแต่ละสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร ได้ที่นี่ https://www.dlt.go.th/site/skp1/m-about/738/

สำหรับขั้นตอนในการโอนรถมือสอง สามารถดำเนินการได้ ดังนี้

1. นำรถเข้ารับการตรวจสอบ ที่งานตรวจสภาพรถยนต์
2. ยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์และชำระค่าธรรมเนียม ที่งานทะเบียนรถ
3. รับใบคู่มือจดทะเบียนรถคืน
4. รับใบเสร็จรับเงิน ใบคู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายการเสียภาษี และแผ่นป้าย ทะเบียนรถ

และในการโอนรถนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ ทั้งค่าคำขอ ค่าธรรมเนียมการโอนและการตรวจสภาพรถยนต์ รวมไปถึงค่าอากรแสตมป์ 500 บาท ต่อการประเมิณราคารถ 100,000 บาท ยกตัวอย่างราคาประเมิณที่ 200,000 บาท ต้องเสียค่าอากรแสตมป์ 1,000 บาทนั้นเอง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.dlt.go.th

ภาพโดย Karolina Grabowska จาก Pixabay

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ Autodeft.com 

โอนลอยรถต้องใช้ทะเบียนบ้านไหม

จะต้องไม่หมดอายุ บัตรประชาชนต้องตรงกับทะเบียนบ้าน มีการเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง หรือกำหนดไว้ว่าใช้ในการโอนรถ, แจ้งย้าย, เปลี่ยนสี, เปลี่ยนเครื่อง, และหากมีการแจ้งย้าย, เปลี่ยนสี, หมายเลขเครื่อง, หรืออื่นๆ ต้องเพิ่มจำนวนสำเนาไว้อีกอย่างละชุด 5.หนังสือมอบอำนาจ

การโอนรถมอเตอร์ไซค์ต้องใช้ทะเบียนบ้านไหม

โอนรถมอไซค์มือสองใช้ไรบ้าง สำเนาทะเบียนบ้านของผู้โอนและผู้รับโอนรถ อย่างละ 1 ใบ เซ็นสำเนาถูกต้องแบบคำขอโอนและรับโอน กรอกรายการ ลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน (ดาวน์โหลดได้ที่แบบฟอร์มคำขอ กรมขนส่งทางบก เลือกตรง “ตรวจสภาพรถตามพรพราชบัญญัติรถยนต์ > แบบคำขอโอนและรับโอน”) กรอกไว้ก่อนได้ครับจะได้ไม่เสียเวลา

โอนรถต้องตรวจสภาพที่ไหน

ต้องนำรถยนต์ไปยื่นเรื่องติดต่อที่กรมขนส่งทางบก ผู้โอนและผู้รับโอนรถยนต์จะต้องบอกกับนายทะเบียนภายใน 15 วัน นับจากวันที่โอนรถยนต์กันจริง ต้องนำรถยนต์เข้าตรวจสอบสภาพ ก่อนยื่นเอกสารที่ส่วนงานทะเบียน หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบ ในกรณีโอนลอย

โอนรถใช้ทะเบียนเดิมได้ไหม

เชื่อว่าคำถามนี้มีหลายคนสงสัยแน่นอนว่าเราสามารถ โอนรถข้ามจังหวัด แล้วใช้ทะเบียนเดิมได้หรือไม่ คำตอบคือ การโอนรถข้ามจังหวัด สามารถใช้ทะเบียนเดิมได้ โดยจะต้องทำเรื่องที่สำนักงานขนส่ง และแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการใช้เลขทะเบียนเดิม จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอกใบคำขออื่น ๆ เพื่อแจ้งเอาไว้เป็นหลักฐานว่าเจ้าของรถขออนุญาตใช้รถ ...