CVS โรคฮิตทางตาของชาวดิจิตอล อ่าน 1,808 Show Computer Vision Syndrome หรือ CVS นับเป็นโรคฮิตทางตาของชาวดิจิตอล คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม เป็นโรคที่เกิดจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ดิจิตอลใด ๆ เป็นเวลานานเกินไป โดยจะมีอาการตาล้า ตาพร่า ตาแห้ง ระคายเคืองตา หรืออาจเจ็บตา ตาสู้แสงไม่ได้ รวมไปถึงปวดศีรษะและปวดไหล่ พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะนี้มากขึ้นหากจ้องหน้าจอในที่ที่มีแสงน้อย หรือมีท่านั่งที่ไม่เหมาะสมในขณะใช้คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ แสงสีฟ้า (Blue Light) ซึ่งเป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูงจากจอคอมพิวเตอร์ มือถือ แทบเล็ต Gadgets ต่างๆ และรังสียูวีจากแสงแดดที่เข้าสู่ดวงตา ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในเซลล์จอประสาทตา ทำให้เซลล์ค่อยๆ เสื่อมลง
และอาจก่อให้เกิดเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมในที่สุด หากไม่ดูแลและปรับพฤติกรรมการใช้สายตา วิธีการดูแลสายตา หากต้องใช้สายตาบนหน้าจอนานๆในแต่ละวัน1. พักสายตาเป็นระยะ โดยใช้กฎ 20-20-20 ที่ให้พักสายตาจากหน้าจอทุก 20 นาที ด้วยการมองออกไปที่ระยะ 20 ฟุต (6 เมตร) เป็นเวลาประมาณ 20 วินาที 2. พยายามกะพริบตาบ่อย ๆ เพื่อคงความชุ่มชื้นของดวงตา ป้องกันตาแห้งและระคายเคือง และอาจใช้ยาหยอดตาเมื่อรู้สึกตาแห้ง 3. ปรับสภาพแสงโดยรอบให้สมดุลกับหน้าจอ ระวังไม่ให้แสงจากหน้าจอสว่างหรือมืดกว่าแสงโดยรอบมากเกินไป 4. ปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยให้หน้าจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตา 10-15 องศา และอยู่ห่างจากสายตาประมาณ 20-28 นิ้ว ซึ่งจะช่วยให้ไม่ต้องยืดคอหรือเพ่งสายตาดูจอมากเกินไป 5. ปรับความเหมาะสมของขนาดตัวอักษร รวมทั้งแสงสว่างและความคมชัดให้สบายตา ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สสส. www.thaihealth.or.th และ www.aao.or.th หลายคนอาจคุ้นเคยกับ “ออฟฟิศ ซินโดรม” (Office Syndrome) ซึ่งเป็นโรคยอดฮิตของเหล่าพนักงานออฟฟิศกันอยู่แล้ว แต่การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ ก็ยังส่งผลให้เป็นโรคอื่น ๆ ได้อีก ซึ่งรวมถึง “คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม” (Computer Vision Syndrome) ด้วย ทุกวันนี้ เราใช้งานคอมพิวเตอร์กันในทุกสาขาอาชีพ รวมถึงการใช้แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ ด้วย ทำให้ “คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม” กลายเป็นโรคฮิตของคนทำงานออฟฟิศ โรคดังกล่าวเป็นอาการของคนที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน จนส่งผลให้มีอาการปวดตา ระคายเคืองตา ตาพร่ามัว ตาแห้ง ตาแดง มองเห็นภาพซ้อน และบางครั้งก็มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย สาเหตุของ “คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม”คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรมเกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ไอทีเป็นระยะเวลานาน ๆ โดยไม่พักสายตา ซึ่งในขณะที่ทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์นั้น ดวงตาของคนเราต้องปรับโฟกัสภาพใหม่อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ ดวงตาจะต้องเคลื่อนไหวไปมาตามบรรทัดตัวหนังสือที่อ่าน หรือต้องเลื่อนดูเนื้อหาบนหน้าจอสลับไปมาและตอบสนองต่อภาพที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้สมองประมวลผลภาพเหล่านั้น ในระหว่างนี้กล้ามเนื้อดวงตาจึงต้องทำงานอย่างหนัก ซึ่งมากกว่าการอ่านหนังสือธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น หน้าจอคอมพิวเตอร์มีการตัดกันของสีต่าง ๆ และมีการสั่นไหวของพิกเซลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นจุดเล็ก ๆ หลายจุดที่ประกอบขึ้นเป็นภาพ และผู้ใช้งานยังต้องเพ่งสายตาเป็นเวลานาน จึงส่งผลให้เสี่ยงเกิดอาการของคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรมตามมาได้ ปรับพฤติกรรมใช้คอมพิวเตอร์ ป้องกันได้โรค Computer Vision Syndrome (CVS) เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมในการใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือเสียใหม่ ดังนี้
Advertisement การดูแลรักษาการปรับสภาพแวดล้อมและปรับพฤติกรรมการใช้สายตา จะช่วยทำให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้นได้ เพราะเมื่อได้พักสายตาอย่างเหมาะสม อาการตาพร่ามัว มองภาพไม่ชัด เกิดภาพเบลอและภาพซ้อน ก็จะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติตามพื้นฐานสายตาของเรา ส่วนการรักษาด้วยการใช้น้ำตาเทียมเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดตาและแสบตานั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนําน้ำตาเทียม 2 ชนิด ได้แก่ น้ำตาเทียมแบบรายเดือน (1 ขวดใหญ่ เมื่อเปิดแล้วใช้ได้ 1 เดือน) และ น้ำตาเทียมแบบรายวัน (ใช้ได้ 24 ชั่วโมง แล้วทิ้ง) โดยสามารถใช้ได้ตามอาการ เช่น หากตาแห้งไม่มากควรใช้แบบรายเดือน แต่ถ้าตาแห้งมากควรใช้แบบรายวัน เนื่องจากสามารถหยอดได้บ่อยและถี่ โดยหลังจากการหยอดตาจะช่วยทําให้รู้สึกสบายตาขึ้น เหมือนมีน้ำหล่อลื่น ซึ่งช่วงแรก ๆ ที่มีอาการมาก จำเป็นต้องใช้เป็นประจําอย่างต่อเนื่อง จนแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตาสมานกันดีเสียก่อน เมื่ออาการค่อนข้างคงที่แล้ว จึงค่อยเว้นระยะการหยอดตาให้ห่างขึ้น ขอขอบคุณ ข้อมูล :รพ.พญาไท,คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี,พบแพทย์ ภาพ :iStock |