Compressed (zipped) folder คือ

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น เพื่อช่วยให้การทำงานหลักของเว็บไซต์ใช้งานได้ รวมถึงการเข้าถึงพื้นที่ที่ปลอดภัยต่าง ๆ ของเว็บไซต์ หากไม่มีคุกกี้นี้เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม และจะใช้งานได้โดยการตั้งค่าเริ่มต้น โดยไม่สามารถปิดการใช้งานได้


คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน


คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม

ประโยชน์ของการบีบอัดไฟล์หรือการ ZIP ไฟล์ที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือการลดขนาดไฟล์เพื่อประหยัดพื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ หรือแม้กระทั่งการรวมไฟล์หลายๆ ไฟล์ให้เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันสำหรับการส่งต่อให้เพื่อนๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้กันแค่ฟังก์ชันพื้นฐานอย่างการ ZIP และ UNZIP แต่วันนี้ เรามีเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการบีบอัดไฟล์เพื่อให้คุณได้ใช้ประโยชน์มันได้หลากหลายมากขึ้น

กำหนดให้ชื่อไฟล์ ให้เป็นชื่อตามไฟล์ที่ต้องการ
โดยปกติแล้วเวลาเราคลิกขวาใช้คำสั่ง Send to -> Compressed (zipped) folder ทำการบีบอัดไฟล์หลายๆ ไฟล์พร้อมกันผลลัพธ์ที่จะได้คือไฟล์นามสกุล .ZIP ที่ใช้ชื่อสุ่มจากไฟล์ในกลุ่มนั้นๆ

ทีนี้หากเราต้องการกำหนดให้ไฟล์ ZIP เป็นชื่อหนึ่งชื่อใดในกลุ่มหล่ะ สามารถทำได้ครับโดยการคลิกเลือกไฟล์ทั้งหมดที่ต้องการ ZIP จากนั้นเลื่อนเคอร์เซอร์ของเมาส์ไปที่ชื่อไฟล์ที่ต้องการให้ไฟล์ ZIP เป็นชื่อนั้น แล้วค่อยคลิกขวาเพื่อเลือกคำสั่ง Send to -> Compressed (zipped) folder เพียงเท่านี้ไฟล์ ZIP ก็จะถูกตั้งชื่อตามไฟล์ที่คุณต้องการแล้ว

Compressed (zipped) folder คือ


ซ่อนไฟล์ ZIP ไว้ในไฟล์รูปภาพ
หลายคนอาจจะงงว่าคืออะไรยังไง? อธิบายง่ายๆ คือการซ่อนไฟล์ ZIP ไว้ในรูปภาพอีกชั้นจะทำให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณปลอดภัยจากมือซุกซนมากขึ้น เพราะไฟล์ ZIP ของคุณจะดูเหมือนไฟล์รูปภาพปกติทุกประการ แถมถ้าดับเบิลคลิกเปิดขึ้นมา ก็จะเห็นเป็นรูปภาพไม่ใช่ไฟล์ ZIP อีกด้วย

วิธีการมีดังนี้
1. เตรียม “ไฟล์รูปภาพ” ที่จะซ่อนไฟล์ ZIP มาหนึ่งไฟล์ไว้บนหน้าเดสก์ทอป (ได้ทั้ง .JPG, .PNG, .GIF)
2. เตรียม “ไฟล์ ZIP” ที่ต้องการซ่อน เอามาวางบนเดสก์ทอปด้วยเช่นกัน หากชื่อไฟล์มีการเว้นวรรคให้ลบเว้นวรรคออกด้วย (สมมติไฟล์ชื่อ My Picture.jpg ให้เปลี่ยนเป็น MyPicture.jpg)
3. คลิกปุ่ม Start พิมพ์คำสั่ง “cmd” แล้ว Enter
4. ที่หน้าต่าง Command prompt พิมพ์คำสั่ง “cd desktop” แล้ว Enter
5. พิมพ์คำสั่ง “copy /B MyPicture.jpg+Myzipfile.zip NewPicture.jpg MyPicture.jpg” แล้ว Enter โดยในที่นี้ MyPicture.jpg และ Myzipfile.zip คือไฟล์รูปภาพและไฟล์ ZIP ต้นฉบับ และไฟล์ NewPicture.jpg คือไฟล์รูปภาพที่สร้างขึ้นมาใหม่ที่มีไฟล์ ZIP ซ่อนอยู่ข้างใน
6. หลัง Enter แล้วจะได้ไฟล์ NewPicture.jpg ปรากฏบนเดสก์ทอป ซึ่งจะมีคุณลักษณะเหมือนไฟล์รูปภาพทั่วไป และสามารถเปิดดูผ่านโปรแกรมตกแต่งภาพได้เหมือนเดิม
7. วิธีการเปิดไฟล์ ZIP ที่ซ่อนอยู่ สามารถทำได้โดยใช้โปรแกรม PeaZip (ฟรีแวร์ คลิกเพื่อดาวน์โหลด) เปิดแล้วเลือกไปที่ไฟล์ NewPicture.jpg จากนั้นใช้เมนูคำสั่ง Open as archive

Compressed (zipped) folder คือ


ใส่ Password ให้ไฟล์ ZIP
แอพฯ PeaZip มีความสามารถในการป้องกันการเปิดไฟล์ ZIP ด้วยการใส่รหัสผ่านด้วย วิธีการคือคลิกขวาที่โฟลเดอร์หรือไฟล์ที่ต้องการสร้างเป็นไฟล์ ZIP แบบมีรหัสผ่าน เลือกคำสั่ง Add to archive จากนั้นจะมีหน้าต่างแอพฯ PeaZip ปรากฏขึ้น ให้กำหนดโฟลเดอร์ปลายทางและรูปแบบไฟล์ที่ต้องการ จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Enter password/keyfile  กำหนดรหัสผ่านและยืนยันรหัสผ่าน สุดท้ายคลิกปุ่ม OK -> OK ทีนี้คนที่จะเปิดไฟล์ ZIP ไฟล์นี้ได้จะต้องมีรหัสผ่านที่ถูกต้องเท่านั้น

Compressed (zipped) folder คือ

แปลงไฟล์ RAR, 7z เป็น ZIP
อีกหนึ่งความสามารถของแอพฯ PeaZip คือการสนับสนุนการทำงานร่วมกับไฟล์บีบอัดแทบทุกประเภท และสามารถแปลงไฟล์บีบอัดรูปแบบหนึ่งไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่งได้โดยตรง เช่น หากคุณมีไฟล์ .RAR หรือ .7z อยากส่งให้เพื่อนแต่กลัวว่าเพื่อนจะไม่มีโปรแกรมที่เปิดไฟล์สองประเภทนี้ได้ ก็สามารถใช้ PeaZip แปลงเป็น .ZIP ที่ Windows ทุกเครื่องสามารถเปิดได้โดยไม่ต้องติดตั้งแอพฯ เพิ่ม วิธีการคือ คลิกขวาที่ไฟล์ที่ต้องการแปลง แล้วเลือกคำสั่ง Convert ที่หน้าต่างที่ปรากฏขึ้น เลือกรูปแบบของไฟล์ที่ต้องการแปลงจากดรอปดาวน์เมนู แล้วคลิก OK

Compressed (zipped) folder คือ

ไฟล์ Zip (บีบอัด) ใช้พื้นที่จัดเก็บน้อยกว่า และสามารถถ่ายโอนไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้เร็วกว่าไฟล์ที่ไม่ได้บีบอัด ใน Windows คุณทำงานกับไฟล์และโฟลเดอร์ที่บีบอัดในลักษณะเดียวกับไฟล์และโฟลเดอร์ที่ไม่ได้บีบอัด รวมไฟล์ต่าง ๆ ไว้ในโฟลเดอร์ที่บีบอัดโฟลเดอร์เพื่อแชร์กลุ่มไฟล์ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น

เมื่อต้องการซิป (บีบอัด) ไฟล์หรือโฟลเดอร์

  1. ค้นหาไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องกาซิป

  2. กดไฟล์หรือโฟลเดอร์ค้างไว้ (หรือคลิกขวา) เลือก (หรือชี้ไปที่) ส่งไปยัง จากนั้นเลือก )โฟบเดอร์ที่บีบอัด (ซิป)

    โฟลเดอร์ซิปใหม่ที่มีชื่อเดียวกันจะถูกสร้างขึ้นในตำแหน่งที่ตั้งเดียวกัน เมื่อต้องการเปลี่ยนชื่อดังกล่าว กดที่โฟลเดอร์ค้างไว้ (หรือคลิกขวา) เลือก เปลี่ยนชื่อ จากนั้นพิมพ์ชื่อใหม่

เมื่อต้องการคลายซิป (แยก) ไฟล์หรือโฟลเดอร์ออกจากโฟลเดอร์ที่บีบอัด

  1. ค้นหาโฟลเดอร์ที่บีบอัดที่คุณต้องการ Unzip (แยก) ไฟล์หรือโฟลเดอร์ออกจากกัน

  2. เลือกทำสิ่งใดใสิ่งหนึ่งต่อไปนี้:

    • หากต้องการ Unzip ไฟล์หรือโฟลเดอร์เดียว ให้เปิดโฟลเดอร์ที่ซิป แล้วลากไฟล์หรือโฟลเดอร์ออกจากโฟลเดอร์ที่บีบอัดไปยังตำแหน่งใหม่

    • เมื่อต้องการ Unzip เนื้อหาทั้งหมดในโฟลเดอร์ที่ซิป ให้กดโฟลเดอร์นั้นค้างไว้ (หรือคลิกขวา) เลือก แยกทั้งหมดจากนั้นทำตามคำแนะนำ

หมายเหตุ: 

  • เมื่อต้องการเพิ่มไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปยังโฟลเดอร์ที่ซิปที่คุณสร้างไว้ก่อนหน้านี้ ให้ลากรายการเหล่านั้นไปยังโฟลเดอร์ที่ซิป

  • หากคุณเพิ่มไฟล์ที่เข้ารหัสลับไปยังโฟลเดอร์ที่ซิป จะมีถอดรหัสเมื่อ Unzip ซึ่งอาจส่งผลให้มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลที่เป็นความลับโดยไม่ตั้งใจ เราขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงการซิปไฟล์ที่มีการเข้ารหัสลับเพราะเหตุผลนี้

  • ไฟล์บางชนิด เช่น รูป JPEG จะมีการบีบอัดในระดับสูงอยู่แล้ว หากคุณซิปภาพ JPEG หลายๆ รูป ลงในโฟลเดอร์เดียว ขนาดรวมของโฟลเดอร์จะมีขนาดพอๆ กับขนาดเดิมของรูปภาพรวม

    คำสั่ง Compressed (zipped) Folder ทำหน้าที่ อะไร

    โดยปกติแล้วเวลาเราคลิกขวาใช้คำสั่ง Send to -> Compressed (zipped) folder ทำการบีบอัดไฟล์หลายๆ ไฟล์พร้อมกันผลลัพธ์ที่จะได้คือไฟล์นามสกุล .ZIP ที่ใช้ชื่อสุ่มจากไฟล์ในกลุ่มนั้นๆ

    เมนูใดใช้เพื่อทำการบีบอัด (Compressed) โฟลเดอร์ที่เลือกไว้?

    คลิกขวาที่ไฟล์ หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการบีบอัด เลือกเมนู Send to > Compressed (zipped) folder. จากนั้นรอจนกว่าการบีบอัดไฟล์จะเสร็จสิ้น และได้ไฟล์ .

    ซิปไฟล์ทำไง

    เมื่อต้องการซิป (บีบอัด) ไฟล์หรือโฟลเดอร์.
    ค้นหาไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องกาซิป.
    กดไฟล์หรือโฟลเดอร์ค้างไว้ (หรือคลิกขวา) เลือก (หรือชี้ไปที่) ส่งไปยัง จากนั้นเลือก )โฟบเดอร์ที่บีบอัด (ซิป).

    เหตุใดจึงจำเป็นต้องบีบอัดโฟลเดอร์

    การบีบอัดข้อมูล มีความสำคัญในระบบการสื่อสารและจัดเก็บข้อมูล เนื่องจากทำให้เก็บหรือรับส่งข้อมูลได้มากขึ้น โดยใช้เนื้อที่เท่าเดิม (คำว่าเนื้อที่นี้ อาจจะเป็นเนื้อที่จัดเก็บข้อมูล หรือเนื้อที่ในช่องสัญญาณก็ได้)