���ҷ���˹�ҷ��ͧ�ѡ���¹ (Student code of conduet) ���ҷ���˹�ҷ��ͧ�ѡ���¹�մѧ��� 1. ���ҷ���˹�ҷ�赹�ͧ 1.1 �����ѡ���آ�Ҿ��ҧ���������ç����ó��������� 1.2 �ӨԵ���������ԧ ���������ԡ�ҹ 1.3 ��ա����§ͺ���آ �������ʾ�Դ�ء��Դ 1.4 �ٴ�����������ҹ ������Ҥ���� 1.5 ��ѹ ʹ�� �����֡���������¹ 1.6 ��蹡��ҷ�赹�ͧ��Ѵ ���ҧ�����ѹ�� 1 ������� 2. ���ҷ���˹�ҷ���;�������Ф�ͺ���� 2.1 ���Ϳѧ ��л�ԺѵԵ����ͺ���ͧ������ 2.2 ��������;�����ӧҹ��ҹ�������� 2.3 ���١��ѭ�� ���Ƿյ�;�������кؾ���� 3. ���ҷ˹�ҷ���ͤ�� �Ҩ���� ����ç���¹ 3.1 ��������þ������Ϳѧ���/ �Ҩ����ء��ҹ 3.2 ��ԺѵԵ�������������º�Թ�¢ͧ�ç���¹ 3.3 �ѡ����Ҥ����� �ʶҺѹ����֡�Ңͧ�� 3.4 ������������� �Ѻ���/�Ҩ���� ����ç���¹ 㹡�èѴ�Ԩ������ҧ � �ͧ �ç���¹ 3.5 �դ����ѡ ���Ѥ�յ������ѡ���¹���¡ѹ 4. ���ҷ���˹�ҷ���ͷ�ͧ��蹢ͧ���ͧ 4.1 �դ����ѡ ����Ҥ����㨵�ͷ�ͧ��蹢ͧ���ͧ 4.2 ��ҹ ��Ż�Ѳ��������ླ� ������Իѭ�ҷ�ͧ���������٭��� 4.3 ��������� ��оѲ�ҷ�ͧ��������ԭ����˹�� 4.4 ��ѡ���Ѿ�ҡø����ҵ� ��ҳʶҹ ��ҳ�ѵ�� 4.5 �ѡ�Ҥ������Ҵ�ͧ���觹�� �ҡ�� �ǹ�Ҹ�óе�ҧ � 4.6 ������Ǵ���������ҧ������� ��л����Ѵ 4.7 ������ҧ�ž�����Ѻ����Ǵ���� 5. ���ҷ���˹�ҷ���ͻ���Ȫҵ� 5.1 �����㹤������� �������ҹ ��Ż �Ѳ����� ���ླ� �ѹ�է���ͧ�� 5.2 �ѡ�����ǧ�˹�������͡�Ҫ�ͧ�ҵ��� 5.3 �������ʹѺʹع��û���ͧ��к���ЪҸԻ�� ����վ����ҡ�ѵ���� �繻���آ 5.4 �����Ǫ����բͧ�ҵ� 6. ���ҷ���˹�ҷ������ʹ� 6.1 �������� ��ѷ�� ���ʹҷ�赹�ͧ�Ѻ��� 6.2 ��ԺѵԵ����ѡ��������ͧ��ʹ� 6.3 �����������ʹ� 6.4 ��������Ԩ�����ҧ��ʹ� 6.5 ������ҧ���������������������ʹ� 7. ���ҷ˹�ҷ���;����ҡ�ѵ���� 7.1 ��������þ ����Դ�ٹʶҺѹ�����ҡ�ѵ���� 7.2 ����Ҿ���Ҫ����� �ͧ���ͧ���һ�Ժѵ� 7.3 ��������Ԩ������Ҫ�Ըյ�ҧ � �������������� ในปัจจุบันโรงเรียนมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการสร้าง และบ่มเพาะพลเมืองดีสู่สังคม เมื่อนักเรียนเข้ามาในโรงเรียน ก็เปรียบเสมือนนักเรียนได้เรียนรู้การปรับตัว และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมที่กว้างกว่าครอบครัวของตน สิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้ และซึมซับจากสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิต ดังนั้น บทบาทของครูและโรงเรียนจึงมีส่วนสำคัญในการจัดบรรยากาศของโรงเรียน ห้องเรียน รวมทั้งรูปแบบการเรียนรู้ที่เอื้อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการสร้างนักเรียน และเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่ดี ผ่านกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย รับฟังและเคารพเสียงของทุกคนมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันบนพื้นฐานของความเคารพ และมีเหตุมีผล หากโรงเรียน ห้องเรียน และครูสามารถปลูกฝังสิ่งที่เป็นพื้นฐานของการเป็นพลเมืองดีเหล่านี้ให้แก่นักเรียนได้อย่างสม่ำเสมอแล้วนั้น เด็กนักเรียนและเยาวชนทุกคนจะมีรากฐานของการเป็นพลเมืองที่ดี และสามารถปรับตัวที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอันกว้างใหญ่ขึ้นได้อย่างแน่นอน การปฏิบัติตนในฐานะตนในฐานะสมาชิกของชุมชน สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งในวัยของนักเรียนควรปฏิบัติ ดังนี้ 1. ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของชุมชน เช่น ปฏิบัติตามกฎจราจร โดยข้ามถนนตรงทางม้าลาย หรือสะพานลอย ไม่วิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถ ไม่ทิ้งขยะลงในที่สาธารณะ ไม่ทำลายสิ่งของที่เป็นของสาธารณะ และทรัพย์สินส่วนตัวของผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายเพราะความสนุกสนานของตนเอง 2. เข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน เพื่อช่วยรักษาและเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีของชุมชนไว้ ในแต่ละชุมชนจะมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา เช่น ประเพณีการทำบุญเมื่อถึงวันสำคัญทางศาสนา ประเพณีวันสงกรานต์ ประเพณีวันลอยกระทง 3. บำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน เช่น ช่วยเก็บเศษขยะที่พบเห็นในบริเวณต่าง ๆ ช่วยดูแลต้นไม้ ดอกไม้ในสวนสาธารณะของชุมชน 4. ร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยให้ทุกคนในชุมชนมีจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ชุมชนที่มีป่าชายเลน ควรจะร่วมใจกันอนุรักษ์ป่าชายเลน เพื่อให้เป็นที่อยู่ของสัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งยังเป็นแหล่งหลบภัยของลูกสัตว์น้ำอีกด้วย ชุมชนที่อยู่ติดชายทะเล ควรร่วมใจกันรักษาความสะอาดของชายหาด เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของชุมชน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชนควรเป็นความร่วมมือกันหลายฝ่ายระหว่างบ้าน โรงเรียน และชุมชน 3.4 การเป็นสมาชิกที่ดีของประเทศชาติและสังคมโลก 1. เคารพกฎหมายและปฎิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับของสังคม เมื่อพลเมืองทุกคนปฎิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับของสังคม และบทบัญญัติของกฎหมาย เช่น ไม่ล่วงละเมิดสิทธิของผู้ะอื่น หรือไม่กระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนดก็จะทำให้รัฐไม่ต้องเสียงบประมาณในการป้องกัน ปราบปรามและจับกุมผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษ นอกจากนี้ยังทำให้สังคมมีความเป็นระเบียบสงบสุขทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ไม่หวาดระแวงคิดร้ายต่อกัน 2.เป็นผู้มีเหตุผล และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ทุกคนย่อมมีอิสระเสรีภาพในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ซึ่งการรู้จักการใช้เหตุผลในการดำเนินงาน จะทำให้ช่วยประสาน ความสัมพันธ์ ทำให้เกิดความเข้าใจอันดีงามต่อกัน 3.ยอมรับมติของเสียงส่วนใหญ่ เมื่อมีความขัดแย้งกันในการดำเนินกิจกรรมอันเกิดจากความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และจำเป็นต้องตัดสินปัญหาด้วยการใช้เสียงข้างมากเข้าช่วย และมติส่วนใหญ่ตกลงว่าอย่างไร ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับความคิดของเรา เราก็ต้องปฎิบัติตาม เพราะเป็นมติของเสียงส่วนใหญ่นั้น 4.เป็นผู้นำมีน้ำใจประชาธิปไตย และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ผู้ที่มีความเป็นประชาธิปไตยนั้น จะต้องมีความเสียสละ ในเรื่องที่จำเป็น เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมและรักษาไว้ซึ่งสังคมประชาธิปไตย เป็นการส่งผลต่อความมั่นคง และความก้าวหน้าขององค์กร ซึ่งสุดท้ายแล้วผลประโยชน์ดังกล่าวก็ย้อนกลับมาสู่สมาชิกของสังคม เช่นการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ถึงแม้ว่าเราจะมีอาชีพบางอย่างที่มีรายได้ตลอดเวลา เช่นค้าขาย แต่ก็ยอมเสียเวลาค้าขายเพื่อไปลงสิทธิ์เลือกตั้ง บางครั้งเราต้องมีน้ำใจช่วยเหลือกิจกรรมส่วนร่วม เช่น การสมัครเป็นกรรมการเลือกตั้ง หรือสมาคมบำเพ็ญประโยชน์ส่วนรวม เป็นต้น 5.เคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ควรรูจักเคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นเช่นบุคคลมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด แต่ต้องไม่เป็นการพูดแสดงความคิดเห็นที่ใส่ร้ายผู้อื่นให้เสียหาย 6.มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม ชุมชน ประเทศชาติ ในการอยู่ร่วมกันในสังคม ย่อมต้องมีการทำงานเป็นหมู่คณะ จึงต้องมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในงานนั้นๆให้สมาชิกแต่ละคนนำไป ปฎิบัติตามที่ได้รับหมอบหมายไว้อย่างเต็มที่ 7.มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเมือง การปกครอง ในสังคมประชาธิประไตยนั้นสมาชิกทุกคนต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเมืองการปกครอง เช่น การเลือกตั้ง เป็นต้น 8.มีส่วนร่วมในการป้องกัน แก้ไขปัญหาเศษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง ช่วยสอดส่องพฤติกรรมมั่วสุมของเยาวชนในสถานบันเทิงต่าง ไม่หลงเชื่อข่าวลือคำกล่าวร้ายโจมตี ไม่มองผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเราเป็นศัตรู รวมถึงสงเสริมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆด้วยสันติวิธี 9. มีคุณธรรม จริยธรรม และปฎิบัติตนตามหลักธรรม ทุกคนควรมีศีลธรรมไว้เป็นหลักในการควบคุมพฤติกรรมของบุคลให้ดำเนินไปอย่างเหมาะสม ถึงแม้จะไม่มีบทลงโทษใดๆก็ตาม การมีส่วนร่วมในการเมืองการปกครอง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองการปกครองในระบบประชาธิปไตย ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้ ดังนี้ 1. การใช้สิทธิในกรเลือกตั้งระดับต่างๆ เมื่ออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ทุคนต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งในระดับประเทศ เช่นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา และการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เช่น การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร การเลือกตั้งสมาชิกองค์กรส่วนท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อเลือกตัวแทนไปทำหน้าที่บริหารประเทศหรือท้องถิ่นทั่วไป 2. การมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นประชาชนทุกคนล้วนมีส่วนร่วมมือกันสอดส่องดูแลการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลหรือตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ในองค์กรต่างๆ เพื่อไม่ให้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง 3. การเป็นแกนนำปลุกจิตสำนึกให้แก่ผู้อื่นในการร่วมกิจกรรมทางการเมืองการปกครอง ได้แก่การใช้สิทธิเลือกตั้งและการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอำนาจของรัฐ โดยการเป็นแกนนำนั้น สามารถปฎิบัติได้หลายอย่าง เช่น ประกาศโฆษณาประชาสัมพันธ์ การเข้าไปชี้แจงเป็นรายบุคคลการจัดให้มีการประชุมเพื่อแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นที่มีผลกระทบต่อสังคม |