เผยแพร่ 17 ต.ค. 2565 ,12:29น. รัฐบาลแจ้งชาวนาเช็กสิทธิประกันรายได้ปี 65/66ได้แล้ววันนี้ ย้ำแก้ปัญหาอย่างเข้าถึง-เข้าใจ เพื่อให้ชาวนามีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น วันที่ 17 ต.ค. 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี2565/2566 ว่า เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีรายได้ที่แน่นอน ตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล โดย พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะนี้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถตรวจสอบสิทธิประกันรายได้ปี 2565/2566 ผ่านออนไลน์ได้แล้ว สำหรับขั้นตอนตรวจสอบสิทธิผ่านออนไลน์ มี 3 ขั้นตอนดังนี้ เปิดประมูลทุเรียนลูกแรกในอ.นาแห้ว ลูกละ 3 หมื่นบาท เตือน! เล่นมือถือ-โทรศัพท์ขณะขับรถ เจอโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท ตามประกาศราชกิจจาฯ 1. คลิกไปที่เว็บไซต์ https://chongkho.inbaac.com 2. กรอกเลขที่บัตรประชาชนจำนวน 13 หลัก 3. หลังจากกรอกเลขบัตรประชาชนจำนวน 13 หลัก จะมีรายละเอียดเปิดบัญชีจำนวนเงิน และ โครงการช่วยเหลือที่ได้รับ ทั้งนี้หลังจากตรวจสอบในเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว หากมีข้อมูลขึ้นว่าได้รับเงินโอน สามารถเข้าไปตรวจสอบยอดเงินได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile จากธนาคากรเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวครอบคลุมกว่า 4.68 ล้านคน และสามารถเช็คผลโอนเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากเงินเข้าบัญชีแล้วสามารถรับทราบทันทีที่ https://chongkho.inbaac.com/ น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นอกจากชาวนาผู้ปลูกข้าว 4.68 ล้านครัวเรือนจะได้รับเงินโดยโอนตรงเข้าบัญชีอย่างโปร่งใสจากรัฐบาลทุกมาตรการแล้ว รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังเดินหน้ามาตรการเสริมอื่นๆ เพื่อให้พี่น้องชาวนาไทยมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการประกอบอาชีพอย่างเข้าถึงและเข้าใจ เช่น มีมาตรการป้องกันข้าวเปลือกราคาตกในช่วงระยะเวลาที่ข้าวประดังกันออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยมีเงินช่วยเหลือเกษตรกรไร่ละ 1,500 บาทต่อรายต่อข้าว 1 ตันให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวชะลอการขายข้าวในช่วงระยะเวลาดังกล่าว และยังมีโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็นเงินไร่ละ 1,000 บาท เพื่อช่วยชาวนาอย่างยั่งยืน "การตรวจสอบผ่านระบบออนไลน์เรื่องประกันรายได้ เป็นตัวเลือกหนึ่งที่รัฐบาลช่วยในการเข้าถึงข้อมูลที่สะดวกและรวดเร็วขึ้นของเกษตรกร ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยเกษตรกรทุกภาคส่วน และพร้อมเดินหน้ามาตรการใหม่ๆ เพื่อให้พี่น้องชาวนาอยู่ดีกินดีขึ้น"น.ส. ทิพานัน กล่าว คอนเทนต์แนะนำ
ไม่พลาดทุกเหตุการณ์ติดตามข่าวจาก PPTV ได้ที่ Subscribe เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
"เช็คสิทธิเงินเยียวยาเกษตรกร 65/66" เงินช่วยเหลือชาวนา ประกันรายได้ข้าว 65/66 เงินเยียวยาไร่ละ 1,000 ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกรอบวงเงิน เพื่อใช้สำหรับจ่ายชดเชยและเป็นค่าบริหารจัดการโครงการ และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยจะโอนเงินผ่านบัญชีของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/2566 ว่า เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีรายได้ที่แน่นอน ตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล ขณะนี้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สามารถตรวจสอบสิทธิประกันรายได้ข้าว 65/66 ผ่านออนไลน์ได้แล้ว โดยจะทยอยจ่ายเงินส่วนต่างราคาประกันรายได้ข้าว เงินเยียวยาไร่ละ 1,000 ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประกันรายได้ข้าว 65/66
เงินเยียวยาไร่ละ 1,000 บาท โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 หรือเงินช่วยเหลือชาวนา 2565 ไร่ละ 1,000 บาท ชาวนารับเงินสูงสุด 2 หมื่นบาท กรอบวงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างการเข้าสู่ที่ประชุม ครม. รอการพิจารณา คาดว่าจะเป็นวันที่ 18 ตุลาคม 2565 เนื่องจาก ธ.ก.ส. นัดโอนเงิน วันที่ 22 พ.ย.2565 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 65 ในงวดแรก ไทม์ไลน์โอนเงินประกันรายได้ข้าว
ช่องทางการเช็คสิทธิเงินเยียวยาเกษตรกร 65/66
อย่างไรก็ตาม นอกจากเงินเยียวยาเกษตรกร เงินประกันรายได้ข้าวแล้ว ยังมีเงินเยียวยาน้ำท่วม สูงสุดไร่ละ 11,780 บาท กรณีพื้นที่ทำการเพาะปลูก มีพืชตาย หรือเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟู หรือเยียวยาให้กลับสู่สภาพเดิมได้อีก ให้ช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่เสียหายจริง ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ในอัตรา ดังนี้
การประมง ให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยพิบัติที่สัตว์ตายหรือสูญหาย ให้ดำเนินการช่วยเหลือเป็นเงิน ดังนี้
หากคิดคำนวณพื้นที่เลี้ยงแล้ว ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยพิบัติรายใดจะได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 368 บาท ให้ช่วยเหลือในอัตรารายละ 368 บาท |