Show
…หากใครกำลังเบื่อวัสดุปูพื้นห้องแบบเดิมๆ หรือพื้นเก่าจนได้ฤกษ์เปลี่ยนของใหม่สักที แต่ก็ไม่อยากต้องมานั่งรื้อพื้นใหม่ให้เสียเวลา อาจเพราะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่ต้องพักอาศัยอยู่ทุกวัน จึงต้องการความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน แบบให้เสร็จใน 1 วันเลยได้ยิ่งดี มิฉะนั้นก็อาจต้องเสียเงินเช่าโรงแรม หรือรบกวนญาติๆกันอีกหลายวันเลยทีเดียว ซึ่งเทคนิคของการ “ปูพื้นใหม่ทับพื้นเก่า” จะสามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดีเลยครับ เพราะนอกจากจะมีประโยชน์ในเรื่องของการประหยัดเวลา และประหยัดค่ารื้อถอนพื้นเก่าไปได้เยอะแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการลดปัญหาเรื่องเสียงดังที่อาจรบกวนเพื่อนบ้าน รวมถึงพื้นที่หน้างานก็ไม่ต้องเลอะเทอะอีกด้วย โดยในปัจจุบันก็มีวัสดุมากมายเลยครับ ที่สามารถติดตั้งลงบนพื้นผิวของวัสดุเดิมได้ และแต่ละวัสดุก็จะมีความเหมาะสมในการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน หรือมีข้อควรระวังที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นผมจึงได้รวบรวมหัวข้อต่างๆที่ควรรู้ สำหรับคนอยากปูพื้นใหม่ทับพื้นเก่าไว้ดังนี้
1. พื้นแบบไหนที่สามารถปูพื้นใหม่ทับลงไปได้เลยก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจร่วมกันก่อนว่า ไม่ใช่พื้นทุกแบบที่จะสามารถปูพื้นใหม่ทับไปได้เลยนะครับ เพราะพื้นบางชนิดก็ยังมีความจำเป็นต้องรื้อออกไปก่อน มิฉะนั้นก็อาจส่งผลกระทบตามมาได้ในภายหลัง ดังนั้นจึงแนะนำให้สังเกตกันให้ดีๆก่อนว่า พื้นเก่าของเราเป็นแบบไหน ซึ่งผมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆดังนี้
2. สิ่งที่ต้องคำนึง/ข้อจำกัด ของการปูพื้นใหม่ทับพื้นเก่าถึงแม้ว่าการปูพื้นใหม่ทับพื้นเก่าจะสามารถช่วยลดขั้นตอนต่างๆ และประหยัดเวลาลงได้มากมายก็จริง แต่ก็ยังมีข้อควรระวังบางอย่าง ที่ต้องนำมาเป็นปัจจัยในการพิจารณาร่วมด้วย โดยมีหลักการง่ายๆก็คือ การทำพื้นใหม่จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเดิม และสามารถใช้งานต่อได้ตามปกติ รวมถึงยังต้องมีการเตรียมความพร้อมของพื้นผิวเดิมที่หน้างานให้ดี เพื่อที่เวลาติดตั้งพื้นใหม่ลงไปจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ ซึ่งผมก็สามารถสรุปสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมาได้ 3 หัวข้อหลักๆคือ
ระดับความสูงของพื้นห้องที่เพิ่มขึ้นจะมีผลอย่างไรการปูพื้นใหม่ทับลงไปโดยไม่ได้นำของเก่าออกก่อน แน่นอนว่าจะทำให้ตัวพื้นมีความหนาที่เพิ่มขึ้นตามวัสดุนั้นๆ (ยิ่งถ้าเป็นการปูพื้นใหม่เป็นกระเบื้อง ก็จะมีความสูงขึ้นอย่างน้อยๆ 1 – 2 cm. แต่ถ้าเป็นวัสดุอื่นๆก็อาจน้อยกว่านี้ครับ) ซึ่งความสูงที่เพิ่มขึ้นนั้นจะส่งผลอยู่ 3 ประเด็นหลักๆคือ
1. การเปิด-ปิดประตูห้องหากระดับพื้นสูงขึ้นมาจากเดิมแม้เพียงน้อยนิด ก็อาจส่งผลให้เราไม่สามารถเปิด-ปิดประตูได้สะดวกเหมือนเดิม ซึ่งหากเป็นประตูไม้ก็อาจต้องมีการไสประตูออกเล็กน้อย เพื่อให้เกิดช่องว่างใต้บานประตู แต่ถ้าเป็นประตูชนิดอื่นๆเช่น ประตูกระจกบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียม แบบนี้อาจต้องทำใจอยู่ 3 ทางเลือกหลักๆคือ
2. ความสูงฝ้าที่ลดลงการที่พื้นมีระดับความสูงเพิ่มขึ้น แต่ฝ้าเพดานยังคงอยู่ระดับเดิม แน่นอนว่าระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้าในห้องนั้นๆย่อมลดลงเป็นธรรมดา และจะส่งผลเมื่อเราไปยืนอยู่ในห้องนั้นๆคือ รู้สึกว่าห้องนี้เล็ก/แคบลง ความโปร่งโล่งลดลง และเตี้ยลง เป็นต้น โดยวิธีที่จะสามารถช่วยได้ก็คือ อาจทาสีห้องให้เป็นโทนสว่าง เช่น สีขาว เพื่อทำให้ห้องดูสว่างและกว้างมากขึ้น หรืออาจใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความโปร่งไม่ทึบตัน เพื่อลดความอึดอัดภายในห้องก็ได้ครับ 3. ความต่างระดับของพื้นในแต่ละฟังก์ชันในหัวข้อนี้ผมขอแยกอธิบายเป็นลักษณะของฟังก์ชันห้อง ซึ่งจะมีความจำเป็นและผลกระทบที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
น้ำหนักของพื้นใหม่ มีผลต่อโครงสร้างบ้านหรือไม่?ตามปกติแล้ว พรบ. ควบคุมอาคาร จะมีการกำหนดให้โครงสร้างบ้านต้องสามารถรับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 150 กก./ตร.ม. โดยน้ำหนักทั้งหมดก็จะถูกถ่ายเทลงมาตามเสา-คาน และหากตัวบ้านมีการบรรทุกน้ำหนักที่เกินความสามารถของโครงสร้างบ้านนั้นๆ ก็อาจส่งผลให้พังลงมาทั้งหลังได้เลยทีเดียว ซึ่งพอฟังแบบนี้แล้วก็เป็นประเด็นที่น่ากลัวมากๆเลยใช่มั้ยครับ และแน่นอนว่าการปูพื้นใหม่ทับลงไปบนพื้นเก่า ย่อมเป็นการเพิ่มน้ำหนักของตัววัสดุเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง เลยทำให้หลายๆคนก็อาจเริ่มกังวลว่า น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมานี้…อาจส่งผลเสียต่อโครงสร้างบ้านของเราด้วยหรือไม่? แต่จริงๆแล้วทีมช่างหรือวิศวกรที่ก่อสร้างบ้าน เค้ามักจะมีการออกแบบโครงสร้างให้สามารถรับน้ำหนักได้เผื่อเอาไว้อยู่แล้ว ประกอบกับวัสดุที่ใช้ปูพื้นส่วนใหญ่ก็จะมีน้ำหนักที่ไม่เยอะมากนัก จึงวางใจได้ระดับหนึ่งว่า การปูพื้นใหม่ทับลงไปเลยมักจะไม่ค่อยมีผลต่อโครงสร้างบ้านสักเท่าไหร่ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่มีน้ำหนักมากๆอย่าง พื้นหิน และพื้นคอนกรีตหนาๆ ซึ่งในส่วนนี้จะต้องปรึกษากับทางวิศวกรดูอีกครั้งครับ ตรวจเช็คความพร้อมของพื้นผิวเดิมให้เรียบร้อย ก่อนที่จะปูพื้นใหม่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เราไม่สามารถปูพื้นใหม่ทับของเก่าได้กับทุกสภาพพื้นผิวนะครับ เพราะถ้าพื้นเดิมอยู่ในสภาพชำรุดหรือเสียหายอยู่แล้ว ก็ควรที่จะได้รับการแก้ไขซ่อมแซมให้ดีก่อนที่จะติดของใหม่ทับลงไป เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและแข็งแรง สามารถใช้งานได้นานๆ เพราะมิฉะนั้นก็อาจเกิดปัญหากับพื้นใหม่ของเราในอนาคตได้นั่นเองครับ ซึ่งสิ่งที่ต้องตรวจเช็คหลักๆจะมีอยู่ 2 อย่างคือ ระดับของพื้นห้อง และความสมบูรณ์ของพื้นเดิม ระดับความราบเรียบ/ลาดเอียงของพื้นก่อนจะปูพื้นใหม่ทุกชนิดเราจำเป็นต้องมีการปรับระดับ และทำให้พื้นห้องมีความราบเรียบที่เท่ากันอยู่เสมอ เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังจากที่ปูพื้นใหม่ลงไปแล้ว ซึ่งเราอาจตรวจสอบได้จากการลองใช้มือลูบสัมผัส เพื่อเปรียบเทียบกับแผ่นพื้นที่อยู่รอบๆกัน หรืออาจใช้เครื่องมืออื่นๆเข้ามาช่วยทุนแรงก็ได้อย่าง เครื่องวัดระดับน้ำ เป็นต้น แต่สำหรับพื้นห้องน้ำ/พื้นระเบียง จำเป็นต้องมีความลาดเอียงที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการระบายน้ำไหลลงสู่ท่อน้ำทิ้งได้ดี โดยจะมีวิธีทดสอบก็ง่ายๆคือ เราอาจลองราดน้ำลงบนพื้นดูเลยก็ได้ ซึ่งหากยังมีน้ำขังนองอยู่เยอะ ไม่ยอมไหลลงสู่ท่อตามที่ควรจะเป็น ก็อาจแปลว่าพื้นส่วนนั้นมีปัญหา และต้องได้รับการปรับปรุงแก้ระดับความลาดเอียงของพื้นให้เสร็จก่อนปูทับพื้นใหม่ลงไปครับ ความสมบูรณ์ของพื้นเดิมก่อนจะปูพื้นใหม่ทับลงไป เราควรตรวจสอบความสมบูรณ์ของพื้นเดิมให้ดีก่อนว่า มีรอยแตกร้าว รอยบิ่น การโก่งตัว หรือหลุดร่อนบ้างมั้ย? ซึ่งหากตรวจพบก็ควรให้ช่างแก้ไขทำการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อน เช่น ใช้ปูนโป้วรอยร้าวให้เรียบร้อย / ขัดคราบรอยกาวของพื้นเดิมออก / นำแผ่นพื้นที่ชำรุดนั้นออกไป แล้วจึงปรับพื้นด้วยปูนทรายหรือปูนกาว เพื่อให้มีระดับพื้นที่เรียบเสมอกับพื้นเดิมที่เหลือ เป็นต้น รวมถึงอย่าให้มีโพรงอากาศ หรือช่องว่างใต้แผ่นพื้นเป็นอันขาด และต้องทำความสะอาดพื้นผิวเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา หรือสิ่งสกปรกทุกครั้งด้วยนะครับ เพื่อที่เวลาปูพื้นใหม่ทับลงไปจะได้ติดแน่นทนทาน และไม่เกิดปัญหาตามมาในอนาคตนั่นเอง วิธีตรวจสอบแผ่นกระเบื้องด้วยตัวเองแบบง่ายๆ :
3. วัสดุที่สามารถปูทับพื้นเก่าได้เลยมีอะไรบ้าง?หลังจากที่เราเตรียมความพร้อมของพื้นเก่าเรียบร้อย และรู้ถึงข้อจำกัดต่างๆแล้ว ก็จะเริ่มเข้าสู่ส่วนที่สำคัญอีกอย่างนั่นก็คือ “การเลือกวัสดุปูพื้น” ซึ่งปัจจุบันโลกของเรามีวัสดุให้เลือกใช้มากมายในท้องตลาด ขึ้นอยู่จุดประสงค์ที่จะนำไปใช้ และความชอบของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน โดยผมจะขอยกตัวอย่าง 6 วัสดุยอดนิยมที่สามารถใช้ปูทับพื้นเก่าได้ง่ายดังนี้ พื้นกระเบื้อง (Tile Floor)
พื้นไม้ลามิเนต (Laminate Floor)
พื้นกระเบื้องยางไวนิล (Vinyl Floor)
พื้นกระเบื้อง SPC (Stone Plastic Composite)
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood)
พื้นพรม (Carpet Floor)
…เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับข้อมูลที่ผมนำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่าขั้นตอนของการปูพื้นใหม่ทับพื้นเก่านั้นไม่ได้ยาก …แต่ก็ไม่ได้ง่ายซะทีเดียว โดยยังคงมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุพื้นเดิมหน้างานว่าจะมีความเหมาะสมมั้ย รวมไปถึงเรื่องของระยะความสูงต่างๆ ที่อาจมีผลต่อฟังก์ชันและการใช้งานด้วย โดยเราอาจต้องนำปัจจัยหลายๆอย่างมาประกอบการพิจารณา และเปรียบเทียบดูว่าบ้านของเราควรจะใช้วิธีไหนจึงจะเหมาะสมที่สุด แน่นอนว่าถ้าเราสามารถปูพื้นเก่าทับพื้นใหม่ได้โดยไม่ต้องรื้อแบบนี้ ประโยชน์หนึ่งที่จะได้แน่ๆคือเรื่องของการประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายในการรื้อพื้นเก่าไปได้มากเลยทีเดียว |